โบนี่
มารติน ตอน
๑๑ อากาศร้อนมาก ทุกคนหอบแฮ่กๆ เมื่อไปถึง "อย่ามาที่นี่อีกเลย ไม่คุ้มกันหรอก" ทุกคนพูดอย่างนี้ ยกเว้นกามีโล่ที่ยืนยันว่า "เดี๋ยวก็รู้ ว่าคุ้มไหม" รถทัวร์มากันมากพอสมควร เมื่อสังเกตเห็นว่า ชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่พูดภาษาอังกฤษมาถึง ทุกคนบอก โบนี่ว่า "นั่นไง ลูกค้าของเธอ" กลาร่าเดินไปพร้อมกับโบนี่ สักครู่เดียว เด็กหญิงก็เรียนรู้ คำศัพท์ ๓-๔ คำที่จำเป็น ในการขายขนม กลาร่าชอบขายของ และมีพรสวรรค์ อย่างเห็นได้ชัด ลูเซียเริ่มขายขนม ให้กับลูกค้าชาวสเปน ส่วนกามีโล่ และโบนี่รับหน้าที่ เก็บเงิน เพราะพวกเขาขายไม่เก่ง เท่าเด็กหญิงทั้งสอง พอเที่ยงวัน ก็ไม่เหลือเปรูนียัสแม้แต่ชิ้นเดียว กามีโล่ซึ่งทุกคนยกให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ตัดสินใจว่า "ไม่คุ้ม ที่จะเอาขนม ขึ้นมาบนเขาแค่ ๑๐ กล่อง ต้องเอามาอย่างน้อยอีกเท่าหนึ่ง" "แม่ฉันทำเยอะขนาดนั้นไม่ไหวหรอก"
ลูเซียแย้ง ทั้งสี่คนเดินตัวปลิวลงจาก 'ลา เปญ่า' อย่างมีความสุข พวกเขาลงมา
ตามทางลัดสายเล็กๆ แคบๆ ที่กามีโล่รู้จัก บางช่วงของทางเดิน เป็นเนินชันๆ
ที่ต้องคอย ช่วยเหลือกัน จึงจะลงมาได้ เด็กๆ ลัดเลาะอยู่ในป่า เล่นซ่อนหากันจนมาถึงเชิงเขา แล้วทุกคนก็ลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำลึก วันนั้น เป็นวันที่โบนี่ทราบว่า ความใฝ่ฝันของ กามีโล่ คือ เป็นนักบิน เมื่อโตขึ้น เด็กชายคิดว่า เป็นเรื่อง ยากมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร กับกามีโล่ สำหรับการเดินทาง ไปขายของครั้งต่อไป พวกเขาทั้งสี่คน ติดต่อกับลุงเอร๎เนสโต้ ผู้ซึ่งโบนี่ เคยช่วยชีวิตไว้ ้พร้อมกับลา ท่ามกลางหิมะ ผู้คนพูดกันว่าลุงเอร๎เนสโต้เป็นคนป้ำๆ เป๋อๆ แต่ลุงกลับจำได้ว่า มีหลานคนหนึ่ง ขับรถบรรทุกเล็ก ส่งนม รถคันนี้ จะไปขนเหยือกใส่นม ที่คนเลี้ยงวัว วางไว้ข้างทางหลวง นอกจากนี้ ทุกวันอาทิตย์ หลานของ ลุงเอร๎เนสโต้ จะนำอาหาร และของใช้ ขึ้นไปส่งให้พระ ที่โบสถ์บนเขา ในที่สุด ลุงเอร๎เนสโต้ก็เกลี้ยกล่อม ให้หลานชายยอมให้เด็กๆ ขึ้นรถบรรทุกไปด้วย ช่างแตกต่าง กันเหลือเกิน กับการเดิน แบกขนม ๒๐ กล่องขึ้นเขา พวกเขาขนขนมขึ้นมามากขนาดนี้
เพราะช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ คุณป้าอังกุ๊สเตียส และภรรยา ของลุง
เอร๎เนสโต้ วุ่นวายกับการทำขนม เปรูนียัส โดยอาศัยเตาฟืน ที่ขอยืมมาจาก
นายสิบตำรวจคนหนึ่ง ส่วนคุณลุงเอร๎เนสโต้ ใช้ลาของแกขนฟืน และชายชราคอยดูแล
ให้ไฟในเตา ติดอยู่ทั้งวัน และตลอดช่วงค่ำ ลุงเอร๎เนสโต้ชอบมาก ที่ได้รับหน้าที่นี้ เพราะได้อยู่ใกล้กองไฟ คุณลุงมักจะรู้สึกหนาวเย็น แม้กระทั่ง ในฤดูร้อน คุณป้าอังกุ๊สเตียสทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย พลางพูดกับเด็กหญิงทั้งสองว่า "เรามาช่วยกัน เก็บเงินดูซิ เผื่อจะมีพอส่งให้ พี่ชายของพวกแก เขาจะได้ซื้อตั๋ว เดินทางกลับมา ที่หมู่บ้านได้สักที" ว่ากันว่าลูกชายคนโตของคุณป้า ไปเป็นทหารเกณฑ์ ที่เมืองบาเลนเซีย พอครบเกณฑ์ ก็ไม่ได้หวน กลับมาอีกเลย คุณป้าเชื่อว่า เหตุที่ลูกชาย ไม่กลับมานั้น เพราะไม่มีเงินซื้อตั๋วรถ แต่บรรดาเพื่อนบ้าน พูดกันว่า "ไม่มีวัน ที่เขาจะกลับมา หรอก แม้ว่าจะส่งตั๋วรถนอน ไปให้ก็ตาม" วันอาทิตย์ เด็กๆ นำขนมขึ้นไป ๒๐ กล่อง และขายหมดเกลี้ยง "อาทิตย์หน้า ต้องเอาขึ้นมาสัก ๓๐ กล่อง" กามีโล่ ประกาศอย่างใจป้ำ "ลองดู เป็นไงเป็นกัน ! เราจะขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแพงหน่อย พวกนี้ซื้อง่าย จะตายไป" โบนี่ มาร๎ติน วิ่งวุ่นกับการดูแลรถมอเตอร์ไซค์ ของคุณครูอาลีเซีย และขายขนม เปรูนียัส จนกระทั่ง ลืมไปเลยว่า เขาไม่มีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกวันอาทิตย์ เมื่อพวกเขา พากันเดินกลับจาก 'ลา เปญ่า' ตามทางลัดเล็กๆ สายนั้น ขณะนั้นเป็นเดือนมิถุนายน ดวงอาทิตย์สาดแสงเจิดจ้า แต่กามีโล่รู้จักถนน ที่มีเงาไม้ร่มครึ้ม เหมาะจะเล่นเกม มหัศจรรย์ต่างๆ กลาร่ามักจะคิดวิธีเล่น น่าสนุกมากมาย หลายแบบ เช่น เล่นทายคำ ไต่เขา ลงมาด้วยเชือก ค้นหาสมบัติ เล่าภาพยนตร์ในโทรทัศน์ แต่เล่าย้อน จากตอนจบมาตอนต้น กลาร่า จะพากาเนโล่ไปด้วยเสมอ และให้มันร่วมเล่นกับทุกคน ถึงแม้ว่ากามีโล่และลูเซียมักจะวางท่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังชอบเล่นเป็นเด็กๆ ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะ การจับคู่เล่นซ่อนหา แต่ว่าทั้งคู่ ซ่อนไม่เก่งเลย เพียงชั่วครู่ ก็ถูกหาพบ "อยู่นั่นไง" โบนี่บอก แต่กลาร่าจะบอกว่า "ปล่อยพวกเขาสักแป๊บหนึ่งเถอะ" กลาร่าและโบนี่ เห็นคนทั้งสองจูงมือกัน และหอมแก้มกันบางครั้ง แต่บางทีลูเซียก็โกรธมาก ถึงกับตบหน้า กามีโล่ฉาดใหญ่ กามีโล่ซึ่งเป็นเด็กห้าวๆ ก็โต้กลับไปบ้าง โบนี่รำพึง "เป็นแฟนประสาอะไรกันนี่" ถ้าลูเซียยังเด็กเกินไป กลาร่าก็ยิ่งเด็กกว่าอีกน่ะสิ โบนี่คิด ถ้าอย่างนั้น เป็นแฟนกับคุณครูอาลีเซีย ดีกว่า เพราะคุณครู เป็นผู้ใหญ่แล้ว หมดปัญหาว่าเด็กเกินไป ส่วนที่วิเศษสุด คือการได้ว่ายน้ำในบึงหลังจากเดินมาร้อนๆ และเหน็ดเหนื่อย แม้กระทั่ง กาเนโล่ ก็ยังโดด ลงน้ำมาด้วย หรือมิฉะนั้นเด็กๆ ก็จะโยน สุนัขน้อย ลงไปไล่งูน้ำ พวกเขาจะแบ่งเงินกันหลังจากเล่นน้ำเสร็จ
แต่โบนี่จะรับไว้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะยกให้ คุณป้า "เธอจะเอาเงินที่สะสมไว้ไปทำอะไรเหรอ" กลาร่าถาม คนที่ไม่เคยคิดว่าเงินมีไว้เก็บออมอย่างโบนี่
มักจะใช้เงินไปซื้อขนมที่อยากกิน แต่กลับตอบเด็กหญิงไปว่า "ถ้าเธอชอบขี่มอเตอร์ไซค์ มากขนาดนั้นล่ะก็ เธอน่าจะเป็นบุรุษไปรษณีย์ จะได้ขี่ไปส่ง จดหมายทุกวันไงล่ะ" เด็กหญิงแนะนำ โบนี่คิดว่ากลาร่าพูดเล่น แต่เด็กหญิงหมายความ ตามที่พูดจริงๆ เพราะบุรุษไปรษณีย์ เป็นคนที่รวยที่สุด และมีอิทธิพล มากที่สุดในหมู่บ้าน นอกจากเป็นเจ้าของสวนแล้ว ยังบริการตัดผม ถึงบ้านอีกด้วย ลูเซียและกลาร่าไม่เคยมีเงินแม้แต่เหรียญเดียวในกระเป๋า เด็กหญิงทั้งคู่ ยังคงตามเก็บเนื้อย่างที่เหลือ ในโรงอาหาร สำหรับกามีโล่นั้น เขาเก็บเงิน ทุกเปเซต้า เพื่อเป็นนักบิน เมื่อเขาโตขึ้น ดังนั้น คนคนเดียว ที่มีเงินใช้คือโบนี่ บางครั้งเด็กชาย ก็จะเลี้ยงขนมเพื่อนๆ กามีโล่เตือนว่า "จะบ้าเหรอไง ถ้ายังใช้เงินทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ล่ะก็ อีกกี่ปี นายถึงจะเก็บเงิน ซื้อมอเตอร์ไซค์ได้" "แล้วนายล่ะ จะเก็บเงินซื้อเครื่องบินหรือไง!" โบนี่แซวกลับไป จริงๆ แล้ว กามีโล่ประหยัด เพื่อจะไปเป็นทหาร อากาศอาสา ถ้าโชคช่วย ก็อาจจะได้เป็น ผู้ช่วยนักบิน บนเครื่องบิน เพื่อจะได้มีโอกาส ขับเครื่องบินบ้าง (ดอกหญ้า อับดับที่ ๙๙ มกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕) |