ธรรมชาติอโศกในอินเดีย

ผมได้ไปประเทศ อินเดียเป็นครั้งที่สอง นั่งเครื่องบินออกจากดอนเมือง มุ่งตรงไปยังสนามบินกัลกัตตา ในมลรัฐเวสท์เบงกอล ซึ่งอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีชายแดน ติดกับประเทศเมียนม่าร์ จุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อไปชมสังเวชนียสถาน และสถานที่ สำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา ตามที่คณะทัวร์ เขาพาไป เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว อีกจุดประสงคฺ์หนึ่ง ก็ไปตามคำเชิญ เพื่อไปออกแบบ ภูมิสถาปัตย์ให้ใหม่ กับวัดไทย กุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา แดนดินถิ่น ปรินิพพาน ของพระพุทธองค์

การเดินทางไปครั้งนี้ จึงไม่ถูกจำกัดเส้นทาง และจำกัดเวลาเหมือนครั้งก่อน โดยเฉพาะขณะที่อยู่ในกุสินารา วันเวลาเกือบสองเดือน สิ้นสุดลงอย่างคุ้มค่าเกินคาดคิด จนผมต้องก้มลงกราบซบหน้า หลั่งน้ำตาราดรด แผ่นดินอินเดีย ดินแดนของพระผู้เป็นเจ้า อย่างลืมตัว ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ ผมเคยมีให้ เพียงสามสิ่ง เท่านั้นคือ
๑.กราบเท้าแม่ผู้บังเกิดเกล้า
๒.กราบเท้าพ่อท่านผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ และ
๓.กราบปูชนียสถาน พระพุทธองค์

และนี่ก็เป็นความปีติล้นในครั้งใหม่ ที่หัวใจของผม จะต้องบันทึกเอาไว้ เป็นครั้งที่ ๔ อีกครั้งหนึ่ง แทบทุกวัน ที่ว่างจากงาน และ งานที่ผมทำ ก็มิได้จำกัด ให้ผมต้องทำอยู่กับที่

ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะหาโอกาสเดินทางไปโน่น มานี่ในละแวกใกล้ๆ แม้ไกลไปจนถึงแดนดินถิ่นไทยอาหม ที่จะต้องนั่ง รถไฟ ไปกลับถึง ๔ วัน ๔ คืน ทั้งหนวดเครา ทั้งผมเผ้าก็ยาวรุงรัง ทั้งผ้าโพกหัว ทั้งหน้าตา ก็ออกจะกลมกลืนเข้าแขก การนุ่งห่ม

แม้อาหารการกินนั้น ก็เป็นมังสวิรัติเปิบมือเหมือนแขก จนหลายๆ ครั้งที่เดินไปในหมู่บ้าน หรือไปชมสถานที่ต่างๆ ก็ยังมีชาวอินเดีย เอามือมาแตะเท้า เพื่อแสดงความเคารพต่อผม ถ้าเขาไม่ชวนให้ผมพูดคุยด้วย เขาก็คงไม่สงสัยนะว่า ผมมิใช่ บาบา ตัวจริง คำพูด บอกภาษา กิริยาบอกสกุล ก็ผมไปอยู่ไม่กี่วัน แล้วจะให้พูดแขกกี่คำได้อย่างไรเล่า จะได้บ้าง ก็โคยบาดน่าฮี่ น่าฮี่ ทีกน่าฮี่ ฯลฯ หรือไม่ก็ กานาโฮเกีย อะไรทำนองนั้น แต่ถ้าเขารู้ความจริงอย่างนี้แล้ว จะไม่ให้ผมเป็นแขกตี้ แขกดอย หรือแขกจะด๊ดได้อย่างไร...?

