ปัจฉิมลิขิต
- กอง บก. -
๑. อ่านหนังสือดอกหญ้าแล้วนำมาปฏิบัติธรรมสามารถบรรลุมรรคผลได้หรือไม่ ๒. บางครั้งผมกวาดบ้าน มีมดมาก เวลาเรากวาด (ผมกวาดบ้านถูบ้าน ถูเฉพาะ ห้องนอนวันเว้นวัน)
ไปมีมดรวมอยู่กับเศษฝุ่นผงดินในบ้าน รู้สึกไม่สบายใจเลยเวลากวาด ถูบ้าน ต้องใช้ความระมัดระวังมาก
กรุณาช่วยแนะนำวิธีเพิ่มเติมด้วยว่าจะหลีกเลี่ยงหรือทำอย่างไรให้ดีกว่านี้ - ๑. ถ้าปฏิบัติถูกต้องเหมาะสมกับพื้นจริตของตนเอง ด้วยอิทธิบาทเต็มที่ ก็จะบรรลุได้ตามลำดับขั้น ๒. พยายามป้องกันไม่ให้มดขึ้น เช่น ไม่ทิ้งอาหารเอาไว้ ถ้ามีซากสัตว์เล็กๆ ตายในห้อง ให้รีบกวาดทิ้ง เพราะมัน จะเป็นอาหารของมด ถ้าป้องกันเต็มที่แล้ว มดยังมาอาศัย ก็ค่อยๆ กวาดแล้วกันค่ะ
เคยอ่านจากคนที่เขียนมาถาม ก็พยายามทดลอง ทำหลายๆ วิธี แต่ก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง - พยายามทำต่อไปนะคะ อย่าท้อถอย ถ้าทำได้ง่ายๆ ทุกคนก็เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วสิคะ แล้วเราก็คง จะไม่ซาบซึ้งถึงพระปัญญาธิคุณการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
- เจริญเมตตาค่ะ ใครทำอะไรผิดพลาดไป ก็คิดเสียว่าเขาคงไม่รู้ เขามีปัญญาแค่นั้น คนเราก็ทำได้เท่าที่รู้ หรือเท่าที่มีกำลังเท่านั้นแหละค่ะ หัดเข้าใจคนอื่นให้มากๆ ดิฉันเองยังคิดอย่างนี้ไม่ค่อยได้หรอกค่ะ เวลา บอกตัวเองอย่างนี้ ก็ค้านตัวเองอีกว่า เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ ดิฉันต้องคิดถึงครูบาอาจารย์ ที่ท่านให้อภัยเรา ตลอดเวลา เมตตาสั่งสอนซ้ำแล้วซ้ำอีก เราก็ยังทำผิดนั่นๆ นี่ๆ อยู่เรื่อยๆ ท่านยังไม่โกรธเราเลย
- ๑. ตอบเพิ่มเติมจากที่ตอบคุณวารุณีนะคะว่า คนเรามีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความถนัด สติปัญญา ไม่เท่ากัน ต้องให้โอกาสคนอื่นพัฒนาตนเองค่ะ อดทน รอคอย ให้อภัย เหมือนพ่อแม่ รอคอย การเจริญเติบโตของลูก เหมือนเกษตรกรรอคอยต้นไม้ออกดอกออกผล ปล่อยสิ่งๆ ต่างให้เป็นไป ตามธรรมชาติ บ้าง อย่าไปเที่ยวกำหนดกฎเกณฑ์อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็คอยกำกับให้ทุกอย่าง เป็นไปตาม ที่กำหนดไว้ อย่างนี้ไม่มีใครมีความสุขหรอกค่ะ ถ้าจะฝึกให้ใจเย็น วิธีง่ายๆ ก็คือหัดเดินไปไหนมาไหน แทนการนั่งรถ ลดการใช้โทรศัพท์มือถือ ก่อนจะโทรศัพท์ ถึงใคร ถามตัวเองเสียก่อนว่า จำเป็นไหม ถ้าไม่โทรศัพท์จะเกิดผลเสียอะไรหรือเปล่า รอให้ถึงเวลา เลิกงานค่อยโทรฯ จะได้ไหม เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกัน ก่อนจะทำ ให้ตริตรองเสียก่อน ถ่วงเวลา ตัวเอง จะได้รอบคอบและใจเย็น ๒. ถ้าไม่พูดแล้วไม่เสียหาย ไม่ต้องพูดก็ดีแล้วนะคะ หากจำเป็นต้องพูด แต่ไม่กล้าพูด ก็ต้องตรวจสอบ ตัวเองว่า ทำไมไม่กล้าพูด อาจจะไม่คุ้นกับผู้ฟัง มีความรู้ไม่มากพอ ยังมีเรื่องไม่ดีปิดบังซ่อนเร้นอยู่ วิธีแก้ไข ก็คือปรับปรุงบุคลิกของตนเอง ให้เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส มีมนุษยสัมพันธ์ หัดทักทายผู้คน เปิดใจกว้าง รับฟัง ความเห็นผู้อื่น ติดตามข่าวสาร แสวงหาความรู้อยู่เสมอ และรักษาศีลให้เคร่งครัด ผู้มีศีล จะแกล้วกล้า อาจหาญในที่ประชุมชน
