โบนี่ มารติน (เกือบจะ) โชคร้ายที่เกิดมารวย ตอน ๑๓
เขียนโดย โฆเซ่ หลุยส โอไลยโซล่า แปลโดย สว่างวัน ไตรเจริญวิวัฒน์ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ๒๕๔๒ ราคาเล่มละ ๗๕ บาท (รวมค่าส่ง) สั่งซื้อได้ที่ ธรรมทัศน์สมาคม ๖๗/๕๐ ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ สั่งจ่าย ปท.คลองกุ่ม
ผลกำไร จะนำไปช่วยเด็กยากจนในชนบท เริ่มลงในฉบับที่ ๙๑


(ต่อจากฉบับที่ ๑๐๐)

คืนนั้น โบนี่ไข้ขึ้นสูง วันรุ่งขึ้นแม่ของเด็กชายให้หยุดเรียนหนึ่งวัน

วันต่อมา เมื่อโบนี่จะขึ้นรถประจำทาง กลาร่า ทำเป็นมองไม่เห็นเด็กชาย หันไปพูดกับเพื่อน นักเรียนหญิง คนอื่นแทน เหมือนกับย้อนเหตุการณ์ไป เมื่อแรกที่โบนี่มาถึงหมู่บ้านใหม่ๆ กลาร่าก็เดินหนีอย่างนี้ โบนี่เข้าไปหาลูเซีย แล้วถามว่า

"กลาร่าเป็นอะไรไป"

"เขาเป็นอย่างนี้ก็เพราะเรื่องกาเนโล่นั่นแหละ" ลูเซียตอบ

"แล้วไงล่ะ" โบนี่ มาร๎ติน ถามต่อ

"กลาร่าบอกว่า ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องฆ่ามันเลย"

"ว่าไงนะ!" โบนี่อุทานด้วยความประหลาดใจ เด็กชายหลุดคำสบถดุเดือดมา อีกหลายคำ

"แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ"

"ลุงเอร๎เนสโต้ก็อธิบายแล้ว แต่เธอก็รู้นี่ว่ากลาร่า เป็นยังไง"

"เป็นคนงี่เง่าน่ะสิ" โบนี่สรุป

"เดี๋ยวก็หายเองแหละ" ลูเซียปลอบ

"บอกกลาร่าไปเลยนะว่าฉันไม่เห็นสนเลย" โบนี่กลับมาใช้คำสบถที่เขาเกือบจะลืมไปหมดแล้ว


ราวกับว่าเคราะห์ร้ายจะไม่มีวันมาเยือนเพียงหนเดียว อย่างที่แม่ของโบนี่ชอบเอ่ย ในเช้าวันสุดท้าย ของภาค การศึกษา คุณครูอาลีเซีย เริ่มอ่านคะแนน ประจำปีการศึกษา ด้วยท่าทีอ่อนโยนที่สุด คุณครูดูมีความสุข เนื่องจาก คุณครูขอลาพักร้อน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ พร้อมกับประกาศข่าว การแต่งงาน

คุณครูเริ่มแจกแจงคะแนนของนักเรียนแต่ละคน เมื่อมาถึงโบนี่ ราวกับว่า กำลังประกาศข่าวดี เมื่อคุณครู พูดว่า

"โบนี่ มาร๎ติน เกือบสอบผ่าน น่าเสียดาย ที่มีวิชาที่จะต้องสอบซ่อม ๒ วิชา แต่ครูเชื่อว่า เดือนกันยายนนี้ ก็คงจะสอบ ผ่านได้หมด"

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ โบนี่สอบตก หลังจากที่เด็กชายได้ทำทุกอย่างเพื่อคุณครู สอนให้ ขี่มอเตอร์ไซค์ จนค่อนข้างเก่ง ทั้งๆ ที่คุณครู ขี่รถไม่ค่อยเป็น คิดดูดีๆ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจ ที่คนรักของคุณครู ไม่ยอมให้ขี่ มอเตอร์ไซค์อีก เพราะเกรงว่า อาจเป็นอันตราย ต่อคนอื่น

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ โบนี่ทำตัวน่าขายหน้าต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งห้อง เพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ที่ประตูทางออกของโรงเรียน คุณครูอาลีเซียรออยู่ และคว้าคอเสื้อของโบนี่ เหมือนคราวที่แล้ว

