ปรัชญาเก่าๆ...เฒ่าสังสารวัฏ
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อดีที่สุด มองเถอะจะเห็น และเรามาปฏิบัติธรรม มิใช่เพื่อจะเป็นอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ ไม่ใช่ ! แต่เพื่อบรรลุสุขเย็น ถ้อยคำผู้ผ่านร้อนหนาวยาวนาน บอกต่อผู้ยึดมั่นถือมั่น ฟังแล้วรู้สึกดี ทั้งเห็นจริงตามนั้น โดยจริง มีเป้าหมายจะเป็น จะทำ หรือจะมี หากเป็นเป้าหมายที่ดี เหล่านี้เป็นกำลังขับของชีวิต แต่การ บรรลุผลที่ตนหมาย ไม่ง่ายเหมือนเปิดปากคุยโว ดังนั้นหากผู้ใดมีเป้าหมายแล้วปักมั่น กระทั่งเป็น อุปาทาน ยามสะดุด เป้าหมายหรือกำลังขับนั้น จะกลายเป็นกำลังคลั่งขึ้นมาทันที จบวาทะที่หนึ่งลงแล้ว เสียงตัดพ้อ ถ้อยคำฟุ้งซ่านในมุมใหม่ยังคงหลุดจากปากผู้ยึดมั่นถือมั่น อีกยืดยาว เฒ่าสังสารวัฏผู้สงัดแล้ว ได้แต่ฟัง ฟัง ฟัง และนิ่งเนิ่นนานจากนั้นกล่าวว่า เครดิตสังคมไม่มี เพราะทำดียังไม่มากพอ ไม่ต้องพ้อ ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก ยอมรับกับความเป็นไปได้ของตน ช่วยคนให้ยิ่งๆ ขึ้นไป และเพียรพัฒนาใจให้หลุดพ้น เพียงใจตนดีบารมีก็งอกงามไพบูลย์ เพียงหนักแน่นในกิจเกื้อกูล เครดิตสังคมย่อมเกิดขึ้นอย่าง แน่นอน สุขทุกนาที อารมณ์ดีทุกขณะให้ได้ ใจจะสบาย
"ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลเขา แต่ขอให้เขาช่วยเหลือเกื้อกูล
เช่นนี้กู้หนี้ เหมือนผู้เฒ่าบอกให้เราตระหนักพึ่งตนมากกว่าการร้องขอ ตระหนักวางใจโดยคิดว่าใช้หนี้เมื่อทำดีแล้วเหมือนไม่ได้ดี แทนการก่นว่าคนอื่นอกตัญญู ตระหนักไม่เห็นแก่ได้ ซึ่งเป็นการทำลายบุญเก่า ตระหนักความเป็นคนมีคุณค่าด้วยการไม่ผลาญพร่าบุญใหม่ และรู้จักสะสมบุญใหม่ ที่สำคัญอย่าด่วนสรุปเมื่อเห็นคนอื่นไม่ทำแต่ได้ หรือทำน้อยได้มาก คือใช่ เขาอาจจะก่อบาปใหม่ก็ได้ แต่อาจเป็นการรับผลจากบุญเก่าก็ได้อีกเช่นกัน ในเรื่องเช่นนี้แม้พระพุทธเจ้าท่านก็กล่าวไว้ วิบากกรรมเป็นอจินไตย คือเป็นเรื่องเกินคิด ถ้อยคำจากผู้เฒ่าพรั่งพรูออกมาอีกว่า "เป็นเรื่องดีมากหากการดำรงอยู่ดำเนินไป ไม่มีเรื่องด่วนสรุป ไม่มีเรื่องน้อยใจ ด่วนสรุปเป็นอาการร้อนทางความคิด น้อยใจเป็นอาการขี้เรื้อนในดวงจิต ด่วนสรุปและน้อยใจทำคนเสียหายไปเท่าไรแล้ว? อย่าน้อยใจในชีวิต แต่จงหนักแน่นในภารกิจเกื้อกูล เมตตาบารมีที่สะสมในวันนี้ จะเป็นอลังการบารมีในวันหน้า" ท่านเน้นให้หนักแน่นในกิจเกื้อกูล และทำกิจด้วยตระหนักสะสมเมตตาบารมี พร้อมนี้เหมือนท่าน บอกไปเฉพาะคนไฟล้นหัวอีกว่า "กับงานที่ตนมิได้ริเริ่ม เราควรเป็นผู้ดูที่ดี หากเรามีค่าในสายตา ผู้อื่นบ้าง