- เข้าใจว่า คุณดวงเดือนกำลังมีปัญหากับคนรอบข้าง ทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาได้ ต้องพิจารณาปัญหา ให้ชัดเจน ด้วยใจเป็นธรรม ถ้าคุณดวงเดือนเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา คุณก็ต้องปรับปรุงตนเอง แต่ถ้าปัญหา เกิดจากคนรอบข้าง ก็ต้องประมาณว่า พอจะพูดกันตรงไปตรงมาได้ไหม ถ้าไม่ได้ พูดแล้วน่าจะเกิดผลเสีย มากกว่าผลดี ก็ไม่ต้องพูด อดทนลูกเดียว ทำอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า พึงชนะคนชั่วด้วยความดี พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ ดิฉันต่ออีกหน่อยว่า พึงชนะคนร้ายด้วยเมตตา
- ก่อนนอนค่ะ หรือไม่ก็ตอนพักรับประทานอาหาร
- เริ่มต้นใหม่ค่ะ คนเราจะล้มกี่ครั้งก็ได้ ข้อสำคัญล้มแล้วต้องรีบลุกค่ะ
๑. เมื่อปฏิบัติอยู่ดีๆ มีผู้หญิงมารบกวน(ใจ) เราจะสามารถคุมใจไม่ให้หักเหหรือให้จิตใจไม่หวั่นไหวเลย พอเป็นไปได้ไหมครับ ๒. ตอนนี้ผมพยายามปฏิบัติอยู่ หลงอยู่หลายอย่าง กินน้อยนอนพอดีตื่นเช้า
แต่เมื่อใดที่ผมนอนดึก ตื่นเช้าผมจะเพลีย และอีกอย่างหนึ่งคือนอนไวตื่นเช้า
ก็ยังเพลีย อยู่ จะมีวิธีทำให้ไม่ง่วงเลยได้ไหมครับ - ๑. ได้ แค่ผู้หญิงคนเดียว คุณยังปล่อยให้มีอิทธิพลเหนือคุณได้ คนอื่นๆ เรื่องอื่นๆ สำคัญกว่านี้ มิทำให้คุณกลายเป็นทาสหรือ ๒. นอนให้พอเพียงแก่ความต้องการ ของร่างกาย ควบคุมอาหาร งดอาหารหวาน มัน ของทอด กินผัก ผลไม้ให้มาก ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง
- ถ้าไม่มีจิตพิศวาส แต่อยู่ด้วยเมตตาต่อกัน มีเหตุผลในการกระทำแต่ละอย่าง สามารถปรับตัวเข้าหา กันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยกันนำพาไปสู่ดี แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วกระมัง
- ลองพูดกับคุณแม่ดูได้ไหมคะว่า แบ่งหมาให้คนอื่นที่ชอบเลี้ยงได้ไหม เอาไปมอบให้สถานรับเลี้ยงสัตว์ ได้ไหม อาจจะยังไม่ได้ในทันที ค่อยๆ อธิบายให้คุณแม่ฟังวันละเล็กวันละน้อยว่า การทำบุญกับ พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้บุญกว่าการทำบุญกับคนดีที่ไม่ใช่พระ ทำบุญกับคนดี ได้บุญกว่า การทำบุญ กับคนชั่ว การทำบุญกับคนทั่วไปได้บุญกว่าการทำบุญกับสัตว์ ยังมีคนที่อดอยากยากจน อีกมาก ที่ต้องการ ความช่วยเหลือ เราน่าจะเอาเงินที่ใช้ซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์ไปเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือ คนแก่ที่ถูก ทอดทิ้ง น่าจะดีกว่า ถ้าคุณแม่ยังไม่เปลี่ยนความคิด คุณลองหาคนอื่นทำหน้าที่แทนได้ไหม ถ้าหาไม่ได้ คุณก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ถึงตอนนั้น ก็ต้องฝึกวางใจ เราพยายามเต็มที่แล้ว อย่าไปทุกข์กับมัน ทำใจยอมรับความจริงให้ได้