"ถ้าเธอต้องให้คะแนนวิชาขี่มอเตอร์ไซค์ของครู เธอจะให้ครูสอบตกกี่ข้อ" คุณครูถาม

"ทุกข้อเลย!" โบนี่ตอบอย่างโกรธเกรี้ยว

"แหม ครูให้เธอตกแค่ ๒ วิชาเท่านั้น ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้ ถ้าเธอเตรียมตัวสักหน่อย ก็จะสอบผ่านได้ อย่าลืมสิว่า ตอนแรก เธอเรียนแย่มาก"

ถึงแม้ว่ากลาร่าจะน่ารักน่าเอ็นดูมากเท่ากับ หรืออาจจะมากกว่า คุณครูอาลีเซีย แต่กลาร่า ก็ไม่มีกลิ่นหอม ของสตรอเบอรี่ ที่ทำให้ทุกคน ต้องมนต์เสน่ห์ ไม่มีมืออันอ่อนนุ่ม ซึ่งสัมผัสใครแล้ว จะทำให้คนนั้น สั่นสะท้าน หวั่นไหว แม้จะเป็นความจริงที่ว่า มือคู่นี้ไม่เหมาะ สำหรับบังคับเครื่องยนต์ อย่างมอเตอร์ไซค์ ก็ตาม แต่คุณครูยืนยัน จะทำเช่นนั้น

"ครูแต่งงานเมื่อไหร่ ครูจะทำทุกอย่าง ที่ครูอยากทำ ครูจะกลับมาขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วให้เธอขี่รถอีกด้วยนะ"

"ภรรยาแบบไหนนะที่คุณครูจะเป็น" โบนี่เอ็ดคุณครูอาลีเซีย

"ก็อย่างที่เธอได้ยินนั่นแหละ" คุณครูพูดเคร่งขรึม "แล้วครูจะให้เธอขี่รถอีก เพราะฉะนั้น ไม่คุ้ม หรอกนะ ที่เธอจะมาโกรธครู"

จริง ๆ แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะโกรธคุณครูอาลีเซีย แต่ความจริงข้อนี้ ไม่ได้ปัดเป่า ความเศร้า ให้หมดไปจาก ใจของโบนี่ ราวกับว่า กระแสความเศร้า แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทันใดนั้น ดูประหนึ่งว่า ความเศร้าจะปกคลุม ไปทั่วหมู่บ้านเอล๎ กัสตาญาร๎ แม้แต่ คุณป้าอังกุ๊สเตียส ซึ่งเคยร่าเริงแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ก็ยังหม่นหมอง ทั้งๆ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ เปลี่ยนเป็นงดงาม วิจิตรเกินคำบรรยาย ไม่เหลือสภาพโทรมๆ ที่โบนี่เห็น ในวันแรก เมื่อมาถึง ไม่มีภาพถนนเลอะโคลน ฝูงไก่สกปรก ที่คอยจิกกินช่อกะหล่ำดอก เมื่อเริ่มเข้าฤดูร้อน แม่บ้านทุกคน ต่างฉาบปูนขาว ตามฝาผนังบ้าน แล้วคอยแอบเมียงมอง บ้านข้างๆ ดูสิว่า ใครจะฉาบปูน ได้ขาวกว่ากัน น้ำไหลจากภูเขา ไปตามลำธาร ได้ยินเสียงกระซิบของน้ำ ฟังเสนาะหู ระเบียงหน้าบ้าน ทุกหลัง มีดอกเจราเนียม บานสะพรั่ง

"แล้วทำไมคุณป้าอังกุ๊สเตียสถึงดูเศร้าโศกนัก" มานูเอล มาร๎ติน ถามภรรยา ในวันอาทิตย์หนึ่ง

อิซาเบลพูดเสียงเบาลง เพื่อไม่ให้โบนี่ได้ยิน เธออธิบายให้สามีฟังว่า ในที่สุด คุณป้าก็รวบรวมเงิน ส่งไปให้ลูกชาย ซื้อตั๋วได้สำเร็จ แต่เขาไม่ยอมกลับมา มิหนำซ้ำ ยังเก็บเงินทั้งหมด ไว้อีกด้วย

"แย่จัง!" มานูเอลอุทานด้วยความผิดหวัง แล้ว กล่าวเสริมอย่างเข้าใจว่า "แต่ก็แน่ละ ผมเข้าใจดีว่า เด็กหนุ่มๆ คงจะอยากอยู่ที่เมืองใหญ่ อย่างบาเลนเซียมากกว่า น่าสงสารคุณป้าจริงๆ !"

