บันทึก/น้ำค้างหยดเดียว
ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า


อยากบอกอะไรบ้างไหม บอกเลยจะรับฟัง พูดได้ดังดัง ที่เตรียมไว้ในใจ

ช่วงเข้าพรรษาของชาวพุทธผ่านไปแล้ว
ช่วงเดือนรอมฎอน(ถือศีลอด) ขอพี่น้องมุสลิมก็ผ่านไปแล้ว
แต่กลิ่นอายความขวนขวายพากเพียรของศาสนิกชนยังไม่จางหาย

การปวารณาตัวให้ผู้อื่นบอกกล่าวในข้อบกพร่องที่ตนมี คือสิ่งที่พระภิกษุสงฆ์ ยึดถือปฏิบัติ ในช่วง เข้าพรรษา นอกเหนือจาก การถือศีลเคร่ง การตั้งตบะธรรมต่างๆ เพื่อขัดเกลาตน และ การอยู่วัด ตลอดพรรษา โดยไม่ไปค้างที่อื่น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

การอนุญาติให้ผู้อื่นบอกกล่าวติงเตือนได้โดยเจ้าตัวไม่ต้องชี้แจงแสดงเหตุผลใดๆ นอกจากหุบปาก รับฟัง ประการเดียว ใครว่าเป็นเรื่องง่าย ก็คงต้องยกนิ้วให้ว่า "นายแน่มาก" (ถ้านายทำได้จริง)

"ดื่มคำตำหนิ"จึงคืออีกความหมายหนึ่งของปวารณา

คำตำหนิมีรสชาติอย่างไร คงอธิบายยากสำหรับผู้ไม่เคยรู้รส แต่ทุกคนคงพอเดาได้ว่า มันไม่ได้หอมหวาน ซาบซ่า น่าดื่มเป็นแน่ ตรงกันข้าม คือขมขื่น กลืนยาก ตั้งแต่รู้ว่าต้องดื่ม

แต่นี่คืออีกแบบฝึกหัดหนึ่งของนักปฏิบัติธรรมที่แม้ยังมิใช่นักบวช ทั้งไม่เคยคิดจะบวช แต่เมื่อเลือกเดิน บนเส้นทางสายอดทน นี่ก็คือด่านต้นๆ ของ ๑๘ ด่านอรหันต์ ที่คุณจะต้องฟันฝ่า ออกไปให้ได้ โดยไม่มีคำว่า "ฟลุค"

อยากบอกอะไรฉันไหม ถ้ามันเป็นเรื่องดี ไม่รู้บางที อาจเป็นเรื่องที่คิดตรงกัน

คิดตรงกันในที่นี้ไม่ได้ชื่นมื่นเพราะเขาคิดตรงกับเราผู้มักคิดเข้าข้างตัวเองว่า เราถูก เราดี เรามีเหตุผล อธิบายได้ทุกเรื่อง แต่เป็นการคิดตรงกันของหลายๆคน ที่เขาเห็นว่าเรา มีข้อบกพร่อง ในแง่มุมต่างๆ ตื้นลึก หนาบาง ตามมุมมองของแต่ละคน จะด้วยเคยมีเหตุ กระทบกระทั่ง ไม่ชอบใจ ไม่ถูกจริง หรือ คิดไปเอง เมื่อเขาบอกมา ก็ต้องน้อมรับ ด้วยความขอบคุณ แม้จะเจ็บและอาย ก็ต้องกล้ากลืน ฝืนทน ดื่มมัน ลงไปให้ได้

ฟังดูเหมือนซาดิสม์หน่อยๆ ไหม

"พระเจ้าอาจบีบคั้น แต่ไม่เคยทำให้ใครตาย" คนสเปนเขาว่าอย่างนั้น

ใช่! ยังไงก็ไม่ถึงตาย เพราะที่เจ็บน่ะไม่ใช่ตัวเรา แต่คืออัตตามานะและศักดิ์ศรีที่ไม่เคยอนุญาตให้ใครแตะ

ยิ่งอัตตาใหญ่เท่าใด ภาชนะรองรับทุกข์ก็ยิ่งมโหฬารเท่านั้น

ที่คิดว่าเข้มแข็งพอรับมือไหว เอาเข้าจริงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ถ้าเป็นเกมการต่อสู้ ก็ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เกือบถูก มารน็อค ก็หลายหน และที่แน่ๆ คือหมดแรง อยากโยนภาระทุกอย่างลงถังขยะ

ก็ไหนบอกว่าจะมาพยายามเป็นคนดี เมื่อเขาบอกให้ทิ้งกิเลส ของบูดเน่า นิสัยไม่ดีต่างๆ ออกจากตัวตน ก็ตรง วัตถุประสงค์แล้วนี่

ยิ่งถ้าบอกว่าอยากเป็นคนเข้มแข็ง ก็ต้องรีบ"กำจัดจุดอ่อน" ในตัวโดยเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าโง่ ทางด่วน ทั้งๆที่นี่คือ การขึ้นทางด่วน ของกระบวนการ กำจัดจุดอ่อนจริงๆ

แม้จะมีคุณสมบัติเป็น"มนุษย์ฟองน้ำ"ที่ซึมซับความสุขความทุกข์รอบตัว ได้อย่างมหัศจรรย์ (ซวยน่ะ) ก็ต้องรู้จัก ปลดปล่อย เข้าใจความจริง ตามที่มันเป็น ยอมรับและทนได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะบอก แบบนุ่มนวล เกรงใจ หรือ ฟันธง ถล่มทลาย แบบมันในอารมณ์ก็ตาม

วันนี้แดดอาจร้อนไปนิด ลมอาจแรงไปหน่อย แต่ถ้าใจไม่เสาะเกินไปก็คงไม่ถึงกับป่วยไข้ วันหน้า อาจมี หุบเหว มีเปลวไฟ ให้ฝ่าข้าม ถ้าแค่นี้-แค่นี้-ยังแค่นี้ หากแค่นั้น-แค่นั้น จะแค่ไหน กันล่ะ

อีกไม่กี่วันจะสิ้นปี งบดุลชีวิตปีนี้ มีกำไรมหาศาล จากขุมทรัพย์ ที่มิตรสหายพร้อมใจกัน มอบให้ เป็นของขวัญ หากคิด แบบ Positive (สร้างสรรสุดๆ) ทั้งหมดทั้งมวล "ล้วนมาจากความรัก" นั่นเชียว

ขอบคุณอีกครั้ง ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ อย่างไรเสีย เราก็ยังต้องร่วมทางกันต่อไป และจะเป็นกำลังใจ ให้กัน และกัน ไม่ใช่หรือ

(ดอกหญ้า ฉบับที่ ๑๐๔ พฤศจิกายน - ธันวาคม ๒๕๔๕ จำนวนพิมพ์ ๒๒,๐๐๐ เล่ม)