เรื่องน่ารู้ -
ธารดาว ทองแก้ว -
น้ำ... ความสำคัญที่ถูกมองข้าม สมัยเป็นนักเรียนตัวเล็กๆ คุณครูให้ท่องสุขบัญญัติ ๑๐ ประการ ซึ่ง ๑ ใน ๑๐ ข้อนั้นบอกว่า คนเราต้อง ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ ๖-๘ แก้ว เพื่อการมีสุขภาพที่ดี แต่ในทางปฏิบัติ คนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบ ดื่มน้ำ ละเลย และไม่เห็นความสำคัญของน้ำ หรือบางคนอาจไม่เคยทราบเลยว่าน้ำมีความสำคัญอย่างไร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วน้ำมีความสำคัญกับชีวิตของคนเรามาก รองจากอากาศที่หายใจทีเดียว น้ำ...สิ่งที่ชีวิตขาดไม่ได้ โดยทั่วไปคนเราสามารถอดอาหารได้นานเป็นเดือนๆ โดยไม่เสียชีวิต แต่ถ้าขาดน้ำเพียงแค่ ๓-๗ วัน รับรอง! ต้องลาจากโลกกลมๆ ใบนี้ไปอย่างแน่นอน เพราะเซลล์ทุกเซลล์ ระบบเลือด น้ำเหลือง ปัสสาวะ น้ำลาย เหงื่อ น้ำตา ฯลฯ ล้วนแต่ต้องการน้ำ อีกทั้งน้ำยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกระบบการทำงานของร่างกาย เช่น - สร้างปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย น้ำในร่างกายมาจากไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้รับน้ำจากการดื่มเข้าไปโดยตรงมากกว่า ร่างกายต้องการน้ำวันละเท่าไร ดูที่สีของปัสสาวะ ถ้าเป็นสีชาอ่อนๆ หรือมีสีเหลืองอ่อน ก็แสดงว่าดื่มน้ำเพียงพอแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะ เป็นสี เหลืองเข้ม นั่นแสดงว่าคุณดื่มน้ำน้อยไป หรือถ้า ปัสสาวะใสเหมือนน้ำโดยไม่มีสีเหลืองเลย ก็แปลว่าคุณดื่มน้ำมากเกินความต้องการของร่างกายแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่เราจะรู้ได้ว่าดื่มน้ำเพียงพอ หรือไม่ ก็โดยการสังเกตการปัสสาวะ ซึ่งคนปกติจะปัสสาวะ ประมาณ วันละ ๑ ลิตร หรืออย่างน้อยทุก ๔ ชั่วโมง ใครที่ไม่ค่อยปวดฉี่ หรือฉี่ออกมามีสีเหลืองเข้มมาก แสดงว่าดื่มน้ำไม่เพียงพอ สุดท้ายก็สังเกตที่ความกระหาย หลายคนมีนิสัยไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า (แต่ชอบ น้ำหวาน น้ำใส่สี หรือน้ำชา กาแฟ) จะดื่มน้ำก็ต่อเมื่อรู้สึกกระหายจริงๆ เท่านั้น ต้องขอบอกว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดี และมีผลเสีย ต่อสุขภาพ โดยรวม อย่างมาก เพราะความรู้สึกกระหายเป็นสัญญาณกระตุ้นเตือนจากสมอง ที่บอกเราว่าตอนนี้ น้ำในร่างกาย มีไม่เพียงพอแล้วนะ ฉะนั้นก็อย่ารอจนกว่ากระหายน้ำแล้วจึงดื่ม เพราะนั่นหมายถึง ร่างกาย ได้เข้าสู่ภาวะขาดน้ำแล้ว หรืออาจจะขาดน้ำโดยที่ไม่รู้สึกกระหายก็ได้ ไม่เหมือนกับเวลาที่ร่างกาย ขาดอาหาร แล้วจะรู้สึกหิวเป็นการเตือน สำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำ ขั้นแรกก็อาจจะหัดจิบน้ำเป็นระยะๆ ทุกชั่วโมง สะสมแต้มไปเรื่อยๆ ให้ครบ ๘-๑๐ แก้ว ในหนึ่งวัน ไม่ช้าก็จะเคยชินกับการดื่มน้ำมากขึ้น และมีสุขภาพดีจากการดื่มน้ำที่พอเพียงกับ ความต้องการของร่างกาย (ที่สังเกตได้จากผิวพรรณที่สดใส ดวงตาชุ่มชื้นเป็นประกาย) ดื่มน้ำน้อย...