ถึงพี่ชาย...
ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า (วันวาร...
เด็กชายตุ้ม)
พี่ชายคนโตของผมอายุแก่กว่าผม ๒
ปี ตอนเด็กๆ พ่อแม่ส่งผมกับพี่ชาย ไปยู่บ้านยาย เพื่อเรียนหนังสือจีน
พี่ชายค่อนข้างดื้อ และซน พอจบ ป.๑ ที่โรงเรียน จีน พ่อก็ปรึกษากับยายว่า
จะให้พี่ชายไปอยู่กับพี่ของยาย ซึ่งเป็นพระสงฆ์ (คาทอลิก) และดูแลโรงเรียน
กินนอนอยู่ที่ศรีราชา ยายและแม ่เห็นดีด้วย จึงส่งพี่ชาย ไปเป็น นักเรียนประจำ
เรียนซ้ำ ป.๑ ใหม่ที่นั่น ส่วนผม พ่อแม่ไม่อยากให้ไปไกลถึงศรีราชา
พอจบ ป.๑ ก็เข้าโรงเรียน คาทอลิก ในกรุงเทพฯ ผมกับพี่ชาย ซึ่งสนิทกันมาก
ต้องมาแยกกันอยู่ ได้เจอกันก็ช่วงปิดเทอมเท่านั้น
ตอนผมอยู่ ป.๓ เทอม ๒ บ่ายวันหนึ่งผมได้ยินเสียงออด
หน้าบ้าน ผมไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงจะมีใคร มาหาน้า ที่ผมพักอยู่ด้วย
สักครู่ ผมก็ได้ยินเสียง แม่บ้าน ร้องเรียก ตุ้ม ตุ้ม มีคนมาหาผมทั้งงงทั้งแปลกใจว่า
ใครกันนะที่ มาหาผม หรือจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียน ผมรีบวิ่งไปที่ประตู
พอไปถึงแม่บ้าน บอกว่าคนที่มาหา เขาบอกว่า เป็นพี่ชาย ของตุ้ม ผมมองลอดช่อง
ประตูออกไป เห็นว่าเป็นพี่ชายจริงๆ ก็บอกให้แม่บ้านรีบเปิดประตูผมดีใจมาก
รีบวิ่งออกไป จูงมือ พี่ชายเข้าบ้าน และถามว่า มาได้ไง ทำไมถึงมาหาผมได้
พี่ชายบอกว่า ตอนนี้ขึ้น ป.๕ แล้ว ทางโรงเรียนประจำ เขาเห็นว่า โตพอดูแลตัวเองได้
ก็เลยอนุญาต ให้ไปไหน มาไหนเองได้ วันนี้วันเด็ก โรงเรียนหยุด ๑ วันก็เลยคิดว่า
ไปหาตุ้ม ที่กรุงเทพฯ ดีกว่า พี่ชายขึ้นรถ บขส.มาลงที่เอกมัย แล้วต่อรถตุ๊กๆ
จนมาถึงบ้าน ผมนี่แหละ ผมพาพี่ เข้าไปสวัสดีน้าในบ้าน น้าถามว่า มาคนเดียวหรือ
เก่งนะ แล้วจะอยู่กี่วัน พี่ชาย ตอบว่า โรงเรียนหยุดวันเด็กครับ ผมคิดว่า
จะมานอน ค้างกับตุ้ม สักคืนหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้บ่ายๆ จะกลับ
คุยกับน้าเสร็จ ผมก็พาพี่ชายขึ้นไปบนห้องของผม
พอเข้าไปในห้อง พี่ก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบกล่อง ของขวัญออกมาส่งให้ผม
บอกว่าเป็นของขวัญ วันเด็ก พี่ซื้อมาฝาก ผมแกะกล่องออกดู เป็นรถสปอร์ต