โบนี่ มาร๎ติน แปลกใจที่พ่อแม่กระซิบกระซาบกัน เพื่อไม่ให้เขาได้ยิน ในเรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันทั่ว ยิ่งไปกว่านั้น โบนี่ยังรู้รายละเอียด มากกว่าเสียอีก เพราะลูเซียเล่าให้ฟังว่า ตัวเธอเอง ทะเลาะกับแม่ เป็นการใหญ่ ที่ใช้เงินสูญเปล่า เอาเงินที่พวกเขา เฝ้าอดออมมา ด้วยความยากลำบาก ไปผลาญเสียหมด แม่ตบหน้า ลูเซียด้วย แม้ว่าคุณป้าอังกุ๊สเตียส จะใจดีประดุจนักบุญ แต่บางครั้ง ก็อบรมลูกสาว ด้วยการลงไม้ลงมือ เหมือนกัน

นอกจากนี้ ป้าอังกุ๊สเตียสยังเอาเงินส่วนของลุงเอร๎เนสโต้ไปด้วย เพื่อจะได้พอส่งให้ลูกชาย แน่นอน คุณป้าตั้งใจ ยืมไปก่อน แล้วค่อยคืนให้ทีหลัง แต่ลุงเอร๎เนสโต้ ไม่ยอมเข้าใจเช่นนั้น และโกรธมาก เพราะทั้งลุง และลาคู่ใจ ก็แก่ลงทุกที ถ้าลุงไม่มีเงินเก็บสักก้อน คงต้องไปอยู่บ้านพัก คนชราแน่ๆ

สรุปแล้ว ทุกคนทะเลาะกันไปหมด จนธุรกิจขายขนมเปรูนียัสต้องหยุดชะงักไป

"ทุเรศที่สุด" โบนี่กลับไปสบถเหมือนสมัยก่อน

"อย่าวิตกไปเลย" พ่อตอบ ระยะนี้พ่อมาเยี่ยมที่ เอล๎ กัสตาญาร๎ž ทุกอาทิตย์ไม่เคยขาด "พอถึงฤดูร้อน พวกเราคงได้กลับมาดริดแน่ๆ"

"แล้วทำไมเราจะต้องกลับมาดริดด้วยล่ะ" และนี่คือคำตอบของโบนี่

ในขณะที่พ่อรู้สึกสิ้นหวังกับการต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างมาดริดและหมู่บ้าน คุณหมอนาเกร่า รู้สึกพึงพอใจ กับผลการทดลองมาก คุณหมอเพียรถาม แต่รายละเอียด เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ของโบนี่

"ก็อย่างที่ฉันเล่าแล้วไง" มานูเอลเอ่ย "เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าเคยมีปัญหาอะไร โบนี่กังวลอย่างเดียว แหละ คือ เรื่องขายขนม เปรูนียัส ดูแลรถมอเตอร์ไซค์ ของคุณครู อะไรทำนองนี้ ลองคิดดูสิ เมื่อก่อนลูกคนนี้ ลืมแม้กระทั่ง มอเตอรŒไซค์ของตัวเอง เหมือนกับเด็กอื่นๆ ที่ลืมถอดเสื้อแจ็กเกตทิ้งไว้ แต่ตอนนี้ ความสุขที่สุด ของเขาคือ ดูแลมอเตอร์ไซค์ ของคุณครู!"

"เยี่ยมมาก" คุณหมอจิตวิทยาถามต่อไปว่า "แล้ว ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านล่ะเป็นยังไง"

"กับพวกเด็กผู้ชายนั้น ฉันก็ไม่รู้นะ แต่กับเด็กผู้หญิงละก็ ความสัมพันธ์ดีมาก อิซาเบลบอกว่า โบนี่ตกหลุมรัก สาวน้อย ๒ คนเป็นอย่างน้อย คือกับลูกผู้น้อง ที่หน้าตาน่าเอ็นดู ส่วนอีกคน ฉันไม่ค่อยแน่ใจ ว่าจะเป็น ลูกผู้พี่ หรือ คุณครูกันแน่"

