เรียงถ้อยจากรอยธรรม...เป็นคำฝาก
การเดินทางเสี่ยงตาย
เสี่ยงพิการ ผลาญทรัพย์สินและวันเวลา ไตร่ตรองและถามตนเช่นนั้น
เมื่อมีโอกาสออกจากสังคมเมือง ออกจาก office อันเคยชิน ไปสู่กิจกรรม
ปลุกคนให้เป็นพระ เป็นสมณะแท้ของพุทธ เพียงออกจากที่ทำงาน ซึ่งซ้ายขวาหน้าหลัง
มีงานท้าทายอยู่ นอนครั้งนี้แม้มิใช่ทุ่งโล่ง แต่ด้วยป่าไร้มลพิษก็ทำให้หลับสนิทดีนัก ซ้ำอิ่มนอนได้ง่าย ตื่นแล้วกาย เบาหัวสบาย ในงานครั้งนี้ เรามีกิจกรรมต้องเข้าร่วม ชีวิตจึงถูกสำนึกจัดระบบอีกครั้ง นอนไม่ดึกเกินไป ตื่นตีสามกว่า เล็กน้อย รับอาหารวันละหนึ่งมื้อ อย่างเป็นเวลา กับชีวิตที่ไร้ระบบอยู่บ่อยๆ ครั้นได้เข้ามาอยู่ในระบบ... รู้สึกดีจริงๆ โดยเฉพาะ รับอรุณด้วยไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ เยี่ยงนี้ดั่งกำหนด หางเสือ เพื่อสังวร ก่อนดำเนินชีวิตรายวัน... ยิ่งในวันนั้น รู้สึกดีมาก กับคำสอนของ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเข้าใจว่า เป็นยอดเพชร ในเพชรชั้นยอด ซึ่งได้เรียบเรียง เป็นเนื้อความ ตามประสาตนว่า... ความเติบใหญ่ อย่างยืนยง ในงานศาสนา ไม่อาจได้มา เพราะอัดฉีดเป่าลม ดั่งเป่าลูกโป่ง หากเราหลงให้งานเติบใหญ่ โดยใช้วิธีอัดฉีดเป่าลม ต้องอัดฉีดเป่าลมอยู่ร่ำไป และใครต่อใครที่ได้มาร่วมงาน เหล่านั้นก็เป็นเพียงคนหัวกลวงเท่านั้นเอง ซ้ำตนไม่ได้ วัดค่าศรัทธาบารมี ของตนมีแค่ไหน มิตรผู้ร่วมเกื้อกูล ของตนมีเท่าใด ฉะนั้นในงานศาสนา หากหมายลดอัตตา หมายพัฒนาให้ยืนยง จงให้เมตตาและปัญญาก็พอ...ส่วนการง้อ หรือ ฉีดอัดยัดเป่า ไม่ใช่วิธีที่ดี ความประทับใจนี้ จะเป็นบทปฏิบัติของตน ในการทำงานสืบไป... ตะโกนใส่กะโหลก ตนเองเช่นนั้น เพราะมาร่วมงานอบรม
ซึ่งอยู่โซนชนบท จึงมีโอกาสเยี่ยมชมชาวบ้าน เห็นชัดเจนว่า คนไกลสีสัน
สังคมเมือง หัวใจยังดูงาม ด้วยความเมตตาอยู่ เขาพร้อมเป็นผู้แบ่งปัน
คือเห็นทั้งผู้เฒ่า ผู้เยาว์ขวนขวาย ใส่บาตร เลี้ยงนักบวชกัน เยอะมาก
โดยเฉพาะภาพเด็กเล็กใส่บาตร ภาพประทับใจ ประมาณนี้ หาไม่ได้ง่ายเลย
ในสังคมเมือง แต่ชนบทนี้ มีให้เห็นมาก และทุกวัน ที่ดูประทับตา มากสุด