๒ ประตู ทำด้วยเหล็กคันเล็กๆ สีแดง สวยมาก พี่ชายถามว่า ชอบมั้ย ผมตอบว่า
ชอบมาก ถูกใจจริงๆ ผมเอาของเล่นทั้งหมด ที่มีออกมาเล่นกับพี่ชาย รวมทั้งรถสปอร์ตสีแดง
ของพี่ชายด้วย เราเล่นกันไปคุยกันไป อย่างสนุกสนานมาก จนแม่บ้าน ต้องมาเรียก
ให้ลงไปกินข้าวเย็น กินข้าวเสร็จอาบน้ำแล้ว ดูทีวีจนดึก น้าบอกว่า
เข้านอนได้แล้วเด็กๆผมกับพี่ชาย จึงขึ้นไปบนห้องนอน คุยกันต่อบนเตียงอีกพักใหญ่
จนต่างคนต่างหลับ ไปด้วยความง่วง และเหนื่อย
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์
ไม่ต้องไปโรงเรียน ผมกับพี่ชายเลยตื่นเสียสายโด่ง แล้วจึงลงมาอาบน้ำ
กินข้าว เสร็จก็ขึ้นไปเล่น และคุยกันต่อ บนห้อง จนเกือบบ่ายโมง ก็ได้ยินเสียงแม่บ้าน
เรียกให้ลงไปกินข้าวกลางวัน พอกินเสร็จผมก็ชวนพี่ชาย ขึ้นไปเล่นรถเหล็กกันต่อ
พี่ชายมองหน้าผม แล้วพูดว่า คงเล่นได้อีกไม่นาน เพราะบ่าย ๒ โมง ก็ต้องกลับแล้ว
และต้องไปให้ถึง หอพักก่อน ๖ โมงเย็น
พอได้ยินพี่ชายบอกว่าจะต้องกลับ
หัวใจของผม ก็เหี่ยวแฟบลงไปเลย เพราะไม่คิดว่า พี่ชายจะรีบกลับเร็วอย่างนี้
ผมอยากให้พี่ชาย อยู่จนเย็น แล้วค่อยกลับ
ผมคุยกับพี่ชายได้อีกสักพักก็ถึงบ่าย
๒ โมง พี่ชายจัดของ และเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เสร็จแล้วลงมาลาน้า ผมออกไป
ส่งพี่ชาย ที่หน้าบ้านและบอกว่า ขอให้ผมไปส่งที่สถานี ขนส่งเอกมัยเถอะพี่ชายบอกว่า
อย่าไปเลย เดี๋ยวกลับลำบาก ส่งแค่ขึ้นรถ ตุ๊กๆก็พอ พลางกวักมือเรียกรถ
แล้วขึ้นไปนั่ง พอรถ จะออกก็หันมาพูดกับผมว่า ไม่ต้อง เศร้าไปหรอก
พอกลับไปศรีราชาแล้ว จะเขียนจดหมายมาคุยด้วย
หลังจากพี่ชายกลับไปแล้ว ผมรู้สึกเหงาและเศร้าใจมาก
ขึ้นห้อง ก็ไม่อยากทำอะไร เห็นรถเหล็ก ก็ไม่อยากเล่น การบ้าน ที่ยังไม่ได้ทำ
ก็ไม่นึกอยากทำ คิดถึงแต่พี่ชาย จนต้องแอบร้องไห้ อยู่หลายวัน
จนอาทิตย์ต่อมา ผมเลิกเรียน กลับมาบ้าน
แม่บ้านบอกผมว่า วันนี้ไปรษณีย์มาส่งจดหมาย มีของผมฉบับหนึ่งด้วย ผมรับจดหมายมาก็รู้ว่าเป็นของพี่ตั้ว
ผมดีใจมาก นึกถึงที่พี่ชายบอกไว้ก่อนกลับศรีราชา ว่าจะเขียนจดหมายถึงผม
แต่ก็ไม่คิดว่า จะถึงเร็วอย่างนี้ และนี่ก็เป็นจดหมาย ฉบับแรกในชีวิต
ที่ผมได้รับด้วย
ผมเปิดจดหมายออก ขณะที่อ่านผมมีความสุขมากเหมือนมี