"สงสัยจะเป็นคุณครูมากกว่า" คุณหมอสันนิษฐาน

"แล้วฉันล่ะ จะให้ทำยังไง" พ่อที่กำลังรู้สึกเบื่อมากถาม

"ฉันคงแกล้งทำเป็นคนล้มละลายไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก ยิ่งกว่านั้น ฉันเหนื่อยหน่าย ที่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ กับรถบุโรทั่ง คันนี้เต็มที"

"แล้วนายคงคิดหาทางออกได้เองแหละ" หมอตอบ "หน้าที่ของฉันคือรักษาลูกนายให้หายโง่ และรู้สึกว่า จะบรรลุผล ตามเป้าหมายแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่อง ของนายแล้ว"

"นายนั่นแหละ ทำให้ฉันยุ่งวุ่นวายไปหมด" มานูเอลต่อว่าหมอ

"อะไรนะ ฉันน่ะรึ" คุณหมอแปลกใจ "นายน่าจะพูดว่า ฉันช่วยนายให้หลุดพ้น จากเรื่องวุ่นวาย มากกว่า หรือนายลืมไปแล้ว เรื่องรถมอเตอร์ไซค์ ๗ คัน สล็อตแมชชีน รวมทั้งเรื่องอื่นๆ อีกร้อยแปด"

มานูเอลจำต้องยอมรับ ได้แต่เกาหัว จนผมยุ่งฟู

ดังนั้น พอเห็นลูกชายกลับมาบ่นแบบเดิมๆ อีก จึงคิดว่า น่าจะลองเสี่ยง ชวนให้กลับมาดริดดู

"กลับมาดริดนะเหรอ" อิซาเบลประหลาดใจ เมื่อมานูเอลบอกว่า เขาจัดการอะไรได้เล็กน้อย ทำให้พวกเขา ไม่ได้ล้มละลายไปทั้งหมด

"เธอไม่อยากกลับไปหรือ" มานูเอลถามด้วยความ รู้สึกเหลือเชื่อ

"ฉันก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี” อิซาเบลครุ่นคิด ขณะที่มือถักเสื้อ แต่ลดสายตาลง มองดูการตั้งครรภ์ ที่ยอดเยี่ยม ของตน "ใครๆ ก็บอกว่า หมู่บ้านนี้เป็นที่ที่มีลูก ได้ง่ายมากเลย"

"ยังไม่ทันคลอดลูกคนนี้เลยนะจ๊ะ เธอคิดจะมีลูกคนต่อๆ ไปแล้วหรือ" มานูเอลถามอย่างงุนงง

อิซาเบลหน้าแดง ตอบว่า

"แหม! ก็เพราะที่นี่มีลูกง่าย และถ้าอยากจะมีลูกกันจริงๆ แล้วละก็ ใจฉันอยากจะมีสัก ๖ คน อย่างที่เรา เคยคิดไว้ ตอนที่แต่งงานกันไงคะ"

มานูเอล มาร๎ติน เป็นผู้ชายที่ยืนอยู่บนพื้นฐาน ของความจริง เขามองไปรอบๆ แล้วพูดว่า

"ถ้ายังงั้น เราก็ต้องต่อเติมบ้านให้ใหญ่ขึ้น"

"แต่เอาเท่าที่จำเป็นนะคะ ฉันไม่อยากได้บ้านที่ใหญ่เกินไป" อิซาเบลเตือน

เมื่อโบนี่รู้เรื่องพ่อกู้สถานการณ์บางอย่างได้ จึงถามพ่อว่า

"ถ้าพ่อยังพอมีเงินเหลืออยู่บ้าง พ่อยังเหลืออีกเยอะไหมครับ ตกลงพ่อขาดทุนไป ทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่"

พ่อตอบเผื่อๆ ว่า "พ่อก็หมดเงินไปพอควร แต่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง อย่างพ่อยังเหลือ เครื่องบินส่วนตัว..."