- บาลีว่า พหุลีกัมมัง ทำให้มาก
- ตามบาลีที่ได้ยินพระท่านท่องกันมานานนักหนาแล้วก็คือ สีเลน นิพพุติง ยันติ แปลว่า บุคคลย่อมถึง นิพพาน ได้ด้วยศีล
- ไม่จำเป็น แต่ว่าสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนเอื้อหรือเป็นอุปการะแก่การปฏิบัติธรรม อรรถกถา (คัมภีร์ที่อาจารย์ รุ่นหลังอธิบาย ธรรมะในพระไตรปิฎก) เรียกว่า สัปปายะ ๗ คือ ความสะดวกสบายในเรื่องที่อยู่อาศัย (อาวาส) สถานที่แวดล้อม (โคจร) การพูดคุยสนทนาธรรม (ภัสสะ) บุคคลหรือเพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติธรรม (ปุคคล) อาหาร (โภชนะ) ดินฟ้าอากาศ (อุตุ)และอิริยาบถ (อิริยาปถะ)
- ตามหลักสัมมาอาริยมรรคองค์ ๘ สัมมาสมาธิเกิดจากสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ และสัมมาสติ ถ้าเรามีความเห็นที่ถูกตรง มีความดำรินึกคิด การพูดจา การกระทำ การประกอบอาชีพ ความเพียรพยายาม และการระลึกรู้ตัวในทางที่ล้วนเป็นกุศล เราก็จะมีสมาธิ จิตใจเราก็จะสงบมั่นคงตลอดไป
๒. การบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลหลังเสียชีวิต เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาดีอย่างไร ๓. ทำไมศาสนาพุทธจึงมีศาสนาเนื้องอกเกิดขึ้นมากมาย นำผู้ปฏิบัติไปสู่ความงมงาย
ทำให้ศาสนาพุทธ เสื่อม จะแก้ไขอย่างไร - ๑. ได้ค่ะ ใจไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่ปัญหาต้องค่อยๆ แก้ไขไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยวางแบบไม่รับผิดชอบ ๒. นักศึกษาแพทย์จะได้เรียนรู้วิธีการที่จะรักษาชีวิตผู้อื่นต่อไป เป็นบุญเป็นกุศลอย่างหนึ่ง ๓. คนเรามีสติปัญญาและกำลังจิตอ่อนลงจนไม่สามารถปฏิบัติตามคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์ ถ้าอยากช่วยรักษาพระศาสนา ก็ต้องพยายามปฏิบัติตนตามคำสอนของพระองค์
- คุณดวงพรต้องประมาณองค์ประกอบของตนเองให้ดี ทางไหนเหมาะสม แก่กำลังของตนเอง ก็เลือกทางนั้น ดี ทั้งสองทาง
- แก้ไขแล้ว ได้ผลอย่างไร เล่าสู่ฟังบ้างนะคะ
- จับตรงที่ว่า อยากทำความดีมากๆ เป็นคนติดสบาย แล้วก็ต้องเลือกงานที่ชอบ ดิฉันว่าสองประการหลัง จะเป็นอุปสรรค ขัดขวางไม่ให้ทำดีได้มากนะคะ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ตั้งตนอยู่บนความสบาย อกุศลธรรมเจริญ ตั้งตนบนความลำบาก กุศลธรรมเจริญ หัดทำงาน (อันเป็นกุศลกรรม) ที่ไม่ชอบดูบ้าง เป็นไร ขัดใจตัวเองวันละเล็กละน้อย หัวใจจะได้สดใสแวววาวขึ้นเรื่อยๆ
- ๑. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตาคนอื่นให้มาก