เอาละครับ ผมยังมีภาพถ่ายจากสถานที่ต่างๆ พร้อมข้อเขียนบันทึก และบทกวีอีกมากมายที่จะนำเสนอ ครั้งนี้ขอเกริ่นนำก่อน ก็แล้วกันว่า นายไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ได้ไปอินเดีย จนคันไม้คันมือ ที่จะเขียนเล่าให้พี่น้องชาวเราฟังมาจริงๆ โดยมิได้ยกเมฆ ยกตำนาน ตำรามาจากไหน ผมจึงขอปิดท้าย บทเกริ่นนำตอนที่ ๑ นี้ด้วย ๑๓๕ มุมมอง ส่องอินเดีย พอที่จะให้ผู้อ่านได้ ส่องกล้อง ไปก่อนว่า ธรรมชาติอโศก อย่างผมนั้น คิดและมองเห็น ประเทศอินเดีย อย่างไร

ก่อนที่ผมจะได้เล่ารายละเอียดจากประสบการณ์จริงให้ท่านผู้สนใจได้ทราบในตอนต่อๆ ไป

๑๓๕ มุมมองส่องอินเดีย

๑. เมืองแขกยิ่งใหญ่ไทยต้อนรับ ๒. เมืองสำหรับผู้ชาย ๓. เมืองให้ยึดถือ ๔. เมืองสะดือของโลก
๕. เมืองอโศกยาตรา ๖. เมืองคงคาศักดิ์สิทธิ์ ๗. เมืองบ้านอิฐบ้านดิน ๘. เมืองไม่กินซากศพ
๙. เมืองพิภพแก้ผ้า ๑๐. เมืองศาสนาส่งออก ๑๑. เมืองอยู่นอกสมัย ๑๒. เมืองหิมาลัยบิดา
๑๓. เมืองคงคาเป็นแม่ ๑๔. เมืองมีแต่นาไร่ ๑๕. เมืองมีหลายภาษา ๑๖. เมืองบูชาพระเจ้า
๑๗. เมืองแขกสาวส่าหรี ๑๘. เมืองคานธีอหิงสา ๑๙. เมืองศาสนาชี้นำ ๒๐. เมืองร่ายรำมโหรี
๒๑. เมืองดนตรีมนต์ขลัง ๒๒. เมืองเสียงดังฟังชัด ๒๓. เมืองประหยัดที่สุด ๒๔. เมืองสารีบุตรโมคคัลลาน์
๒๕. เมืองประชาพันล้าน ๒๖. เมืองชาวบ้านรักถิ่น ๒๗. เมืองคนกินโรตี ๒๘. เมืองฤาษีสำนัก
๒๙. เมืองพืชผักอุดม ๓๐. เมืองสังคมพึ่งตน ๓๑. เมืองของคนปั้นขี้ ๓๒. เมืองป้ายสีสาดโคลน
๓๓. เมืองขุดโคนต้นไม้ ๓๔. เมืองคนตายรีบเผา ๓๕. เมืองแก่เก่าก่อนกาล ๓๖.เมืองขอทานบังหน้า
๓๗. เมืองแร้งกาเก็บศพ ๓๘. เมืองแขกตบชุตี้ ๓๙. เมืองนั่งขี้อวดคน ๔๐. เมืองกล้าจนคนจริง
๔๑. เมืองผู้หญิงขอชาย ๔๒. เมืองหัวส่ายน่าฮี่ ๔๓. มืองประเพณีเข้มแข็ง ๔๔. เมืองฝนแรงแดดร้อน
๔๕. เมืองพระนอนนิพพาน ๔๖. เมืองเอาถ่านทั้งวัน ๔๗. เมืองแบ่งชั้นวรรณะ ๔๘. เมืองพ่อพระแท้ ๆ
๔๙. เมืองของแม่ศรีเรือน ๕๐. มืองเป็นเพื่อนกับสัตว์ ๕๑. เมืองข้าวบัสมาตี ๕๒. เมืองไม่มีอบายมุข
๕๓. เมืองเป็นทุกข์เพราะลูกสาว ๕๔. เมืองแขกขาวโพกหัว ๕๕. เมืองรักวัวให้ผูก ๕๖. เมืองรักลูกให้ตี
๕๗. เมืองปั้นขี้เป็นกอง ๕๘. เมืองผัวต้องเลี้ยงเมีย ๕๙. เมืองอินเดียฮินดู ๖๐. เมืองแขกบูชาวัว
