คิดตามหนัง - ตระกูลหยาง - [email protected]
สีผิวที่หาญกล้า The color of courage


โดยสามัญสำนึกทุกคนมีปัญญาแยกแยะสิ่งถูกสิ่งผิด แต่จะมีใครสักกี่คนที่กล้าหาญพอที่จะต่อสู้ กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าว่าแต่จะต่อสู้เพื่อผู้อื่นเลย แม้เพื่อตนเอง ก็ยังไม่ง่ายนักที่จะหาคนลุกขึ้นสู้

มินนี่ ก็เช่นกัน เธอยอมเป็นพลเมืองชั้นสองในสังคมคนผิวขาวตลอดมา จนกระทั่งแม็ค สามีของเธอ พาครอบครัวย้ายออกจากย่านคนผิวดำไปซื้อบ้านอยู่ในย่านคนผิวขาว ซึ่งมีการตกลงกันว่า ต้องขายบ้าน ให้พวกเดียวกันเท่านั้น

แม็คทำงานในสำนักพิมพ์ มินนี่เป็นพนักงานแยกประเภทจดหมายที่ไปรษณีย์ ทั้งสองมีลูกชาย ๒ คน ชื่อ เรจินัลด์ และ ออร์เซล เนื่องจากสีผิวของแม็คไม่ได้ดำเหมือนคนผิวดำทั่วไป และเขาก็ไม่ได้บอกใคร เพื่อนร่วมงานจึงไม่คิดว่าเขาเป็นคนดำ แต่เมื่อเริ่มมีปัญหาจากการเข้ามาอยู่ในย่านคนขาว เขาจึงจำเป็น ต้องบอกคุณทอมสัน หัวหน้างานของเขาให้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น และเสนอตัวว่า จะลาออก เหตุผลที่แม็คไม่ได้บอกว่าเป็นคนดำเพราะอยากได้งานที่ดี ทอมสันให้แม็คทำงานต่อไป และรอดูสถานการณ์ เขาเตือนแม็คว่า "คนที่เคยดื่มเบียร์ด้วย อาจไม่อยากจับมือคุณอีก"

พวกเพื่อนบ้านมาหา เบ็นจามิน ไซพส์ ที่บ้าน บอกว่าเป็นหน้าที่ของเบ็นที่จะต้องฟ้องร้องคนดำ เพราะคนดำมาอยู่บ้านติดกับบ้าน ของเขา แม้เบ็นจะไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น และไม่อยากทำ เรื่องเช่นนี้ เช่นเดียวกับภรรยาและลูกของเขา แต่เบ็นก็ยอมทำตามความต้องการของสมาคมเพื่อนบ้าน เขาให้เหตุผล ว่าเป็นครั้งแรกที่สมาคมขอให้เขาทำ การที่สมาคมไม่ให้คนดำเข้ามาอยู่ในย่านนี้ ก็เพื่อรักษามูลค่าของที่ดิน เขาบอกภรรยาและลูกว่า "ผมทำงานมาตลอดชีวิตเพื่อให้ได้อยู่ ในละแวกบ้านแบบนี้ บ้านนี้เป็นความฝันของเรา เราทำเพื่อปกป้องสิ่งที่เรามี"

หลังจากที่เบ็นจามินไปบอกแม็คที่บ้านว่า สมาคมเพื่อนบ้านมีข้อตกลงว่าไม่ให้คนดำมาอยู่ในย่านนี้ และแนะนำให้ย้ายออกไป มิฉะนั้นจะถูกฟ้องร้อง เรจินัลด์เห็นว่าควรจะย้ายออก แม็คจึงบอกลูกว่า "ลุกขึ้นสู้อย่างลูกผู้ชายแบบที่ลูกเป็น ไม่ใช่เป็นเด็กผู้ชายอย่างที่พวกเขาต้องการให้เป็น" และเมื่อแม็ค และมินนี่ไปปรึกษาทนายคนดำด้วยกันเกี่ยวกับคดีนี้ ทนายบอกว่าการจำกัดที่พักอาศัยตามสีผิว เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่การสู้คดีนี้อาจต้องเสี่ยงอันตราย เพราะเมื่อนิโกรล่วงล้ำเส้นแบ่งเขตแดน (ระหว่างคนขาวและคนดำ) ต้องมีการต่อต้าน และบางครั้งก็มีการใช้ความรุนแรง มินนี่ไม่อยากให้ลูก ถูกทำร้าย แม็ค บอกว่า "เราอาจหาที่อยู่ที่อื่น แต่คนผิวดำอีก ๑๔ ล้านคนล่ะ"

ในขณะที่ลูกชายของแม็คไม่อยากให้พ่อต่อสู้ ลูกสาวของเบ็นก็ไม่อยากให้พ่อดำเนินคดีกับเพื่อนบ้าน เธอคุยกับแม่ว่า "หนูไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเกลียดคนเพราะสีผิว"

"พ่อต้องทำตามคำของสมาคม แม่ต้องอยู่เคียงข้างพ่อ"

