ใครสักคน บันทึก / น้ำค้างหยดเดียว

๓๐ บาทรักษาทุกโรค กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในวงการสาธารณสุขว่าจะมีความเป็นไปได้แค่ไหน แม้ประชาชน จะมีความสุข สมใจกับสวัสดิการนี้ ก็ยังไม่แน่ว่ารัฐจะสนอง (นโยบายของตัวเอง) ไปได้สักเท่าไร เพราะเงิน
งบประมาณ ก็ร่อยหรอเต็มที ซ้ำบุคลากรทางการแพทย์ก็ดูจะไม่ยินดีเต็มใจนัก

ที่แน่ๆ นอกจากปัญหาสุขภาพโดยรวมของประชาชนแล้ว โรคหนึ่งซึ่งระบาดหนักมานาน ที่กี่บาท ก็รักษา ไม่ได้ คือ โรคขาดกำลังใจ ขาดความอบอุ่น โรคที่ทำให้สังคมไทย กะรุ่งกะริ่ง

คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาว มีกำลังซื้อสินค้ามาบำเรอกิเลสมากมาย ทั้งที่ฟองสบู่ แตกไปแล้ว แต่ขาดกำลังใจอย่างยิ่ง ในการดำรงชีวิตอยู่ พวกเขาไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้เลย ในทุกสถานการณ์ เครื่องมือสื่อสาร ที่สำคัญยิ่งยวด คือโทรศัพท์มือถือ ที่ส่วนใหญ่ มิได้มีไว้เพื่อติดต่อธุรกิจ หรือกิจธุระ จำเป็นอื่นใด ยิ่งไปกว่าโทร.ออดอ้อนกัน ครั้งละนานๆ โดยไม่เลือกกาลเทศะ โทร.เรียกเพื่อน มากินบะหมี่ สำเร็จรูป โทร.สอบถามที่ดูหนังฟังเพลง โทร.พิไรรำพันว่า...ที่โน่นฝนตกไหม เค้าอยู่ทางนี้ เหงามาก-ก-ก-ก เลยตัวเอง

* ...ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ โอ...สุดแสนจะซาบซึ้ง
ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง...
(* เพลง เล่าสู่กันฟัง ขับร้องโดย ธงไชย แมคอินไตย)

นั่นคือประโยค 'โดนใจ' ใครหลายคนผู้ขาดแคลนกำลังใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงนุ่มๆ อันแสนอบอุ่น ของพี่เบิร์ด แต่ในความเป็นจริง ใครจะทนฟังใครได้สักแค่ไหน เมื่อกาลเวลาผ่านไป ที่เคยอยากฟัง ทุกเรื่องราว ก็เบื่อหน่าย จะอยากฟังก็แต่เรื่องราวของ เจ้าใหม่-หน้าใสๆ มิใช่ซ้ำซากจำเจ อยู่กับเจ้าเก่า-หน้าเดิม

...คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน...

โอ้โอ๋...อนิจจา ในยุคสมัยที่ผู้คนแสนจะออดอ้อนอ่อนแอ ยุคสมัยที่ผู้ชายใช้ที่คาดผม ใส่ตุ้มหู สวมกำไล เส้นไหม ร้อยลูกปัด ผู้หญิงก็พูดจาแบะๆ แบๆ ฟังไม่เป็นภาษา ใครจะดูแลใคร เมื่อต่างคนต่างพร่อง ใครจะ 'เติมเต็ม'ให้ใครได้ เห็นมีก็แต่คนช่วยแชร์ค่า อพาร์ทเมนท์ เป็น 'ใครสักคนชั่วคราว' ที่พร้อมจะโบกมือลา เมื่อมี 'ตัวช่วย' ใหม่ ใครสักคนที่ก็เต็มไปด้วย กิเลสตัณหา เห็นแก่ตัว และน่าสงสาร พอกันกับคนร้องขอ

ไม่ใช่มองโลกในแง่ร้าย แต่อยากให้อยู่กับความจริงยิ่งกว่าความเพ้อฝัน และความรักแบบ มักง่ายไร้ราก


ห้วงเวลาที่บาดเจ็บจากใครบางคน ยังผลให้หมกมุ่นขุ่นข้องอยู่ในโลกเศร้าส่วนตัว กลับบ้านก็พกพา เอามันไปด้วย เพราะสลัดไม่หลุด และไม่คิดว่า ใครจะสังเกตเห็น เพราะก้มหน้าก้มตาทำงานบ้าน ประมาณว่า ขยันสุดฤทธิ์ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ผู้ที่อดรนทนไม่ได้ เพราะทุกข์ยิ่งกว่า คือแม่ ผู้หาโอกาส เลียบๆ เคียงๆ ถามว่า... ลูกเป็นอะไรไปหรือ ทำไมไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มไม่แย้มเลย เป็นอาทิตย์มาแล้ว

...วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน...
นี่ไง 'ใครสักคน' ที่ห่วงหาอาทรเราอย่างแท้จริง ใครคนที่รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะอยู่กันมา นานแค่ไหน คนที่ไม่เคยเบื่อหน่าย ที่จะฟังทุกเรื่องราวของเรา ไม่ว่าทุกข์หรือสุข ทำไมเราจึงเห็นแก่ตัว แบกโลกแห่งความโง่งมงาย มาแบ่งปันให้ท่านพลอยเศร้าหมอง ไร้สุขไปด้วยถึงปานนี้

เชื่อเถอะ...ถ้าวันนี้คุณยังมีแม่อยู่ อย่าไปเสียเวลาวิ่งไล่ไขว่คว้าเงาในน้ำ ที่ไม่เคยมีอยู่จริง สร้างกำลังใจ ให้เข้มแข็ง ด้วยตัวเอง เพื่อตัวเองและคนที่รักคุณ แบ่งเวลาให้ท่านบ้าง โทร.หาก็ยังดี ไม่ใช่นึกถึงท่าน เป็นคนสุดท้ายเสมอ และหากคุณบอกว่าเหงา ท่านคงเหงากว่า เพราะคุณยังแข็งแรง โลกของคุณยังสดใส และ มีผู้คนอีกมากมาย อยู่รายล้อม แต่ในโลกของ ผู้หญิงที่คุณเรียกว่า 'แม่' คนที่สำคัญที่สุดของท่าน คือ คุณ

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๒ ก.ค. - ส.ค. ๒๕๔๕)