ทัศนคติต่อตนเอง - รักขวัญ -


คงเคย.....เมื่อเราทุกข์ ปัญหาของเรายิ่งใหญ่
ใครจะทุกข์และน่าเห็นใจไปกว่าเรา เป็นไม่มี
คงเคย..... ที่เราคิดว่าเราชนะ
แต่ลึกลงไปเรารู้อยู่แก่ใจว่าเราแพ้

ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ดู หากคุณมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึง เล่าให้ดอกหญ้าฟังบ้างนะคะ


ฉันเคยทำคะแนนในการสอบวิชาที่ตั้งใจเรียนมากได้ไม่ดี ฉันเสียใจมากเพราะทุ่มเทกับวิชานี้ จนทำให้ วิชาอื่นพลอยรวนไปด้วย ฉันตัดสินใจโทรศัพท์ไประบายให้เพื่อนรักฟัง เขาฟังฉันและปลอบโยน ด้วยน้ำเสียง ที่จริงใจและอ่อนโยน ฉันเริ่มสบายใจขึ้น จึงถามถึงคะแนนของเขา เขาบอกว่า เขาสอบตก และเพิ่งโดนแม่ดุ ก่อนที่ฉันจะโทรฯไปหาเขา ฉันตกใจและไม่มีคำพูดบ่นเรื่องคะแนนของฉันอีกเลย ได้แต่นิ่งอึ้งและวางสายหลังจากขอโทษเขา เมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่จะโทรฯหาเขา ฉันคิดว่าตัวเองโชคร้าย และแย่ที่สุด แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย ยังมีอีกหลายคนที่แย่กว่าฉัน แล้วทำไมเขายังเข้มแข็ง อยู่ได้ ฉันเริ่มรู้สึกและคิดได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เราผิดหวัง อย่าคิดว่าเราเป็นคนเดียวที่กำลังเผชิญกับมัน อาจมีอีกหลายๆ คนที่ไม่มีโอกาสหรือทุกข์กว่าเรา

* น.ส.แก้วหทัย ใสดี



ผมเคยคิดอิจฉาเพื่อนๆ ที่เขามีอะไรใหม่ๆ มากมาย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ไฮเทคราคาแพง ผมอยากมี เหมือนเพื่อนๆ บ้าง จึงขอให้แม่ซื้อให้ ครั้นแม่บอกว่า "แม่ไม่มีเงิน" ผมก็ไม่ยอม พยายามจะเอา สิ่งนั้นให้ได้ โดยไม่คิดเลยว่าฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร จนวันหนึ่ง ผมเห็นคนพิการขยันทำมาหากิน จึงคิดได้ว่า "ขนาดคนพิการเขายังรู้จักทำมาหากิน รู้จักพอ เขาไม่มีอะไรแต่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ อย่างมี ความสุข" แล้วเรามีครบ ทำไมเราถึงเอาแต่ใจโดยไม่มีเหตุผล จากนั้นมาผมก็เปลี่ยนความคิด เมื่อใด ที่ผมมีความคิดโง่ๆ ผมก็จะนึกถึงคนพิการคนนี้เพื่อระงับความโลภของผมเอง

* นายสายสิทธิ์ ขุนศรี



"ความฝันของข้าพเจ้า"
ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมครอบครัวของฉันถึงไม่มีเงินเก็บ วันหนึ่งจึงถามแม่ว่า ทำไมทุกๆ เดือน จึงไม่มีเงินเหลือเลย แม่เอาไปไหนหมด แล้วแม่ก็บอกว่า แม่หางานทำคนเดียวนะลูก ค่าใช้จ่าย ทุกอย่าง ในบ้าน แม่จ่ายคนเดียว ลองคิดดู เดือนๆ หนึ่งเป็นเงินเท่าไร? คำถามที่แม่ถามกลับมานั้น ทำให้ฉันรู้สึก ผิดอย่างมาก ที่ฉันพูดไม่ดีกับแม่

* ลูกสาวคนหนึ่ง



ผมเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ชอบเอาความคิดของตัวเป็นใหญ่ คิดว่าตนถูกเสมอ สิ่งนี้เคยทำให้ผม เสียเพื่อน ผมกับเขา......เราสนิทกันมากตอนเข้าเรียน ม.๔ และผมคิดว่าเขาจะเป็นเพื่อนแท้ ตอน ม.๕ เทอม ๑ เขากับผมไม่คุยกัน โดยผมเป็นคนเริ่มเงียบจนเขารู้สึกว่าอารมณ์ผมที่มีให้เขามันแปลกๆ เราไม่พูดกันจน ม.๖ วันสุดท้ายที่เราได้เจอหน้ากัน เราพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ ออกจากโรงเรียนพร้อมกัน เพื่อกลับบ้าน ก่อนที่เราจะจากกัน และรู้ว่าอีกนานมากกว่าเราจะได้พบกัน หรืออาจจะไม่ได้พบกันอีก ตลอดระยะการเดินทาง ผมอยากขอโทษแต่ก็กลัวเสียฟอร์ม.... จนถึงเวลาที่เขาต้องลงจาก รถประจำทาง เพื่อต่อรถไฟกลับสงขลา....บ้านของเขา ผมยังทำขรึม เขาบอกลา แล้วรีบเดินจากไป.... ผมรู้สึกว่าตัวเองแพ้... ผมน่าจะบอกลา

...ผมเสียใจ ผมน่าจะขอโทษ และน่าจะพูดกับเขาก่อนที่เราจะจากกัน
...มันคือบทเรียนที่ผมต้องเสียเพื่อนที่รู้ใจ
ผมจะไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับผมอีก ผมจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเอง

* นัฐไท วงศ์ทองดี

ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๖ พฤศจิกายน- ธันวาคม ๒๕๔๗