- คนใกล้ชิดเรามีความดีงามน้อยกว่าคนอื่นหรือคะ ถึงได้โกรธนักหนา
- ขึ้นอยู่กับเจตนาค่ะ แล้วก็ผลที่ เกิดขึ้น เช่นว่า สัตว์ตายหรือเปล่า ถ้าอยู่ในเขตบ้านเรา น้ำ หญ้าอาจไม่พอ ต้องช่วยให้มันไปหากินที่อื่น อย่างนี้ก็เป็นบุญ แต่ถ้าย้ายมันไปแล้วเป็นเหตุให้มันต้องตาย อย่างนี้ก็บาป
- เสียดายเวลาแทนจริงๆ เลยค่ะ เอาอย่างนี้ไหมคะ วันไหนไม่มีอะไรทำ ช่วยเดินทางไปวัดหน่อยเถอะ มีงาน ให้ช่วยทำเยอะเลย ตั้งแต่กวาดลานวัด เก็บขยะ ล้างภาชนะ เก็บเล่มหนังสือ ส่งหนังสือให้สมาชิก พิมพ์งาน แล้วก็งานอื่นๆ อีกจิปาถะ จะได้ทำตนให้เป็นประโยชน์ สร้างบุญกุศลให้ตนเอง
- ฝึกแรกๆ ก็อย่างนี้แหละค่ะ ถ้าเรามั่นคง ต่อไปคนอื่นก็มั่นใจค่ะ
- หัดทำเองดีกว่าค่ะ มีตำราอาหารมังสวิรัติขายตามร้านหนังสือทั่วไปเยอะแยะ แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ เข้าร้านอาหารร้านไหน ก็ทำเป็น สั่งเขาได้ เพียงแต่ว่าต้องไม่ใช่เวลาอาหารตามปกติ เพราะเขาขายดี เขาไม่มีเวลาทำให้เรา ทุกวันนี้ ดิฉันไปไหน ไม่เคยอดเลยค่ะ ขออย่าสั่งอาหารที่ทำ ยุ่งยากนักก็แล้วกัน ผัดผักรวมง่ายที่สุดค่ะ บอกเขาว่าใช้น้ำมันพืช ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็ใช้กันอยู่แล้ว แล้วก็ใส่ซีอิ๊วแทนน้ำปลา ถ้าเขาไม่มีซีอิ๊ว ใส่เกลือแทนก็ได้ ไม่ใส่เนื้อสัตว์ทุกชนิด ไม่ใส่ผงชูรส แค่นี้เอง ได้กินแน่นอน แรกๆ ก็คงรู้สึกยาก ลำบากหน่อย เป็นแบบฝึกหัดตั้งตนบนความลำบากค่ะ จิตใจจะได้เข้มแข็ง พอผ่านบทพิสูจน์ ทดสอบจิตใจนี้ไปได้ เรื่องกินก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คุณจะได้ทำโจทย์ที่ยากขึ้น พัฒนาตนเอง ได้มากขึ้น ดิฉันเองทำอาหารไม่เป็นนะคะ ตอนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติใหม่ๆ เมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน ตอนนั้น ยังไม่ได้ มาอยู่วัด ยังเรียนหนังสืออยู่ ดิฉันต้มจืดผักกินอย่างเดียวทุกวันเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็รู้จักอาหาร มังสวิรัติ ดิฉันแค่บอกเขาอย่างที่บอกข้างต้นน่ะค่ะ ถ้าเขามีเวลา ก็บอกอย่างที่จะบอกคุณทิพวัลย์ (คำถามต่อไป) ทุกคนก็ทำให้ได้ อร่อยเชียวแหละ
- อาหารมังสวิรัติบริสุทธิ์นี่แหละค่ะ ประหยัดกว่า คุณลองหัดทำสิคะ วันละอย่างเดียว ทำอาหารชนิดเดียว กับอาหารทั่วไปนี่แหละ เพียงแต่ใส่เต้าหู้หรือเห็ดแทนเนื้อสัตว์ ใส่ซีอิ๊วแทนน้ำปลา ทุกคนก็กินกับคุณได้ ราคาถูกกว่าด้วย
- มังสวิรัติเพียงแต่งดเว้นอาหารเนื้อสัตว์ทุกชนิด ส่วนไข่และนมนั้นแล้วแต่แต่ละคนจะถือปฏิบัติ แต่อาหารเจ นอกจากงดเว้นเนื้อสัตว์แล้ว ยังงดเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน ๕ อย่าง ได้แก่ กุยช่าย กระเทียม หอมหลักเกียว และใบยาสูบ