สุขภาพย่ำแย่ คนที่ดื่มน้ำน้อยจนเป็นนิสัย แม้ร่างกายจะปรับตัวให้ต้องการน้ำน้อยกว่าปกติ แต่ก็เกิดผลเสีย ต่อสุขภาพ ตามมามากมาย เช่น เกิดความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ ซึ่ง จะทำให้เกิดความไม่สบายต่างๆ หลายอาการ เช่น ปวดหัวบ่อยๆ มึนงง อ่อนเพลีย หน้ามืด ตาลาย ไม่มีสมาธิ ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม ท้องผูก ผิวหยาบแห้ง ตึงที่หัวไหล่ ริมฝีปากแห้ง มีกลิ่นปาก ตาโหล อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้น (ตัวร้อนตลอดเวลา) เห็นไหมว่าน้ำมีประโยชน์มากชนิดที่หลายคนนึกไม่ถึง แต่ขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เขาไม่สามารถ ดื่มน้ำได้มากเหมือนคนทั่วไป นั่นคือผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต เพราะในขณะที่ไตทำงานไม่ปกติ แล้วดื่มน้ำ เข้าไป มากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการบวมได้ อีกกลุ่มหนึ่งคือ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรง (หัวใจล้มเหลว หรือ หัวใจวาย) คนไข้เหล่านี้ ระบบขับถ่ายน้ำจะไม่ปกติ เพราะฉะนั้นถ้าดื่มน้ำมากๆ อาจจะทำให้เกิด อาการเหนื่อย หอบ และเกิดอาการบวมได้ หรือ คนที่เป็นโรค เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อหรือมีความ ผิดปกติของ ระบบฮอร์โมนในร่างกาย บางครั้งดื่มน้ำเข้าไปแล้วไม่สามารถ ขับถ่ายออกมาได้ ก็จะทำให้เกิดอาการคั่ง ของน้ำในร่างกาย และเกิดอาการบวมขึ้น น้ำที่เหมาะสำหรับดื่ม เครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม ชา กาแฟ โอเลี้ยง เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ผสมกาเฟอีนทั้งหลาย ล้วนแต่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ เพราะทำให้มีการเสียน้ำ ออกจากร่างกาย ซึ่งหากไม่ดื่มน้ำชดเชยเข้าไปให้พอเพียง ก็จะมีอาการไม่สบายต่างๆ เกิดขึ้น ดื่มน้ำช่วงไหนดี ๑. หลังตื่นนอน ให้ดื่มน้ำอุ่นทันที ๑-๒ แก้ว (ซึ่งบางคนอาจดื่มได้มากกว่านี้) การดื่มน้ำทันทีที่ตื่น จะช่วยปลุก เซลล์ต่างๆ ให้สดชื่นขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบ ขับถ่ายทำงานดีขึ้นอีกด้วย ๒. ก่อนเวลาอาหาร มื้อละ ๑ แก้ว ๓. หลังมื้ออาหาร มื้อละ ๑ แก้ว ๔. ๒-๓ ชั่วโมงหลังมื้ออาหาร ๑ แก้ว ๕. ก่อนเข้านอน ประมาณ ๑ ชั่วโมง ดื่มน้ำอุ่น ๑ แก้ว เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำที่จะเกิดขึ้น ในระหว่าง การนอน ๖. สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะเสียน้ำไปทางผิวหนังหรือทางเหงื่อเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการ หายใจด้วย ยิ่งในช่วงอากาศร้อน การสูญเสียน้ำก็จะยิ่งมากขึ้น ถ้าหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำ ให้เกิดอาการที่เรียกว่า "ลมแดด" (คือปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หนาวสั่น) ได้ วิธีการป้องกัน คือดื่มน้ำ ให้เพียงพอ ทั้งก่อนออกกำลังกาย (๑/๒-๑ แก้ว) ขณะออกกำลังกาย (จิบน้ำบ่อยๆ ทุก ๑๐-๒๐ นาที) และหลังการออกกำลังกาย (๑-๒ แก้ว) ๗. ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วงกลางวัน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากในช่วงอาหารเย็นจนถึงเวลานอน เพราะอาจ จะลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ในระหว่างการนอน ทำให้หลับไม่เต็มอิ่ม และเกิดอาการอ่อนเพลียได้ ลองนำไปปฏิบัติดูนะ... แล้วจะได้คำตอบว่าเพียงแค่การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ง่ายๆ แค่นี้แหละ แต่ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ อย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว - ดอกหญ้า
อันดับที่ ๑๒๐ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๘ - |