- สุวลี - ด่าได้ - ว่าได้ อยู่ในสังคมมนุษย์ ผิดศีลข้อ ๑ วันละ ๓ มื้อ แต่ผิดศีลข้อ ๔ มีโอกาสทุกเวลานาที เจอกันก็คุยสารพัด ไม่เจอก็โทรศัพท์นาทีละไม่กี่บาท ศีลข้อ ๔ มิใช่มุสา แต่การพูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ พูดให้ร้ายผู้อื่น พูดด้วยจิตใจที่อคติ ฯลฯ ล้วนเป็นพี่น้องของศีลข้อ ๔ ทั้งสิ้น หลายปีก่อน "ติได้-แย้งได้" มาปีนี้ ดีกรีรุนแรงขึ้นเป็น "ด่าได้-ว่าได้" หลายคนฟังแล้วร้องยี้ จะไหวเหรอ? ตอนเรียนศาสนาเปรียบเทียบ พระเยซูสอนอภิมหาสัจจะ "เมื่อถูกตบแก้มซ้าย สูเจ้าจงยื่นแก้มขวาให้เขาอีก !" พระพุทธองค์ถูกเทวทัตส่งช้าง ส่งโจรชั่วมาทำร้ายทำลาย พระองค์กลับไม่ถือสา ตัวอย่างแค่นี้ก็ทำใจยากเหลือแสน โลกาภิวัตน์ หมายถึง โลกมนุษย์ทวีความรุนแรงขึ้น ผู้คนโหดเหี้ยมอำมหิต หลงตัว เอาแต่ใจ และก้าวร้าวมากขึ้น ความอหังการของมนุษย์ ทำให้อารมณ์รุนแรงยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ เทคโนโลยีทำให้จิตใจยิ่งอ่อนแอและเปราะบาง "ไว" ต่อการกระทบ เจ็บปวดง่ายมาก แต่"ด้านชา" ต่อการกระทำของตัวเอง ทำใครเจ็บปวด ไม่สนใจ ไม่แคร์ ! "ด่าได้-ว่าได้" เตือนตน ชีวิตมิใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบ มาตรฐานชีวิตนับวันยิ่งตกต่ำ สิ่งที่ปู่ย่าไม่เคยทำ วันนี้ลูกหลานจะทำให้ดู เหตุผลเสื่อมสลาย การใช้อารมณ์กลับเฟื่องฟู "ด่าได้-ว่าได้" แม้เป็นเพื่อนรัก อารมณ์ก็ยังเปราะบาง หากตั้งเกณฑ์ไว้สูง คงต้องผิดหวังช้ำใจ โลกนั้นนับวันจะหยาบคาย พระอริยะลดลง ปุถุชนมากขึ้น ความเอาแต่ใจเป็นของทันสมัย อารมณ์ผู้คน ยับยั้งชั่งใจน้อยลง คนรักกันแท้ๆ สุดท้ายเผลอฆ่าด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แล้วยืนร้องไห้ "ฉันไม่ได้ตั้งใจ!" "ด่าได้-ว่าได้" เตรียมพร้อมรับอุปสรรค ประจำวัน โลกไม่สะอาดเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับร้อนขึ้น สกปรกขึ้น สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ให้กรรมฐานพระราหุล "จงทำตนเหมือนแผ่นดิน" เพียงประโยคเดียว โลกได้พระอรหันต์ขึ้นมาอีก ๑ รูป บทสวดพาหุงฯ ชัยชนะพิชิตมารของพระพุทธองค์มี ๘ กระบวนท่า ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ใช้เมตตาเป็นที่ตั้ง มีแต่ให้ มี แต่ใจที่อ่อนโยนและอภัย "ด่าได้-ว่าได้" ชีวิตเราก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่จนใครแตะไม่ได้ ก็แค่รอความตายไปวันๆ เหมือนคนอื่น คำดุด่า ต้องทำใจ ไม่เจตนาก็ให้อภัย ยิ่งเจตนาก็ยิ่งต้องอโหสิ ! บางคนเกิดมา ไม่เคยใช้ถ้อยคำรุนแรงก็มีจริง เป็นสุขุมาลชาติ แต่บางคนบารมีน้อย สะสมความก้าวร้าวจนเคยตัว กว่าจะเปลี่ยนวรรณะต่ำให้สูง จึงต้องให้เวลา "ด่าได้-ว่าได้" เก็บไว้เตือนตน จะได้ไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ ไม่ต้องจำมันให้เสียเวลา คนด่าเดินไปแล้ว วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า แต่คนถูกด่ายังคงเหมือนได้ยินเสียงด่าก้องหูอยู่ทุกชั่วโมง ตะปูตรึงใจจะมีใครถอนได้ ถ้าไม่ถอนเอง ทำไมตัวตนจึงไม่ยอมยามถูกย่ำยี ลบหลู่? ก็เพราะกว่าจะมาเป็นชีวิต ก็มิใช่เป็นรองใคร กว่าจะเป็นมนุษย์ ก็ยิ่งยากเย็นแสนเข็ญ ภูมิใจตัวเองขนาดนี้ ฤาจะให้ใครมาลบหลู่? อโหสิกรรม มิใช่รอตอนตาย แม้เป็นๆ ก็ต้องฝึกให้ได้ "วัตถุทาน" หรือจะสู้ "อภัยทาน" ยิ่งใหญ่กว่าเป็นไหนๆ องคุลีมาล แม้ถูกด่าทอขว้างปา เลือดอาบทั่วตัว ยังคงสันติอุเบกขา ท่านยอมรับในอกุศลกรรมที่หลงทำไว้ในอดีต เราเองต้องเชื่อในกรรม จิตใจจะได้ผ่อนคลาย หากเป็นนักปฏิบัติธรรมจะต้องชัดเจนว่า คนอื่นเป็นแค่ตัวล่อ มาแหย่เสือหลับ หากเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา จะคิดอย่างไร ไม่มีทางอื่น ต้องรับชะตากรรม ! ด่าได้-ว่าได้ เป็นนิสัยปกติของคนเรา ทุกข์เพราะยึด เพราะถือ หัดปล่อยวางให้เป็น มัวแต่ถือสา เราจะผิดพลาดในเกมชีวิต อยู่ที่ไหนก็ไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก เชื่อเถอะ ต้องมีคนจาบจ้วง พฤติกรรมนี้เป็นความปกติของสังคมไปแล้ว เราคงหยุดใครไม่ได้ นอกจากรู้เท่าทัน และถือเป็นถ้อยคำแสดงอารมณ์โทสะอย่างหนึ่ง "ด่าไม่ได้-ว่าไม่ได้" คนนั้นเอามือบังฟ้า ย่อมไม่มีทางสำเร็จ ควบคุมตนเองดีกว่าควบคุมคนอื่น ! - หนังสือดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๔ เดือน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๗ -
|