- ประการแรกคือผู้ใหญ่ปฏิบัติตามคำสอนในพุทธศาสนาจนเป็นชีวิตประจำวัน คือ ไม่เบียดเบียนร่างกาย และ จิตใจทั้งคนและสัตว์ ไม่ถือเอาของที่คนอื่นไม่ได้ให้ ไม่แย่งชิงของรักของหวงของผู้อื่น ไม่กล่าว มิจฉาวาจา ๔ คือ คำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด และคำเพ้อเจ้อเหลวไหล และไม่มัวเมาในอบายมุข ๖ คือ ดื่มน้ำเมา เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้าน การปฏิบัติดังกล่าว นอกจากจะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นแล้ว ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กได้ซับซาบเองโดยธรรมชาติ พฤติกรรมของคนอื่น เหตุการณ์ จากข่าว จากละคร เราก็เอามาสอนเด็กได้ ว่าพฤติกรรมอย่างไรดี หรือไม่ดี เพราะอะไร ปฏิบัติแล้วก่อให้เกิดผลเสียต่อชีวิตอย่างไร อีกอย่างหนึ่งที่ควรทำคือให้เด็กฝึกหัดตั้งใจทำความดีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อฝึกให้เด็กเป็นคนมีเมตตา รู้จักแบ่งปัน เสียสละของรักของหวงของตน กล่าวถ้อยคำจริง สุภาพ และมีสาระ และใช้ชีวิตอย่างมีสติ สัมปชัญญะ เช่น ช่วยคุณแม่ล้างจานทุกวันเป็นเวลา ๑ อาทิตย์ จะพูดมีหางเสียงทุกครั้งเป็นเวลา ๓ วัน จะอ่านหนังสือเรียนทุกวัน วันละ ๑ ชั่วโมง เป็นเวลา ๑ เดือน เป็นต้น ขอย้ำว่าให้เด็กคิดเองนะคะ ว่าอยาก จะทำอะไร การกระทำจะได้เกิดจากจิตใจของเขาเองจริงๆ และเขาจะได้ฝึกประมาณตนเองได้ด้วยว่า พอจะทำอะไรได้ ถ้าเขาทำได้ ก็มีรางวัลให้ เช่น ให้หนังสือดีๆ ที่เด็กชอบ ทำอาหารพิเศษตามที่เด็กชอบ หรือพาไปเที่ยว สถานที่ ที่เหมาะสมแก่เด็ก เช่น สวนสัตว์ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โดยให้เด็กเป็นคนเลือก สถานที่ ที่จะไป รางวัลที่ให้ต้องพิจารณาให้เหมาะสม กับความยากง่ายของสิ่งที่ทำและระยะเวลา ที่ทำด้วย ถ้าเด็กทำได้ไม่ครบตามที่ตั้งใจไว้ ก็ชมเชยเขาที่ทำได้มาตั้ง ๒ วันแล้ว ขาดอีกวันเดียวเอง ให้กำลังใจเขา ให้ทำให้ครบ
- ตอนนี้ติดยึดผูกพันใครหรืออะไรอยู่หรือเปล่าเอ่ย ถ้ารู้ว่าทุกข์ก็ปลดปล่อยตัวเองเถอะค่ะ อย่าเบียดเบียน ตนเองอยู่เลย
๑. สถาบันครอบครัวเปลี่ยนไป - อะไรที่เกินความสามารถของเรา ก็ต้องวางใจกระมัง เอากำลังกายกำลังใจ มาทำสิ่งที่ตนเองทำได้ ให้เต็มที่ดีกว่ามัวแต่ไปโกรธไปเกลียด ก็ทำร้ายจิตใจตัวเองเปล่าๆ เมื่อไม่กี่วันนี้ ดิฉันก็ได้รับคำสอน จากครูบา อาจารย์แบบนี้แหละค่ะ เลยได้เอามาบอกต่อ
๒. มีคนแกล้งในการทำสวน เรื่องที่ดิน ซึ่งเจ้าของที่ขายให้แล้ว แต่หลานเจ้าของที่จะเอาที่
คือห่วงสมบัติ จะเอาเอง คอยแกล้งคนที่มาทำสวน ตัดต้นไม้ เก็บลูกอ่อนทิ้งบ้าง