"เหมือนสงครามยุโรป ไม่มีใครยับยั้งฮิตเลอร์ มนุษย์ถูกข่มเหงน้ำใจ และไม่มีใครทำอะไรเลย ออร์เซลเป็นคนดี และเป็นเพื่อนหนูที่โรงเรียนด้วย"

แอนนาบอกเบ็นว่า ลูกจะมองหน้าเพื่อนได้อย่างไร แต่เบ็นบอกปัดให้ทำเรื่องนี้ให้เสร็จ จะได้ใช้ชีวิตตามปกติได้ต่อไป

ช่วงที่กำลังดำเนินคดีในศาล ครอบครัวของแม็คก็ถูกทำร้ายด้วยสารพัดวิธี เป็นต้นว่า ไม้กางเขน หน้าบ้าน ถูกเผากลางดึก คืนนั้นแอนนาลุกขึ้นมาช่วยครอบครัวของ แม็คดับไฟ แต่กลับถูกมอง ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เบ็นจามินก็เห็นเหตุการณ์และออกจากบ้าน มารับแอนนากลับเข้าบ้าน หลังจากนั้น แอนนาก็ยังคงช่วยมินนี่ ขณะที่มินนี่เดินกลับบ้าน มีรถขับตามมาและวิ่งเฉี่ยว จนเธอล้มลง แอนนาเห็นเข้าจึงวิ่งเข้ามาช่วยพยุงมินนี่กลับบ้าน นอกจากนี้เรจินัลด์ยังถูกครูบังคับ ให้เรียนโปรแกรมช่าง โรงโบว์ลิ่งของคนผิวขาวไม่ให้แม็คเข้า ร้านขายเสื้อผ้ามีห้องลองเสื้อ สำหรับคนขาว และคนดำแยกกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกคนขาวจะไม่ยอมให้แม็คได้อยู่สบาย "เราจะทำให้พวกเขาท้อแท้ทุกวิถีทาง"

แอนนายังคงคบหาสนิทสนมกับมินนี่ แม้ว่าสมาคมเพื่อนบ้านจะบอกให้เบ็นจามิน ห้ามแอนนา ช่วยเหลือมินนี่อีกต่อไป มินนี่เปิดเผยความรู้สึกกับแอนนาว่า "ถึงเธอจะเป็นคนมีน้ำใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางรู้ความรู้สึกที่ถูกเกลียดชังเพราะสีผิว ถูกเกลียดชังในสิ่งที่คนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถูกถ่มน้ำลายใส่ ถูกทำร้ายร่างกาย แม้แต่ถูกแขวนคอ ลูกๆ ได้รับการดูถูก ถูกทำร้ายร่างกาย เขาไม่ได้ทำเพื่ออะไร แต่ทำเพราะใบหน้าสีดำในโลกของคนขาว"

แอนนาก็ได้ชี้ให้มินนี่มองเห็นการกระทำของตนเองด้วยว่า "เธอมองฉันแบบนั้น คืนวันที่ไฟไหม้ (ไม้กางเขน) แบบเดียวกับที่คนอื่นมองเธอ เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ฉันถึงเข้าใจ"

แอนนาและลูกสาวแสดงอาการห่างเหินกับเบ็นจามิน จนเขาต้องเอ่ยปากว่า อยากได้ภรรยาคนเดิม กลับคืนมา แอนนาจึงตอบว่า "ฉันก็ต้องการสามีคนเดิมของฉันคืนมา คนที่บอกว่า แม้ว่าจะตกต่ำ ในช่วงแรก ก็สามารถทำงานหนักและมีชีวิตที่ดีได้"

ส่วนลูกสาวก็บอกพ่อว่า "เราไม่ได้ต่อต้านพ่อ แต่ต่อต้านสิ่งที่พ่อทำ สิ่งที่พ่อทำเป็นการใจแคบ พ่อทำตามที่คนอื่นคิด พ่อไม่ได้มีความหมายกับพวกเขาเลย พ่อเพียงทำงานสกปรกให้พวกเขา เท่านั้นเอง"

เบ็นและแม็คพบกันที่ร้านเหล้า พูดคุยกันเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจกันและเดินกลับบ้านด้วยกัน

แม็คสู้คดีจนถึงศาลฎีกา พวกเขาคิดว่า "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารู้ว่า เราสู้อย่างที่สุดแล้ว"

แม้ว่าในเรื่องนี้แม็คจะชนะคดีและทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนบ้านกันจนสิ้นอายุขัย แต่ตอนจบ ของเรื่องมีข้อความว่า "การแบ่งสีผิวยังมีในอเมริกาจนถึงทุกวันนี้"

ลองมองดูสังคมไทยบ้าง การแบ่งชนชั้นวรรณะ และการกำจัดหรือกลั่นแกล้งทำร้าย "คนอื่นที่ไม่ใช่ พวกเดียวกัน หรือเป็นคนละพวกกับเรา" ยังคงมีอยู่รุนแรงเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเราแต่ละคน

และเรามีความหาญกล้าเพียงใดที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับผู้กดขี่ข่มเหง หรือให้ความช่วยเหลือ ผู้ถูกกดขี่ ข่มเหง

ด้วยปัญญาที่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดี

ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๖ พฤศจิกายน- ธันวาคม ๒๕๔๗