เราก็จะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ หากเรามีค่ามากไปกว่านั้น เราก็จะเป็น เจ้าภาพรับเชิญ หากมิใช่เจ้าภาพรับเชิญ อย่าเดินนำในงานของคนอื่น อัตตามานะคนจะไม่ แช่มชื่น" เสียงสนทนาจบลงแล้ว ผู้ยึดมั่นถือมั่นจากลาไปแล้วด้วยอาการโปร่งใสเบากายสบายใจ แต่การ ขบพินิจในตนเหมือนหลั่งไหลไปดั่งสายน้ำที่ไม่รู้จบ รู้สึกชุ่มเย็น กระจ่าง แน่นอน รับประโยชน์จาก ผู้เฒ่าไปเยอะ นำประโยชน์ดังกล่าวไปฝากพี่น้องที่มาร่วมโครงการเข้าวัดปฏิบัติศีล ๘ ครั้งที่พุทธสถาน สันติอโศก ด้วย หลายคนเข้าใจ มีประเด็นคิดเพื่อการวางใจมากขึ้น ซึ่งทำให้ตนรู้สึกดี โดยจริงรู้สึกดีเสมอ ที่ได้นำสิ่งดี ไปฝากผู้สนใจใฝ่ดี ที่ผ่านมาอัศจรรย์ใจไม่น้อย คือผู้คนแม้อยู่ยุคสมัยคลั่งไคล้ทุนนิยม ศักดินานิยม ฮีโร่นิยม สุขนิยม หรือ ที่เรียกกันว่าวัตถุนิยม บริโภคนิยม กระนั้นคนยังมาถือศีล ๘ เดินเท้าเปล่า มาฝึกตื่นเช้าเพื่อ สวดมนต์ไหว้พระและฟังธรรมในช่วงตีสามครึ่ง มาฝึกรับประทานอาหารมังสวิรัติ เพียงมื้อเดียว ต่อวัน มาฝึกเสียสละด้วยการทำงานฟรี มาฝึกเจโตสมถะเพื่อทำใจให้สงบฯลฯ เหล่านี้แม้ฝึกเพียง สองวันสองคืน กระนั้นก็ทำให้หลายคนสนใจมองด้านในมากขึ้น เพิ่มความอดทนให้ตนมากขึ้น เพิ่มแง่คิดมุมมองในการดำเนินชีวิตให้ตนมากขึ้น ที่สำคัญได้เพิ่มกัลยาณมิตร ในทิศทางธรรม ให้ตน ว่ากันว่า มองด้านในจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้แสวงหาความเจริญก้าวหน้า หากไร้มองด้านใน ชีวิตเหมือนไร้ดวงตา ยิ่งยุคนี้มีเรื่องยั่วยวนชวนให้มองเตลิดเกินตนเยอะ คนจึงเก่งรู้เรื่อง หลากหลาย นอกตัว แต่ไม่น้อยเลยกลับไม่รู้จักตน ด้วยไม่มองด้านในชีวิตจึงไม่รู้จักไฟที่เผาใจตนอยู่ ไม่เห็นโทษในความเร่าร้อน ไม่รู้จักอดทน ต่อ อารมณ์ตน ไม่ตระหนักปรับตน จากนั้นชีวิตมากด้วยเวรเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งมีชีวิตนาน กลับยิ่งมืดมิด ไร้มุมคิดเพื่อสบายใจ ยิ่งแล้งไร้กัลยาณมิตร ว่ากันว่าอย่างนั้น สุดท้ายหลังเชิญชวนพี่น้องมาร่วมถือศีล ๘ อีกในกาละต่อไป (ที่พุทธสถานสันติอโศก) ถ้อยคำ ของผู้เฒ่าก็ถูกนำมาฝากผู้มีไฟในการปฏิบัติธรรมก่อนแยกย้ายเลิกราว่า รู้ฐานะตน ปฏิบัติสมฐานะตน พูดสมฐานะตน คนไม่เกลียดชังหมั่นไส้ ตนไม่เสียเวลา ไม่ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ เมื่อเล็ก ยอมรับว่าเล็กก็เป็นเด็กน่าเอ็นดู แต่เล็กกลับเก๊กเป็นใหญ่ แก่แดดเกินไป ไม่น่าดู - ปรารถนาดีจาก ส.ร้อยดาว ๑๒ เม.ย. ๔๗ - - ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๓ พ.ค. - มิ.ย. ๒๕๔๗ - |