ทำทุกวิธีที่จะไม่ให้ใครทำที่ดินตรงนั้น คนนั้น เขาเป็นคนอย่างไร - ๑. เพราะขาดความเมตตาต่อกัน มีอคติ เห็นแก่พวกพ้องมากกว่าความ ถูกต้อง ทุกคนก็เป็นอย่างนี้ ทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่แต่ข้าราชการ ข้อสำคัญเราต้องระวังตน อย่าเป็นอย่างนั้นด้วยอีกคน ๒. เขาก็หวงสมบัติของเขาอย่างที่คุณว่านั่นแหละ แก้ไขได้ด้วยการ "เอาดีเข้าต่อกร" มีผลหมากรากไม้อะไร ก็เอาไปฝากเขาบ้าง มีอะไรพอช่วยเหลือได้ ก็ช่วยกันบ้าง ถ้าเขามีลูก ก็เล่นกับลูกเขา สอนหนังสือให้ บรรยากาศอาจดีขึ้น
- ๑. วิจารณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ
- คงให้ดูเป็นประชาธิปไตยหน่อย แต่ท่านฟังแล้ว รู้สึกว่าความเห็นของเราไม่เข้าท่า ท่านก็เลยต้อง ทำตาม ความเห็นของท่าน ดีแล้วล่ะค่ะ ที่ท่านไม่ทำตามความคิดของเรา เราจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ ผลที่เกิดขึ้น ดิฉันเจอผู้ใหญ่แบบนี้มาหลายคนแล้วค่ะ จนเดี๋ยวนี้จะกลายเป็นคนขี้เกียจคิดแล้ว มิน่าล่ะ เด็กไทยถึงคิด ไม่ค่อยจะเป็น ผู้ใหญ่เป็นอย่างนี้นี่เอง เพราะฉะนั้นเราต้องหัดฟังความเห็นเด็กๆ หรือผู้น้อยต้อย ต่ำกว่าเราบ้าง ถึงเขาจะคิดดีไม่เท่าเรา ก็ให้เขาได้ทำอย่างที่เขาคิดบ้าง เขาจะได้เรียนรู้
๒. การทำงานที่ประสบความสำเร็จ ในภาคธุรกิจหรือภาคเอกชน ทำไมถึงทำได้ดีกว่าภาครัฐบาล
ทั้งที่ภาค รัฐบาล คนมีมากมาย ทำให้คนเก่งคนดีลาออกไปอยู่ภาคเอกชนมากขึ้น - ๑. อ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าจำเป็นต้องทำงานกับเขา ก็ยอมเป็นลิ่วล้อเขา ทำตามความเห็นของเขาไป ถ้ามีคนอื่น ที่ให้โอกาสเราพัฒนาความคิดบ้าง ก็ย้ายไปทำงานกับคนอื่น หากคนอย่างที่ว่านั้น ไม่ใช่คน ในวงการงาน เป็นคนที่ต้องคบหาสมาคมในชีวิตประจำวัน ก็อย่าถือเป็นอารมณ์ มีเวลาฟังความเห็นของเขา ก็ฟังไป ถือว่าเป็นการศึกษาอย่างหนึ่ง ได้เรียนรู้ความคิดคนและประเภทของคน แล้วก็ได้ฝึกอดทนด้วย ถ้าไม่มี เวลาฟัง ก็หาโอกาสปลีกตัวไปแล้วกัน ๒. ก็คงจะเป็นเพราะคนประเภทที่คุณปาริชาติ คุณสุรสิทธิ์ คุณสุณีย์ คุณรำไพณีว่านั้น มีอยู่มากในวง ราชการ คนเก่งคนดีที่เขาไม่มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามารถ ก็เลยต้องไปอยู่ในที่ที่เขาได้พัฒนาตนเอง อยู่ๆ ไปแล้ว เหมือนคนปัญญาอ่อนลงไปทุกที ใครจะไปอยากอยู่เล่า หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะราชการให้ค่าตอบแทนน้อย ทำงานเอกชนรายได้ดีกว่า
- เราไม่มีเรี่ยวแรงพอหรอกค่ะ ทุกวันนี้แต่ละคนก็จะกระดูกออกนอกเนื้อกันแล้ว ทางที่ดีท่านผู้อ่านแต่ละคน อยู่ในหน่วยงานต่างๆ กัน อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ กัน ทุกคนพัฒนาตนเองขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่ากับได้ช่วยกัน คนละไม้คนละมือ เพื่อพี่น้องคนไทย ทั่วประเทศอยู่แล้ว
- ตกลงค่ะ เริ่มด้วยภาคกลาง จะจัดที่โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรีค่ะ
- ปฏิบัติอะไรได้บ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ
- เพราะว่ายังมีคนใจบุญช่วยจ่ายค่าพิมพ์หนังสือได้พอเพียง