พี่ชายมานั่งอยู่ใกล้ๆ อ่านจบแล้ว ทำให้คลายความคิดถึง ลงไปได้มาก
จดหมายนี่ ก็แปลกดีนะ เป็นแค่ แผ่นกระดาษกับน้ำหมึก แต่อ่านแล้ว ทำให้หายคิดถึงได้
และรู้สึกว่า มีพี่ชายมาอยู่ข้างๆ ไม่ได้อยู่ไกล อย่างที่เป็นจริง
พอรู้สึกคิดถึง ขึ้นมาทีไร ก็หยิบออกมาอ่าน แล้วก็หายคิดถึงได้อีก
แปลกจริงๆ
ผมอ่านจดหมายของพี่ชายกลับไปกลับมา
อยู่หลายเที่ยว ไม่รู้สึกเบื่อเลย เป็นอย่างนี้ อยู่หลายวัน จนแม่บ้านเห็นเข้า
และถามว่า อ่านกี่รอบแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ผมยิ้มแล้วตอบว่า ไม่เบื่อเลย
อ่านจนจำได้ขึ้นใจหมดแล้วครับแม่บ้านก็ถามว่า แล้วตอบพี่เขาไปหรือยังล่ะ
ผมงงไปหมด คิดไม่ถึง ว่าจะต้องตอบกลับไปด้วย เกิดมาก็ไม่เคยเขียนจดหมายกับเขาสักที
ไม่รู้ต้องทำยังไง นึกว่าเดี๋ยวพี่ชายก็คงเขียนมาอีก แม่บ้านบอกว่าตุ้มต้องตอบกลับไป
พี่เขาจะได้รู้ว่า ตุ้มได้รับ จดหมายแล้ว พอพี่เขาได้จดหมายตุ้ม เขาก็จะตอบกลับมาให้อีก
ผมรีบขึ้นห้อง ไปหากระดาษมาเขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว
ขณะเขียน ก็รู้สึกเหมือนนั่งคุยกับ พี่ชาย อยากจะคุยอะไร เล่าอะไร
ก็เขียนไปตามนั้น ไม่ต้องคิดว่า จะเขียนอะไรก่อนหลัง เหมือนวิชาอ่านเอาเรื่องที่โรงเรียน
เขียนจดหมาย สนุกกว่าเยอะเลย เขียนเสร็จก็มาขอซอง และแสตมป์จากแม่บ้าน
และถามพี่เขาว่า จะต้องจ่าหน้าซองยังไง แม่บ้าน ก็อธิบายว่า จะส่งถึงใคร
ก็ให้เขียนไว้ที่หน้าซอง ส่วนที่อยู่ของตุ้ม เอาไปไว้ด้านหลังซอง ผมก็ทำตาม
ที่แม่บ้านบอก เสร็จแล้วก็รีบเอาไปส่ง ที่ตู้ไปรษณีย์ ไอ้เจ้าตู้ไปรษณีย์นี้
ตอนอยู่ ป.๑ ผมเคยนึกว่า เวลาคนไปทิ้งจดหมาย ลงในตู้ มันจะส่งถึงผู้รับเอง
โดยอัตโนมัติ เพราะตู้ทั้งใหญ่ ทั้งอ้วน คงมีเครื่องควบคุมอยู่ข้างใน
เพราะเคยเห็น แต่คนมาส่ง จดหมาย (ผมไม่เคยเห็น ตอนไปรษณีย์มาไขตู้เลย)
ส่งจดหมายแล้ว ความรู้สึกคิดถึงกลับมีมากขึ้น
พร้อมกับการรอคอยว่า เมื่อไรจะได้จดหมายพี่ชายอีก วันแรก หลังจากที่ส่งไป
อาการจะยังไม่มาก แต่จะกังวล และรอคอยมากขึ้น เมื่อกะว่าจดหมายตอบ
ควรมาถึงแล้ว พอเลิกเรียนกลับมาบ้าน ต้องคอยถาม แม่บ้านว่า มีจดหมายของผมหรือเปล่า
