กสิกรรมพลิกฟื้นชาติ
- นายกองฟอน -
เศรษฐกิจแก้จน
คนพ้นหนี้
หลังจากแก๊สหุงต้มขึ้นราคาอีก ๒๐ บาท ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดบ่นกันขรมทั้งบ้านทั้งเมือง
นี่ยัง น้ำมันรถยนต์ ที่จ่อคิว จะขึ้นราคาอีก เผลอนิดเดียวน้ำมันดีเซลจาก
๗-๘ บาท ตอนนี้พุ่งไป ๑๔ บาทกว่าๆ อย่างนี้ ประชาชน ผู้ที่มีรายได้ต่ำ
ไม่มีเงินดาวเงินเดือนมั่นคงก็แย่ไปตามๆกัน เศรษฐกิจเมืองไทย คงไม่กระเตื้อง
ได้ง่ายนัก ในภาวะที่ ประชาคมโลก กำลังหวาดผวากับภัยสงครามระหว่างประเทศ
และ ภัยคุกคาม จากขบวนการ ผู้ก่อการร้าย ข้ามชาติ อีกทั้งรัฐบาล ยังมุ่งแต่จะสร้างความเชื่อมั่น
ให้แต่นักลงทุน ต่างชาติ มองข้ามความเป็นจริง ของเมืองไทย ที่เป็นประเทศ
เกษตรกรรม เหมาะแก่ การเพาะปลูก ไม่ใช่ประเทศอุตสาหกรรม ดังนั้น ทางออกที่ดี
ในขณะนี้ คือ ประชาชน ต้องรัดเข็มขัด การใช้จ่าย และพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด
เกษตรกรจำนวนหนึ่งที่ได้ผ่านการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการพัฒนาศักยภาพ
และ คุณภาพชีวิต เกษตรกร หลักสูตรสัจธรรมชีวิต มีการปรับเปลี่ยน แนวทางการดำเนินชีวิต
ที่ดีขึ้น เช่น เลิกเหล้า บุหรี่ หวย การพนันต่างๆ ฯลฯ จะมากบ้างน้อยบ้าง
ก็สุดแต่ความตั้งใจ และเอาจริง ของผู้นั้น ต้องยอมรับ อย่างยิ่งว่า
เกษตรกรส่วนใหญ่ ที่ยากจน และ เป็นหนี้สิน สาเหตุหนึ่ง มาจากเกษตรกรเอง
มีรูรั่ว ในการดำรงชีวิต ตามลัทธิ บริโภคนิยม เข้าหลักที่ว่า "รายได้ต่ำแต่รสนิยมสูง"
หลักสูตรสัจธรรมชีวิตเน้นให้เกษตรกรรู้สาระที่แท้จริงของชีวิต แนะนำให้ถือศีล
๕ เป็นอย่างต่ำ และ
การค่อยๆ ลด ละ เลิกอบายมุขทุกชนิด ทางพ้นหนี้สินอยู่ที่การอุดรูรั่วเหล่านี้
ต่อมาเป็นการส่งเสริมอาชีพ เช่น การทำแชมพู สบู่ น้ำยาล้างจาน ปุ๋ยหมักชีวภาพ
และน้ำหมักชีวภาพ ทั้งหมดนี้ถ้าเกษตรกรทำได้ สามารถแก้จน และ พ้นหนี้สิน
ได้แน่นอน
ขบวนการชาวบ้าน
เพื่อชาวบ้าน โดยชาวบ้าน
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า "เราไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์"
ประวัติศาสตร์ชาติไทย บางตอน เกี่ยวกับ หมู่บ้านบางระจัน ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์
ผ่านสายตา ท่านทั้งหลายไปแล้ว ปลุกความรักชาติ ได้ดีมาก แต่ก็เป็น
ช่วงเวลาหนึ่ง ความสมัครสมานสามัคคี ของคนในหมู่บ้าน บางระจัน ทำให้เกิดตำนาน
การต่อสู้ เพื่อปกปัก รักษาเอกราช อธิปไตย และความชอบธรรม ที่จะอาศัยอยู่
ในผืนแผ่นดิน ของตนเอง ในสังคมปัจจุบัน ก็มีลักษณะ คล้ายคลึงกับ เรื่องราวในอดีต
สังคมไทย ต้องการ ความสามัคคี ความเป็น น้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน ดังนั้น
การรวมกลุ่ม รวมตัวกันเอง ขององค์กรชาวบ้าน จึงเกิดขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์
ของหมู่บ้าน และ ถ่วงดุลอำนาจ ที่ไม่ชอบธรรม
เกษตรกรที่ผ่านการอบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิตจึงมีการรวมกลุ่มเพื่อทำกสิกรรมไร้สารพิษ