- ใช้ที่อยู่ของสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมที่ปรากฏในหน้าแรกของดอกหญ้านี่แหละค่ะ ธนาณัติสั่งจ่าย ปณ.คลองกุ่ม
- มีแต่แจกอาหารมังสวิรัติค่ะ วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ กับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ อุบลราชธานี นอก- จากนี้ในบางโอกาส เช่น วันครบรอบวันเกิด หรือทำบุญวันสำคัญต่างๆ ก็มีคนเหมา อาหารมังสวิรัติบางอย่าง หรือบางทีก็เหมา ทั้งร้านให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารในวันนั้นกินฟรี ที่ศูนย์ อาหารมังสวิรัติ ซอย ๔๔ ถนนนวมินทร์ กทม. นี่เองค่ะ ลองไปชิมดูได้ค่ะ ส่วนเรื่องเกมและ ตอบปัญหา นั้น ขอผัดไปก่อนนะคะ ยังไม่มีเวลาคิดเกม คิดปัญหาค่ะ
- ผู้ปฏิบัติธรรมมีจิตเสียสละอยู่แล้วค่ะ เมื่อเห็นว่าสมาคมฯ สร้างงานที่มีประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงช่วยกันบริจาคทรัพย์สนับสนุนการทำงาน
- www.asoke.info
๒. อยากจะมาศึกษาที่สีมาอโศก ดู ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอโศกจะได้หรือไม่
จะต้องดำเนินการอย่างไร - ๑. มีหลายคนช่วยกันจ่ายค่ะ
- ทำความดีให้คนอื่นก็ได้เหมือนกัน จะไปเยี่ยมชมสีมาอโศกก็ได้ค่ะ - ๑. เราไม่มีการอบรมเป็นวิทยากรค่ะ แต่จะอบรมการทำปุ๋ยหมักชีวภาพน่ะ ได้ค่ะ ๔. เริ่มฝึกหัดกินอาหารมังสวิรัติ ถือศีล ๕ ละอบายมุข อยู่ที่บ้านให้ได้ก่อน ฝึกรับผิดชอบตนเอง เช่น ซักผ้า ล้างจาน เป็นต้น ถ้าไม่รู้จักโรงเรียนสัมมาสิกขาเลย ก็ลองมาเข้าค่ายยุวพุทธทายาทประมาณเดือนเมษายน จะได้รู้ว่านักเรียนสัมมาสิกขาใช้ชีวิตอย่างไร ช่วงที่รับสมัครก็ประมาณมีนาคม-เมษายน สัมมาสิกขา บางแห่ง รับตั้งแต่ประถม ๑ บางแห่งรับผู้จบประถม ๖ เข้าเรียน ม.๑ คุณลองไปเยี่ยมเยียนทักษิณอโศก ที่จังหวัดตรัง ถามข้อมูลเขาก็ได้ว่าสัมมาสิกขาที่ไหน เป็นอย่างไร โทรศัพท์ติดต่อทักษิณอโศกได้ที่ ๐-๗๕๒๒-๖๑๙๖ ๕. ขั้นแรกต้องถือศีล ๕ ละอบายมุข และงดเว้นอาหารเนื้อสัตว์ ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ ชุมชน และต้องเข้าร่วมประชุมชุมชนสม่ำเสมอ ซื้อแล้ว มีสิทธิ์ตามพฤตินัย แต่ไม่ได้รับโอนเป็นเจ้าของ ตามกฎหมาย เมื่อทำผิดกฎระเบียบของชุมชน ชุมชนอาจประชุมพิจารณาโทษให้ออกจากชุมชนได้ และต้อง ขายบ้านให้ผู้อื่นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน หรือบริจาคให้ส่วนกลาง ๖. ตลอดชีพ ๓๐๐ บาท ติดต่อได้ที่คุณพัดชาหรือคุณใบแก้ว โทรศัพท์ ๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐
- ได้ค่ะ เขียนประวัติส่งไปให้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะรายละเอียดด้านการปฏิบัติธรรม
- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๒๐
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๘ - |