"แล้วมีเงินพอค่าน้ำมันหรือครับ ก็เครื่องบินส่วนตัว กินน้ำมันเปลืองจะตาย" โบนี่เตือน

"ใช่...ใช่... ลูกพูดถูก" พ่ออึกอัก รู้สึกดีใจไม่น้อยที่ทุกๆ อย่างดีขึ้น

"พ่อจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าจะพาเพื่อนผมที่อยากเป็นนักบิน ไปนั่งเครื่องบินสักรอบ" โบนี่ถาม ด้วยความหวัง เต็มเปี่ยม

"ได้สิ ได้เลยลูก"

โบนี่คิดใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า

"พ่อครับ พ่อคิดว่าพอจะหาเงินสัก ๔๐,๐๐๐ ดูโร่ได้ไหมครับ"

มานูเอล ซึ่งน่าจะมีเงินประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านเปเซต้า จำต้องพยายามตีหน้าเศร้า อย่างสุดฤทธิ์

"๔๐,๐๐๐ ดูโร่น่ะหรือ" มานูเอลเอ่ย เพื่อทอดเวลาคิดสักหน่อย "ก็ตั้ง ๒๐๐,๐๐๐ เปเซต้าเชียว นะลูก"

โบนี่พยักหน้ารับ

"เป็นเงินมากเหมือนกัน" พ่อแกล้งพูด "แต่พ่อว่าน่าจะพอหาได้"

"คือว่ายังงี้" โบนี่ มาร๎ติน อธิบายอย่างกระตือรือร้น "กามีโล่บอกว่า มีคนขายเตาอบไฟฟ้า สำหรับทำ ขนมเปรูนียัส คงจะวิเศษมาก ถ้าเราทำขนมได้เป็นพันๆ ก้อนทุกอาทิตย์ เราคงจะทำเงิน ได้มากเลย ยิ่งถ้าซื้อเครื่องทำกล่อง กระดาษแข็งได้ ขนมจะได้ดูน่าซื้อขึ้นอีก ถึงตอนนั้น เราต้องรวยมาก ๆ แน่เลย"

มานูเอลรู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะจำได้ว่าเมื่ออายุเท่าโบนี่ เขาก็เริ่มธุรกิจ ด้วยการขายลูกเกาลัด อบนม ผสมน้ำผึ้ง

"ตกลง โบนี่ แต่ลูกต้องจำไว้นะว่า อย่าให้รวยจนเกินไป มิฉะนั้นจะมีปัญหามากมายตามมา" พ่อกล่าวเตือน

โบนี่พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ พลางพูดกับพ่อว่า

"สิ่งที่ต้องระวังคือ อย่าให้ล้มละลายเหมือนพ่อใช่ไหมครับ"

"ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!" พ่อตอบ "แต่แม่ของลูกเล่าว่าหุ้นส่วนของลูก คือทั้งลุงเอร๎เนสโต้ ป้าอังกุ๊สเตียส และแม้แต่ กลาร่ากำลังโกรธกันไปหมด พ่อว่าลูกคงต้องมีผู้ช่วยใช่ไหม"

"แน่นอนครับ" โบนี่ยืนยัน "แต่ถ้ามีเตาอบไฟฟ้า คิดว่าทุกคนคงคืนดีกันทันที"

"ลูกพูดถูก" พ่อชมและถือโอกาสเช็ดน้ำตาไปด้วย เพราะมานูเอลรู้สึกว่า ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว

โบนี่มีสีหน้าเศร้าสร้อยขณะกล่าวว่า

"ที่แย่ที่สุดคือ กลาร่า เธอทำตัวน่าโมโหมากครับ"

"จริง ๆ นะพ่อ กลาร่าเป็นยังงั้นจริงๆ" โบนี่ ยืนยัน "เธอคิดแต่ว่าผมฆ่าหมาของเธอตามอำเภอใจ ขนาดลุง เอร๎เนสโต้ อธิบายเป็นล้านๆ ครั้ง ก็ยังไม่ได้ผลอะไรเลย กลาร่าไม่ยอมเข้าใจสักที”

"แล้วทำไมไม่หาหมาให้กลาร่าอีกตัวละจ๊ะ แม่ซึ่งนั่งถักโครเชต์อยู่ใกล้ๆ เสนอ

"แย่จริงๆ" โบนี่บ่นอย่างหงุดหงิด "ทั้งหมู่บ้านนี้ มีแต่หมากับหมา จนล้นหมู่บ้าน แต่กลาร่า ชอบแต่เพียง กาเนโล่เท่านั้น"

"ลูกแน่ใจหรือ" พ่อถาม

(อ่านต่อฉบับหน้า)

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๑ พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๔๕ ฉบับ จุดเทียนพรรษา)