เหมือนจะเป็น คุณยายมากหลาย บ่ายของทุกวัน มีโอกาสสนทนาธรรม กับผู้สนใจใฝ่ธรรม ได้ตอกย้ำความจริงอีกข้อหนึ่งคือ ทุกชีวิต มีสิทธิ์ทุกข์ คนรวยคนสวย หนุ่มหล่อ หรือผู้มีตำแหน่งแต่งตั้ง กระทั่งผู้มากทรัพย์สิน มากความรู้ จากเห็นนี้ จึงอดบอกหลายคน ดังๆไม่ได้ว่า ทุกข์เป็นธรรมดา ในหมู่คน อย่าให้สมมุติของตน ครอบขังความทุกข์ เอาไว้เลย หลายคนเพราะได้สมมุติ ฉันเป็นครูบาอาจารย์ ฉันตำแหน่งใหญ่ จึงไม่อาจปรึกษาใคร... สุดท้ายเครียด ฆ่าสามี และฆ่าตัวตาย เรื่องมีมาแล้ว ฉะนั้นบอกไป... ใครไม่อยากทุกข์จงจำ และโดยจริง การร้องให้กับผู้รู้ ได้ทั้งดวงตาที่สดใส ทั้งหัวใจ ที่เบาสบาย เยี่ยงนี้จำเป็นอะไรต้องอาย! บ่ายวันหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่ง มาคุยด้วย เรื่องอาการถือสา ซึ่งไม่ถือสาปุถุชน คนโลกีย์ แต่ถือสา ผู้ใฝ่ดีในเส้นทางธรรม แปลก...แต่จริง! จึงได้ทบทวน ประสบการณ์ตน และแบ่งปันบทพินิจ เพื่อจิตปลอดถือสา ให้คนกลุ่มนั้นฟังว่า... ชีวิตทั้งชีวิตเป็นทุน
พลาดท่าหรือบรรลุถึงอรหัตผลเป็นเดิมพัน การแบ่งปันบทพินิจเพื่อจิตเบาสบาย ดูเหมือนเป็นบทปฏิบัติ เพื่อจิตเอิบอิ่มเบาสบาย ด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ทุกวันในงาน ช่วงบ่ายจึงขวนขวายกิจนี้... และรู้สึกดี เมื่อมาทบทวนก็ได้รู้ว่า ความรู้สึกดีเกิดมี เพราะตนไม่สาละวน อยู่เพียงตน ตนรู้จักฟังคน เข้าใจคน เกิดเมตตาต่อคน ที่สำคัญ ได้ทบทวนธรรม ที่ประพฤติมา เกิดปัญญาเท่าไร แบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ ไปคลายทุกข์ได้บ้างหรือไม่... เหล่านี้ก่อความรู้สึก... ได้ และมนุษย์เรา เพียงรู้สึก...ได้ คำว่าเสียเวลา ไร้ความหมายไปแล้ว ร่วมงานครั้งนี้ต้องพูดไม่น้อย
แต่ที่ติดหูตนกลับเป็นคำที่ฟังมา ฟังมามาก แต่มีสองคำ ซึ่งใช่ ค่ำแล้ว หากมัวบำเรออีร่าง แม้พรุ่งนี้ชีวิตยังมีอยู่...วิเศษอะไรกว่าคนตายหรือ? งานที่ไปร่วมจบลงแล้ว
แต่ภารกิจกอบกู้ตนยังไม่อาจจบลงได้ ปรากฏการณ์ดั่งคลื่นทะเล
ทยอยมา โถมถั่งมาไม่รู้จบ ผู้รู้ชี้ทางสวรรค์ให้ได้ แต่เดินออกจากนรกเป็นกิจของท่านทั้งหลาย ปรารถนาดีจาก ส.ร้อยดาว ๑๒/๔/๔๕ (ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๑ พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๔๕ ฉบับ จุดเทียนพรรษา) |