เสพสุราพาเลว (ปุณณปาติชาดก) อบายมุข ปิดหู ปิดตา พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ สมัยหนึ่ง พวกนักเลงสุรากลุ่มหนึ่ง ในเมืองสาวัตถี ถึงคราวตกอับขาดแคลนเงินทอง แม้อยากสุราแต่ก็มีทรัพย์กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงปรึกษาร่วมกันว่า "นี่ ! ทุนซื้อสุราของพวกเราแทบหมดเกลี้ยงแล้ว ยังจะหาทรัพย์จากที่ไหนมาเพิ่มได้เล่า" นักเลงสุรากักขฬะคนหนึ่ง จึงเสนอแผนการชั่วร้ายออกมาว่า "ก็เจ้าเศรษฐีอนาถบิณฑิกะนั่นไง ร่ำรวยมีทรัพย์มาก เครื่องประดับกายล้วนเป็นของมีราคาสูง พวกเราหาโอกาสมอมเหล้าด้วยยาเบื่อ แล้วลอกคราบเสีย แค่นี้ก็มีทุนไว้ซื้อสุราไป ได้อีกนานเลยทีเดียว" พวกนักเลงสุราพากันยินดี เห็นพ้องต้องกัน ชักชวนกันกระทำตามแผนชั่วนั้น
โดยฉวยโอกาสที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีไปเข้าเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศลแล้ว
ระหว่างทางกลับบ้านพร้อมกับบริวารไม่กี่คนนั้นเอง พวกนักเลงสุราได้ใส่ยาเบื่อใน "นายขอรับ เชิญท่านมาทางนี้ก่อนเถิดครับ ช่วยให้เกียรติดื่มสุราร่วมวงกับพวกเราด้วย สุรานี้น่าชื่นใจยิ่งนัก เชิญดื่มสักหน่อย แล้วค่อยไปเถิดครับ" อนาถบิณฑิกเศรษฐีแม้ตนไม่ดื่มสุรา แต่เห็นพวกเขาเชื้อเชิญด้วยความมีน้ำใจ จึงแวะเข้าไปหาพวกนักเลงสุรานั้น แต่สังเกตเห็นกิริยาอาการของพวกเขา หลุกหลิกลุกลน ถ้วยสุราก็ว่างเปล่า ไหสุราก็เต็ม ไม่มีร่องรอยของการร่ำสุรากันเลย พิจารณาแล้วก็รู้แผนชั่วร้ายได้ทันที จึงตวาดข่มพวกนักเลงสุราออกไปว่า "แน่ะเฮ้ย ! เจ้าพวกนักเลงสุราชั่ว พวกเจ้าเอายาเบื่อใส่ในไหสุรา แล้วคิดมอมสุราให้คนดื่มสลบไสล จากนั้นก็ปล้นทรัพย์ไปใช่ใหม" "ไม่จริงเลยท่านเศรษฐี พวกเราเห็นท่านผ่านมาคงเหนื่อย จึงชวนเชิญให้มาดื่มสุราดับกระหายร่วมกันก็เท่านั้นเอง" "จริงหรือ พวกเจ้าตั้งวงดื่มสุรากันอยู่ แล้วคุยอวดสุราว่ารสเยี่ยม ก็แล้วแม้แต่คนเดียวทำไมไม่มีใครกล้าดื่มสุรานี้เลยสักหยด ถ้าสุรานี้ไม่มียาเบื่อ พวกเจ้าคงต้องดื่มกันไปมากแล้วเป็นแน่" พวกนักเลงสุราหมดทางแก้ตัว เห็นความลับอันชั่วร้ายของตนถูกเปิดเผยแล้ว ก็เกรงกลัวโทษภัย ต่างพากันวิ่งหนีไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเศรษฐีพอกลับบ้านของตนแล้ว บังเกิดความคิดว่า "เราควรนำเรื่องราวนี้ ทูลเล่าให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบไว้" จึงไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูล ให้ทรงทราบ พระศาสดาจึงตรัสว่า "ดูก่อนคฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พวกนักเลงสุราประสงค์จะหลอกลวงเธอ ถึงในครั้งก่อน ก็เคยคิดหลอกลวงบัณฑิตมาแล้ว" แล้วทรงนำเรื่องในอดีตนั้น ตรัสเล่าให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีฟัง
ในอดีตกาล มีเศรษฐีคนหนึ่งมีทรัพย์มากมายอยู่ในกรุงพาราณสี จึงได้รับ การเรียกหาว่า พาราณสีเศรษฐี วันหนึ่งขณะที่ออกจากบ้าน เพื่อไปเข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต พระราชาแห่ง กรุงพาราณสี ได้มีพวกนักเลงสุรากลุ่มหนึ่งมาดักรออยู่ แล้วเชื้อเชิญให้พาราณสีเศรษฐี ดื่มสุราด้วย เศรษฐีก็เข้าไปหา แล้วก็รู้เล่ห์เหลี่ยมของพวกนั้นจากการสังเกต จึงคิดขึ้นว่า "พวกนักเลงสุรานี้ มุ่งร้ายต่อเราแน่ คงผสมยาเบื่อใส่สุรา เราต้องเป"ดเผยแผนชั่ว ขับไล่พวกมันไปเสียจากที่นี่" แล้วจึงกล่าวไปว่า "พวกท่านทั้งหลาย การที่จะดื่มสุราก่อน แล้วไปเข้าเฝ้าพระราชานั้น ช่างไม่สมควรเลย เอาอย่างนี้เถิด ให้เราไปเข้าเฝ้าก่อน แล้วเราจะกลับมาใหม่ พวกท่านจงนั่งรออยู่ในที่นี้แหละ" ครั้นพาราณสีเศรษฐีไปเข้าเฝ้าพระราชาสักครู่หนึ่ง ก็กลับมาหาพวกนักเลงสุรานั้นอีก พวกเขาก็เชิญชวนอย่างดีเช่นเคย "เชิญทางนี้เถิดครับ ท่านเศรษฐี เชิญดื่มสุราชั้นยอด" เศรษฐีหันไปสั่งบริวาร แล้วเข้าไปหา มองดูสุรายังอยู่เต็มไห จึงพูดเสียงดังขึ้นทันทีว่า "การกระทำของพวกเจ้านี้ ไม่ถูกใจเราเลย ไหสุราของพวกเจ้ายังคงเต็มอยู่เหมือนเดิม คำพูดที่พวกเจ้ากล่าวล้วนมดเท็จ เพราะสุราไม่พร่องเลย สุรานี้เป็นสุราเลวทรามแน่แท้ พวกเจ้าต้องผสมยาเบื่อเอาไว้ จึงไม่มีใครดื่มแม้แต่คนเดียว ทั้งที่พวกเจ้าคุยอวดว่า สุรานี้ยอดนักเยี่ยมนัก" พอพาราณสีเศรษฐีกล่าวจบเท่านั้น บริวารของเศรษฐีก็จับกุมพวกเขาไว้ พวกนักเลง สุรา รู้สึกโดนคุกคามทันที แต่ก็ยอมจำนนต่อความจริง เศรษฐีจึงอบรมสั่งสอน ไม่ให้ทำอย่างนี้อีก แล้วให้บริวารของตนปล่อยพวกนักเลงสุราไป พาราณสีเศรษฐีนี้ได้เป็นผู้กระทำบุญทานไปจนตลอดชีวิตเลยทีเดียว พระศาสดาตรัสเล่าจบแล้ว ทรงเฉลยว่า - ณวมพุทธ
- - หนังสือดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๔ เดือน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๗ - |