คุณยายที่แสนดี รับเชิญ - กบ แดนไท


ควันไฟบางๆในยามเช้า ลอยคลุ้งมาจากเตาฟืนเล็กที่ตั้งอยู่ภายในกระท่อม เสียงคุณยายดังแว่ว มาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะ อยู่เป็นระยะ วันนี้คุณยายต้มน้ำย้อมผ้าให้สมณะ สิกขมาตุ และชาวชุมชน คุณยาย มีเพียงเตาเล็กๆ และปีบ ๑ ใบ ในการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ เช่น เปลือกมังคุด ไม้ฝาง คุณยายมีกรรมวิธี มากมาย ในการทำให้สีคงทน สวยทนและใช้สอยได้นาน

ยายเหมือนคำเป็นคุณยายที่ทุกคนรักและศรัทธา เพราะคุณยายรักหลานทุกคน เท่าเทียมกัน มีอะไร ที่คุณยาย พอจะช่วยได้ คุณยายก็จะช่วยเสมอ

คุณยายเป็นคนที่แข็งแรง บางครั้งเห็นคุณยายทำสวนตั้งแต่เช้ามืดจนถึงค่ำ เหมือนไม่เหนื่อยล้า งานไหน ที่คุณยายชอบ คุณยายก็ตั้งใจทำอย่างมาก จะเห็นคุณยายทำงาน อย่างไม่มีวันหยุด เป็นทั้งแม่ครัว ช่างทอผ้า ช่างย้อมผ้า กสิกรรม และยังเป็นหมอรักษาไข้

ภูมิปัญญาที่คุณยายมีสูงค่านัก เพราะสามารถนำมาปฏิบัติจริง แม้คุณยายจะจบเพียงป.๔

"เจริญธรรมครับ" เสียงคมดังกลบเสียงหัวเราะของคุณยาย

"ไปไสมาไสล่ะลูก" คุณยายทักเป็นสำเนียงอีสาน

"เอาผ้ามาให้ยายช่วยย้อมให้ และก็มาช่วยคุณยายย้อมผ้าด้วย"

"ดีๆ วันนี้พระคุณท่านเอาผ้ามาให้ยายย้อมหลายผืน"

คมกุลีกุจอช่วยคุณยายย้อมผ้าต่างๆ ที่จริงวันนี้ คมไม่ได้คิดที่จะเอาผ้า มาย้อมสักเท่าไหร่ แต่คมมีความรู้สึกเหนื่อย และเครียดหลายอย่าง จากการทำงาน คนที่คมรักที่สุดในชุมชน ก็คือคุณยาย เหมือนคำ คมจึงมาหาคุณยาย ได้อยู่ใกล้ๆยาย ก็มีความสุข และอบอุ่นในใจ เพราะได้ยินเสียงหัวเราะ คำพูดของยาย ทำให้ความทุกข์ ที่มีอยู่ภายในใจคมลดลง

คมจะเล่าปัญหาให้ยายฟัง ยายก็ช่วยแก้ปัญหาให้ และบอกให้คมทำใจให้สบายและมีความสุข คมรู้จักยายเหมือนคำ ตั้งแต่คมได้เข้ามาเรียน โรงเรียนสัมมาสิกขา ตอนนั้นคมยังเล็กนัก และชอบ ที่จะไปหายาย ที่กระท่อม คุณยายจะมีข้าวเหนียวส้มตำ ซึ่งเป็นอาหารโปรดของคมเลยทีเดียว

"มื่ออื่น มีงานกินข้าวหาด ยายสิเอ็ดส้มตำบ่ครับ"

"เฮ็ดอยู่ จั๋งได๋ อย่าลืมไปกินเด้อ" วันกินข้าวหาดของทุกเดือน คุณยายจะตื่นแต่เช้า มานึ่งข้าวเหนียว และตำส้มตำ ให้ลูกหลานกิน ครกของยายจะใหญ่เป็นพิเศษ ยายบอกว่า ตำทีละเยอะก็ได้กินกันเยอะๆ

วันนั้นคมเห็นคุณยายมีความสุขจากการทำงานที่เสียสละ คุณยายเห็นทุกคนอิ่ม คุณยายก็สุขใจ

ชุมชนปฐมอโศกมีพื้นที่ในการทำนาไม่มากนัก เมื่อถึงเวลาทำนา คุณยายเป็นคนแรก ที่จะเริ่มต้นทำนา ตั้งแต่หว่านกล้า ถอนกล้า ดำนา จนถึงเกี่ยวข้าว พวกเราลูกหลาน ก็ไปช่วยกันทำนา คุณยายบอกว่า "แม้มันจะยาก ยายก็จะทำ"

ตอนดำนา พวกเราไปช่วยกัน โดยไปกินข้าวกันที่นา คุณยายนิมนต์พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ และ สมณะทุกรูป ไปเป็นประธาน พ่อท่านรับนิมนต์ การทำงานครั้งนั้น จึงเป็นการหลอมรวมกัน เพิ่มกำลัง สามัคคี ของชาวชุมชน

คุณยายพาทำนาแบบธรรมชาติ ตอนดำนาดินแข็งมาก เพราะว่าเราไม่มีการไถพรวนดิน แต่ก็พากันใช้ ไม้แหลมแทงดิน ให้เป็นหลุม และก็เอากล้าดำลงไป หลังจากดำนาเสร็จ คุณยายก็จะมาหมั่นดูแล ต้นข้าว อยู่เป็นประจำ จนต้นข้าวออกรวง เป็นสีเหลืองเต็มท้องนา