เช่น กลุ่ม กสิกรรม ไร้สารพิษบ้านเขารวก บ้านซับน้อย เป็นต้น การรวมกันเป็นกลุ่มมีความจำเป็นมาก
โดยเฉพาะ ผู้ที่มีความคิด และความเชื่อ เหมือนๆกัน เพื่อเป็นองค์ชาวบ้าน
ที่มีการจัดการ โดยชาวบ้านเอง ตั้งแต่ การผลิต ซึ่งมี การแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ ทุกๆเรื่อง การทำปุ๋ย การทำน้ำหมักชีวภาพ ฯลฯ ตลอดจน การตลาด
ที่จัดการ เป็นกลุ่ม เพราะความเป็นจริง ชาวบ้านไม่มีการลงทุน มากมายนัก
ดังนั้น ผลผลิต จึงออกมา ตามพื้นที่ การเพาะปลูก เช่น รายละ ๒ ไร่บ้าง
๕ ไร่บ้าง ผลผลิตออกมา ก็เอามารวมกัน เพื่อส่ง สู่ตลาดต่อไป และ เป็นตลาด
ที่เป็นศูนย์รวม ผลผลิต ที่ไร้สารพิษด้วย นอกจาก การทำตลาด ต่างถิ่นแล้ว
ถ้ากลุ่มมีความเข้มแข็งมาก ก็มีการตลาด ภายในท้องถิ่น คือ ตั้งร้านสหกรณ์
ของกลุ่มเอง ในหมู่บ้านได้ จะยิ่งดีมาก เพื่อรองรับ ผลผลิต ของสมาชิก
ทั้งผลผลิต ทางการเกษตร และสิ่งทอ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม ในครัวเรือนต่อไป
การรวมตัวของทุกกลุ่มมีเงื่อนไขเหมือนกันคือ สมาชิกจะต้องเลิกอบายมุขทุกชนิด
เพื่อความยั่งยืน คงทน ของกลุ่ม ซึ่งเป็นทางออกที่สำคัญ ของสมาชิกเองด้วย
สำหรับเกษตรกร ที่ยังไม่สามารถเลิก อบายมุข ได้หมด ก็เป็นสมาชิก ลำลอง
รอการพัฒนาตนเอง จนเลิกอบายมุขได้หมด จึงเข้าเกณฑ์ของกลุ่มต่อไป
การทำสารป้องกันกำจัดแมลง
น้ำสบู่
สบู่ ๑ ก้อน ใช้มีดขูดเป็นเป็นฝอย ละลายน้ำอุ่น ๑ ลิตร ผสมน้ำ ๑๕-๒๐
เท่า ฉีดพ่นกำจัดแมลงปีกแข็ง
หนอนตัวเล็กๆ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง ถ้าผสมน้ำ ๑๐ เท่า ใช้ป้องกันกำจัดโรคพืช
บางชนิดได้
น้ำพริกขี้หนู
พริกขี้หนูแห้ง ๑ ขีด ต้มในน้ำ ๑ ลิตร ให้เดือด นำพริกมาตำให้ละเอียด
ละลายในน้ำต้ม ที่กรองเอาแต่น้ำ มาผสมน้ำ ๑๐-๒๐ เท่า และน้ำสบู่ ๔
ช้อนโต๊ะ ใช้ฉีดพ่นกำจัดเพลี้ยอ่อน หนอนต่างๆ มดคันไฟ เพลี้ยจั๊กจั่น
น้ำสะเดา
ใช้ใบสะเดา ๒ กิโลกรัม ใส่ถุงตาข่ายสีฟ้า เอาไม้ทุบพอช้ำๆ แช่น้ำ ๒๐
ลิตร ๑ คืน ใช้น้ำสะเดา ๒ ลิตร
ผสมน้ำ ๒๐ ลิตร และน้ำสบู่ ๔ ช้อนโต๊ะ ฉีดพ่นเวลาเย็น ๓ วัน ติดต่อกัน
กำจัดหนอนได้ดี
น้ำกระเทียม
ใช้น้ำส้มสายชู ๒๐๐ ซี.ซี. ผสมกระเทียมตำ ๒ ขีด และน้ำสบู่ ๔ ช้อนโต๊ะ
ละลายในน้ำ ๒๐ ลิตร กรองเอา
แต่น้ำ ไปใช้ฉีดพ่น ควรฉีดพ่น ในตอนเย็น หรือ ขณะไม่มีแสงอาทิตย์
น้ำตะไคร้หอม
ใช้ใบตะไคร้หอมสับละเอียด ๒๐๐ กรัม ว่านหางจระเข้ ๒๐๐ กรัม ผ่าแล้วขูดวุ้นเอาแต่น้ำ
กระเทียม ตำละเอียด ๑๐๐ กรัม น้ำส้มสายชู ๑๐๐ ซี.ซี. น้ำสบู่ ๔ ช้อนโต๊ะ
ผสมน้ำ ๒๐ ลิตร กรองเอาแต่น้ำ ใช้ฉีดพ่นเวลาเย็น ติดต่อกัน เป็นเวลา
๓ วัน
ท่านใดมีประสบการณ์ในการทำกสิกรรมธรรมชาติ ต้องการแลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็น
หรือเผยแพร่ เทคนิคใหม่ๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงสูตรน้ำหมักบำรุงพืชผัก
และสารขับไล่แมลง ส่งมาได้ที่ e-mail : [email protected]
จะนำเผยแพร่ เป็นวิทยาทานต่อไป
(ดอกหญ้า
อันดับที่ ๑๐๔ พ.ย. - ธ.ค. ๒๕๔๕ จำนวนพิมพ์ ๒๒,๐๐๐ เล่ม)
|