๖๑. เมืองครอบครัวอบอุ่น ๖๒. เมืองวัยรุ่นไร้ปัญหา ๖๓. เมืองไม่หย่าร้างกัน ๖๔. เมืองลงขันลงแขก
๖๕. เมืองใครแทรกไม่ได้ ๖๖. เมืองคนไร้ระเบียบ ๖๗. เมืองเดินเหยียบกองขี้ ๖๘. เมืองปลอดหนี้ต่างชาติ
๖๙. เมืองนักปราชญ์ลือนาม ๗๐. เมืองพระรามพระลักษณ์ ๗๑. เมืองของนักศาสนา ๗๒. เมืองรอยฝ่าพระบาท
๗๓. เมืองลอยถาดทองคำ ๗๔. เมืองของถ้ำอชันตะ ๗๕. เมืองทัชมาฮาล ๗๖. เมืองสร้างบ้านไม่เสร็จ
๗๗. เมืองของเห็ดสุกระ ๗๘. เมืองโยคะโยคี ๗๙. เมืองเสรีประชา ๘๐. เมืองมหาตำนาน
๘๑. เมืองน้ำตาลตาลี ๘๒. เมืองป้ายสีบ่าวสาว ๘๓. เมืองเปิบข้าวกับมือ ๘๔. เมืองร่ำลือเครื่องเทศ
๘๕. เมืองนิเวศน์วิเศษสุด ๘๖. เมืองมนุษย์คลุมถุง ๘๗. เมืองเกลือปรุงอาหาร ๘๘. เมืองขนมหวานนมเนย
๘๙. เมืองเสวยวิมุติ ๙๐. เมืองที่สุดของคน ๙๑. เมืองอดทนทรมาน ๙๒. เมืองลูกหลานมากมาย
๙๓. เมืองใช้ไม้ใช้มือ ๙๔. เมืองยึดถือตราชู ๙๕. เมืองของงูร่ายรำ ๙๖. เมืองผู้นำกินหมาก
๙๗. เมืองสาวจากบ้านไกล ๙๘. เมืองใช้ไม้สีฟัน ๙๙. เมืองอยู่กันเป็นกลุ่ม ๑๐๐. เมืองไม่คุมกำเนิด
๑๐๑. เมืองก่อเกิดวิญญาณ ๑๐๒. เมืองน้ำตาลน้ำใจ ๑๐๓. เมืองผ้าไหมกาสี ๑๐๔. เมืองกวีระพิน
๑๐๕. เมืองแขกกินถั่วงา ๑๐๖. เมืองทุ่งนาสาลี ๑๐๗. เมืองรูปีมีใช้ ๑๐๘. เมืองผู้ชายช้างเท้าหน้า
๑๐๙. เมืองภรรยาเท้าหลัง ๑๑๐. เมืองครบทั้งสามฤดู ๑๑๑. เมืองแขกรู้หน้าที่ ๑๑๒. เมืองสตรีสาวสวย
๑๑๓. เมืองคนรวยแจกทาน ๑๑๔. เมืองขึ้นคานแบกหาม ๑๑๕. เมืองแขกยามเฝ้าไว้ ๑๑๖. เมืองเขียนใต้บรรทัด
๑๑๗. เมืองจูงสัตว์เข้าห้อง ๑๑๘. เมืองแขกของพระเจ้า ๑๑๙. เมืองร้อนหนาวฝนแรง ๑๒๐. เมืองแหล่งอารยธรรม
๑๒๑. เมืองแขกนำชาดก ๑๒๒. เมืองชูชกตะกละ ๑๒๓. เมืองกัณหาชาลี ๑๒๔. เมืองลัทธิมากมาย
๑๒๕. เมืองผู้ชายขายถั่ว ๑๒๖. เมืองเนื้อตัวสกปรก ๑๒๗. เมืองแขกรกรอบบาน ๑๒๘. เมืองอาหารมังสวิรัติ
๑๒๙. เมืองแขกชัดรักชาติ ๑๓๐. เมืองสะอาดภายใน ๑๓๑. เมืองยิ่งใหญ่ล้ำยุค ๑๓๒. เมืองมีทุกสิ่งทุกอย่าง
๑๓๓. เมืองตัวอย่างของคน ๑๓๔. เมืองท่องบ่นมนตรา ๑๓๕. เมืองอมตะคืออินเดีย

ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก
๒๔ มี.ค.๔๔


(หนังสือ ดอกหญ้า อันดับที่ ๙๔ หน้า ๙๐-๙๕)