คุณยายบอกว่า ดีใจที่เรามีข้าวกินเพียงพอสำหรับพี่น้องทุกคน

ปัจจัยสี่ที่คุณยายทำเพียงพอต่อการใช้ จนคุณยายมีเหลือแจกให้แก่ลูกหลานทุกคน บางปี คุณยายก็จะทอ ผ้าพันคอให้หลานๆ ไว้พันคอในหน้าหนาว คุณยายให้ทุกอย่างที่ให้ได้

"ยาย ผาขี่รถมอเตอร์ไซค์ล้ม นอนอยู่ที่ศูนย์สุขภาพครับ" เสียงของคมดังขึ้น ในขณะที่ยาย เพิ่งจะนั่งพัก จากการทำงาน สักครู่หนึ่ง

"เป็นจังได๋ พายายไปเบิ่งแหน่" ยายกุลีกุจอที่จะลุกขึ้น

"ยายพึ่งจะนั่งพักเมื่อสักครู่นี่ ยายสิบ่นั่งพักให้มีแฮงอีกจักหน่อยบ่"

"บ่ ยายเซาเมื่อยแล้ว ชีวิตคนนั้นสำคัญ เฮาต้องไปช่วยเขา" ยายรีบให้คมพายายไปหาผาที่ขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม แผลไม่ถลอกมากนัก เมื่อคุณยายไปถึง คุณยายก็ให้ผานอนบนแคร่ที่มียาสมุนไพรต่างๆ การรักษาแบบยาย เป็นการรักษาแบบพื้นบ้านเรียกว่า การย่างสมุนไพร ทำให้เลือดเดิน ไม่มีแผลฟกช้ำจากภายใน รักษาเสร็จ วันต่อมา ก็สามารถเดินได้เป็นปกติ ใครประสบอุบัติเหตุมา คุณยายจะรักษาแบบย่างสมุนไพร ให้ทุกราย

ไม่นานคมและผา เรียนจบการศึกษา ได้มีโอกาสได้เข้าไปกราบลาคุณยาย คุณยายให้โอวาทว่า "กลับมาอยู่วัดเด้อหล้า จังได๋ ก็อย่าให้เสือสิงห์กระทิง แรด มันคาบไปกิน"

คมและผารับคำ และมองหน้าคุณยายที่มีรอยยิ้มให้อยู่เปี่ยมล้น

หลังจากจบ ม.๖ คมกลับไปอยู่ที่บ้าน ส่วนผายังคงทำงานอยู่ที่วัด ผาทำงานหลายอย่าง บางครั้งก็มีโอกาสเข้าไปช่วยงานคุณยาย

"ยาย คมตัดสินใจเข้ามาอยู่วัดแล้ว" ผารีบไปบอกคุณยาย ก่อนที่คมจะไปถึง

"ดีๆ ขออนุโมทนาสาธุ อยู่วัดให้มันได้ทุกคน" คุณยายดีใจพร้อมกับยกมือพนมขึ้น "มาอยู่นี่แหละหล้า หม่องนี่มันดี มาอยู่ช่วยกันทำงาน คมนี่มันตัวใหญ่ เฮ็ดงานได้เบิด ขั่นมีอีหยังให้ยายช่วย มาหายายเด้อ"

คมกราบยาย ดูยายยิ้มและมีน้ำตาซึม

หลายปีผ่านไป คุณยายเริ่มมีอาการป่วยมากขึ้น คุณยายรับการผ่าตัดและเข้ารักษาตัวที่ราชธานีอโศก คมและผามีโอกาสไปเยี่ยมคุณยาย ได้เข้าไปกราบคุณยาย คมและผาช่วยกันทำความสะอาดบ้านให้ และฟังคุณยายเล่าอะไรต่อมิอะไรหลายเรื่อง

ดูคุณยายมีความสุขและแข็งแรงดี "มื่อนั้น ยายเมื่อยหลาย คิดว่าซิตายแล้ว ยายให้เขาไปเอินสมณะ สิกขมาตุมาโปรดยาย ยายกัดฟันสู้มัน ขั่นยายตาย ยายก็มีความสุข ยายได้ใกล้พ่อท่าน ยายได้ตาย อยู่ในชุมชนอโศก ยายสิบ่ไปไส"

เสียงคุณยายพูดทำให้คมเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากให้ยายเห็นน้ำตา

คุณยายเอาจดหมายที่ท่านสมณะเขียนให้กำลังใจยาย มาให้คมอ่านให้ฟัง ทุกคนที่ไปเยี่ยมยาย ตั้งใจฟัง คุณยายเล่าเรื่องสนุก ให้พวกเราฟัง รอยยิ้มของยายที่แสดงออกมา เป็นเหมือนดังว่า ให้เราลูกหลาน พยายามใช้ชีวิต ให้มีความสุข วันนั้น คม ผา และน้องๆ ไม่มีวันลืม

คุณยายจากไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่วันที่ได้ข่าวของยาย คมและเพื่อนๆ มีความรู้สึกเหงา และเคว้งคว้าง อย่างบอกไม่ถูก เช่นเดียวกับทุกคน ที่รักและศรัทธา ในตัวของคุณยาย

คำที่ยายเคยบอก เรื่องราวที่ยายเคยสอน ยังจำฝังใจไปจนตาย วันนี้หรือวันไหน ก็จะไม่มีวันลืม คุณยาย ที่แสนดี

ยายคือผู้ให้ ยายคือผู้เสียสละ ชีวิตนี้จะหาคนแบบยายนั้นยากนัก หลานตั้งใจทำตามที่ยายเคยสอน ถ้ายายยังอยู่ ยายคงได้ยิน ยายคงได้เห็นความตั้งใจ ของหลานทุกคน

วันนี้ยายจากไปแล้ว แต่ยายก็ยังอยู่ภายในใจของเรา

รักและคิดถึงยายเสมอ คุณยายเหมือนคำ

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๒ ก.ค. - ส.ค. ๒๕๔๕)