แม่บ้านยิ้มแล้วบอกว่า วันนี้ยังไม่มี พรุ่งนี้คงจะมา แม่บ้านพูดปลอบใจ
เพราะคงเคยรู้สึก แบบเดียวกับผม ก็แม่บ้านเป็นคนต่างจังหวัดเหมือนกัน
คงเคยเขียน และรอจดหมายตอบ เหมือนผม
หลังจากนั้นอีกประมาณ ๒ อาทิตย์
จึงได้รับจดหมายตอบจากพี่ชาย เขียนมาบอกว่า โดนเพื่อนๆและคุณครู ล้อกันใหญ่
เพราะจ่าหน้าซอง เขียนว่า กรุณาส่ง นาย... พี่ชายบอกว่า ถึงแม้จะแก่กว่าผม
๒ ปี แต่ก็ยังไม่โตพอ ที่จะใช้คำนำหน้าว่า นาย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ถึงจะใช้คำนำหน้าว่านายได้ รู้แต่ว่า พี่ชายแก่กว่าผม ๒ ปี ก็น่าจะใช้ได้แล้ว
ผมเขียนจดหมายถึงพี่ชายได้ ๒ ฉบับ
ก็เลยคิดขึ้นมาว่า น่าจะเขียนจดหมายถึงแม่ ที่ต่างจังหวัดบ้าง เมื่อแม่ได้รับ
จดหมายของผม แม่คงจะดีใจ และถ้าผมได้รับจดหมาย ตอบกลับจากแม่ ผมคงจะดีใจ
และหายคิดถึงแม่ไปได้บ้าง
วันหยุดอาทิตย์นั้นผมจึงเขียนจดหมายถึงแม่ได้ครึ่งหน้ากระดาษ
เล่าเรื่องผม เรื่องเพื่อน และการเรียนที่โรงเรียน แล้วพอวันอาทิตย์ถัดมา
ก็เขียนได้ เต็มฉบับ ถามแม่ว่า น้องคนเล็กเดินได้แล้วยัง ตอนผมไปกรุงเทพฯ
น้องเพิ่งเริ่มตั้งไข่ ส่วนน้องที่อยู่ในท้องแม่ จะคลอดเมื่อไหร่ แม่อยากให้เป็นผู้หญิง
หรือผู้ชาย ผมเองอยากได้ น้องผู้หญิง เพราะมีผู้ชาย เยอะแล้ว ก่อนจบผมก็ลงท้ายว่า
ถ้าแม่ ได้รับจดหมายแล้ว ให้รีบตอบเร็วๆ ผมพับจดหมายใส่ซอง ติดแสตมป์
แล้วจ่าหน้าซองถึงแม่ พร้อมกับไม่ลืมที่จะเขียนข้อความว่า ด่วนจี๋
ไปรษณีย์จ๋า ที่ด้านล่างซองทั้ง ๒ ด้าน (ข้อความนี้ พี่ชายเขียนไว้
ที่หน้าซอง จดหมายถึงผม ผมชอบใจ มาก เลยยืมเอามาใช้บ้าง) เพื่อว่าจดหมายของผม
จะได้ถึง มือแม่เร็วขึ้น
นับตั้งแต่ส่งจดหมายไปให้แม่ ได้
๗ วัน ผมก็คาดว่า แม่น่าจะได้รับจดหมายแล้ว ผมให้เวลาแม่ ๓-๔ วัน ตอบรวมกับ
ส่งกลับอีก๗ วัน ก็เป็น ๑๐ วัน ผมก็วางใจ เอาไว้ใกล้ ๑๐ วันค่อยรอใหม่
พอครบ ๑๐ วัน ผมถึงบ้าน ก็รีบถาม แม่บ้านเลยว่า มีจดหมายของผมมั้ย
แม่บ้านบอกว่าไม่เห็นมีนี่ ตุ้มเขียนถึงใครล่ะ ผมก็ตอบว่า เขียนถึงแม่ฮะ
ตั้ง ๑๗ ันแล้วแม่บ้านก็ปลอบใจว่า รออีกหน่อยเดี๋ยวแม่ก็ตอบมา แล้วจะคอยดูให้
ผมเฝ้ารอจดหมายของแม่ทุกวันจนครบเดือน
จาก ๑ เดือนก็เป็น ๒ เดือน ใจผมที่คิดถึงแม่มากอยู่แล้ว กลายเป็น มีความกังวล
เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง ไม่แน่ใจว่า จดหมายของผม หรือที่แม่ตอบมา จะตกหล่นหายไปหรือเปล่า
หรือแม่อาจจะไม่ว่าง เพราะถึงเวลา ใกล้คลอดน้อง หรือแม่ไม่สบายเป็นอะไรไป
ผมได้แต่คิดไปต่างๆ นานา จนปิดเทอมใหญ่ ผมดีใจมาก ที่จะได้กลับไปหาพ่อแม่อีก
เมื่อถึงบ้านก็ถามว่า ทำไมแม่ถึงไม่ตอบจดหมายผม
แม่ทำหน้างงๆ และถามว่า ตุ้มเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมก็ว่า ตั้ง ๒
เดือนกว่าแล้วแม่ว่า ไม่เห็นได้รับเลย ถ้ามีจดหมายมา แม่ต้องรู้ เพราะที่บ้านเรา
ไม่ค่อยมีไปรษณีย์มาบ่อยนัก ไว้แม่จะถามพ่อดูนะ
ปิดเทอมผ่านไป ๒ เดือนอย่างรวดเร็ว
ผมเล่นสนุกทุกวันจนลืมเรื่องจดหมาย จน ๒-๓ วันก่อนกลับกรุงเทพฯ แม่บอกว่าเมื่อวานผู้ใหญ่บ้าน
แวะมาหาพ่อ เผอิญแกมีธุระ เข้าไปในตัวอำเภอ ที่ไปรษณีย์ เขาเลยฝากจดหมาย
ของคนในหมู่บ้าน มากับผู้ใหญ่ มีของแม่ ๑ ฉบับด้วย ผมนับดูในใจ โอ้โฮ!
จดหมาย ใช้เวลาตั้ง ๔ เดือน กว่าจะมาถึงแม่ และถ้าแม่เขียนตอบไป กว่าผมจะได้รับก็อีก
๔ เดือน เบ็ดเสร็จ ๘ เดือน ผมรอไม่ไหวแน่ แม่เลยบอกว่า ไม่ต้องส่ง
จดหมายมาหรอกนะ เพราะบ้านเรา ไกลจากตัวอำเภอมาก ไปรษณีย์เขาไม่มาส่งให้หรอก
ต้องรอจนกว่า จะมีใครแถวบ้าน เข้าไปธุระในอำเภอ ทางไปรษณีย์ เขาจึงฝากจดหมายมาให้
ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ส่งไปที่บ้านป้า ป้ากับพ่อ มีธุระติดต่อกันบ่อย ป้าจะฝากคนเอาจดหมายให้พ่อ
วิธีนี้จะดีกว่า เป็นอันว่ามันไม่ง่ายและรวดเร็ว อย่างที่ส่งให้พี่ชาย
แถมถ้าฝากป้า ป้าก็ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ ที่ผมจะเขียน ใส่ตรงขอบซองได้ว่าด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า
และผมเพิ่งรู้ว่า แม้ผมจะใส่ ด่วนจี๋ ไปรษณีย์จ๋าก็ใช่ว่า มันจะด่วนได้อย่างใจ
ถ้าบ้านอยู่ไกล อย่างบ้านพ่อแม่ผม ก็ใช้ไม่ได้ผล เพียงแต่มัน ให้ความรู้สึกดี
ตอนเขียน ด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า เมื่อบุรุษไปรษณีย์ อ่านพบเข้า คงเห็นใจ
รีบเอาจดหมายผม ไปส่งให้ด่วนจี๋เลย
(หนังสือดอกหญ้า
อันดับที่ ๙๕ วันวาร... เด็กชายตุ้ม หน้า ๗๕-๘๐)
|