น่ารู้จัก Dr.Yun
Sil Jeon การศึกษา มหาบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัย Buenos Aires ประเทศอาร์เจนตินา หน้าที่การงาน อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญ ภาษาสเปน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (ได้รับทุนจากมูลนิธิ จอห์น เอฟ เคเนดี้ มาทำงานในประเทศ ไทยเป็นเวลา ๑ ปี) สถานภาพ สมรส กับ ชาวสเปน ชื่อ Alejandso Munoz ซึ่งเป็นอาจารย์สอนภาษา สเปน ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกัน ยังไม่มีบุตร วัยเด็ก เนื่องจากไม่มีใครเข้าใจว่า อยู่ๆแม่หายไปไหน และธรรมชาติของเด็กๆ ย่อมต้องการแม่ เมื่อ Yun Sil เห็น Kyeong-Heui มาที่บ้าน ดูแลหาข้าวปลาอาหาร และอยู่เป็นเพื่อน จึงถามไปว่า "คุณจะมาเป็นแม่ใหม่ และจะอยู่กับเรา ตลอดไปใช่ไหม" ด้วยประโยคนี้เองทำให้ Kyeong-Heui เกิดสงสาร และตัดสินใจ ที่จะอยู่กับเด็กๆ สักระยะหนึ่ง อันที่จริง Kyeong-Heui เองเคยคิดอยู่เสมอ ที่จะบวชเป็นชี และช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อมาเห็น สภาพของเด็กๆ ซึ่งขาดแม่ และไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว กับปัญหาของพ่อแม่ Kyeong-Heui จึงตัดสินใจ ได้อย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม การที่หญิงสาว ซึ่งมีอายุเพียง ๑๙ ปี จะมาอยู่บ้านเดียวกับ ชายซึ่งมีลูกติด ๓ คน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เธอตั้งใจดี และอยากช่วยเหลือเด็กๆ แต่ชาวบ้านคงจะครหานินทา จึงจำเป็นที่ทั้งคู่ ต้องแต่งงานกัน ทั้งๆที่ ไม่ได้รักกันเลย และพ่อเธอในตอนนั้น ก็มีอายุ ๓๗ ปี แก่กว่า Kyeong-Heui มาก Yun Sil จึงมีแม่ใหม่ ซึ่งมีอายุ มากกว่าเธอเพียง ๑๒-๑๓ ปี และเธอก็เรียกว่าแม่ แต่นั้นมา เมื่อแต่งงานแล้ว ทั้งครอบครัว ก็อพยพไปอยู่ ประเทศอาร์เจนตินา (ทวีปอเมริกาใต้) เพราะ พ่อไม่อาจทำใจได้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น น้ำหนักพ่อลดไป ประมาณ ๑๕ กิโล พ่อจึงไม่อยากอยู่ ประเทศเกาหลีอีกต่อไป ประกอบกับ ในขณะนั้น คนเกาหลีจำนวนมาก ต้องการออกนอกประเทศ ไปตั้งตัว เพราะในเกาหลีเอง ประสบปัญหามากมาย พ่อโชคดี ที่สามารถผ่านขั้นตอน ต่างๆไปได้ ในขณะที่หลายคนถูกหลอก และไม่ได้รับอนุญาต ให้ออกนอกประเทศ พ่อจำเป็นต้องขายกิจการ เกี่ยวกับมอเตอร์ ที่พ่อทำอยู่ รวมทั้งบ้าน และทรัพย์สินทุกอย่าง เพื่อเป็นทุนในการอพยพ เงินที่ได้ก็ไม่มากนัก แถมยังต้องนำไปซื้อตั๋วเครื่องบินถึง ๕ ใบ และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก ทำให้เมื่อไปถึงอาร์เจนตินา ชีวิตใหม่ในประเทศอาร์เจนตินา พ่อซึ่งมีเงินเหลืออยู่ไม่มากนัก จึงไปซื้อแฟลตราคาถูก ที่คนเกาหลี ซึ่งอพยพมาอยู่ก่อน ได้แนะนำพ่อให้มาซื้อ ในย่านคนจน โดยซื้อสิทธิต่อ จากคนอาร์เจนตินา แต่ก็ไม่อาจเป็นเจ้าของ ที่ถูกต้อง ตามกฎหมายได้ เพราะพ่อ เป็นคนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องอดทน เพราะไม่มีทางเลือกอื่น พ่อใช้เงินก้อนสุดท้าย ซื้อจักร ๒ ตัว เพื่อเย็บผ้ากับแม่ หารายได้ให้ครอบครัว เนื่องจากคนเกาหลีที่นั่น มีอาชีพนี้ เป็นส่วนใหญ่ (คล้ายๆรับจ้างเย็บเสื้อโหลในเมืองไทย) เนื่องจากซื้อแฟลต และจักรแล้ว พ่อไม่มีเงินเหลือเลย จึงต้องเอานาฬิกา ไปแลกข้าวสาร จากเพื่อนบ้าน มาหุงให้ทุกคน ในครอบครัวได้กินกัน เพื่อนเกาหลีของพ่อคนนี้ ได้ช่วยเหลือ โดยมอบข้าวสารให้ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมา จนทุกวันนี้ พ่อกับแม่ทำงานหนักมาก เย็บจักรกันแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะพ่อไม่อยากอยู่ย่านนี้นานนัก เพราะเป็นห่วงลูกทั้ง ๓ ที่ยังเด็กและต้องเติบโต ในที่ที่มีอบายมุขทุกชนิด ทั้งยาเสพติด การพนัน และโสเภณี พ่อกับแม่จึงทำงานหนัก รีบเก็บเงิน เพื่อจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ที่มีสภาพแวดล้อมดีกว่า ชีวิตที่ไม่เคยมีคำว่า'แพ้' อยากจำกลับลืม-อยากลืมกลับจำ อันที่จริงแล้ว พ่อแม่ไม่ได้บังคับ ให้เธอทำงานขนาดนั้น หากแต่เป็นเธอ ที่มีความรับผิดชอบสูงมาก และคิด ว่า-----จะช่วยเหลือ หารายได้ให้ครอบครัว และอยากแบ่งเบา ภาระพ่อแม่ จึงทำให้เธอ มุทำงานหนักตลอดมา ด้วยเหตุนี้เอง นิสัยความรับผิดชอบ และขยันขันแข็ง จึงติดตัวเธอ มาจนทุกวันนี้ เธอบอกว่า เธอไม่เข้าใจ ที่เห็นคนอดตาย ไม่มีงานทำ ชีวิตตกยาก หรือแม้กระทั่ง ผู้หญิงที่บอกว่า ต้องขายตัว เพราะว่าความยากจน เธอเชื่อว่า ถ้าคนเรา ยอมทำงานหนัก ต่อสู้ เราจะพ้นจากความยากจนได้ เธอว่า "ขอให้ฉันมีจักร เพียงตัวเดียว รับรองว่าชีวิตของฉัน ไม่มีวันตกต่ำเลย ฉันจะไม่ยอมขายตัว เพื่อแลกกับเงิน เป็นอันขาด" แม่ผู้ให้กำเนิด-แม่ผู้สร้างชีวิต Yin Sil จะภาคภูมิใจ 'แม่ใหม่ผู้สร้างชีวิต' ให้เธอและพี่น้องมากๆ แม้ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เธอก็ตั้งใจให้เป็น 'การสดุดีต่อ Kyeong-Heui' แม่ผู้มีพระคุณ ผู้เสียสละ ชีวิตของตน เพื่อสร้างชีวิตให้พ่อ และพวกเธอ แม่...หญิงเหล็ก และ แม่พระในดวงใจของลูก Yun Sil รักและบูชาแม่มาก เพราะรู้ดีว่า แม่ซึ่งไม่ใช่แม่แท้ๆ ได้ยินดีที่จะเสียสละ ชีวิตทั้งชีวิต เพื่อดูแลพ่อ และพี่น้องของเธอ โดยเฉพาะพี่ชาย ซึ่งเป็นโรคลมบ้าหมู แม่ต้องคอยปรนนิบัติ ทั้งอาหารการกิน และเช็ดขี้เยี่ยว ควบคู่ไปกับงานบ้าน และ เย็บจักรเพื่อหารายได้ ทำให้แม่ ต้องเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก แม่เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และทรหด อดทนมาก ขนาดป่วยเป็นไส้ติ่ง ไม่มีเงินรักษา และผ่าตัด แม่หาซื้อยา จากร้านขายยา มากินเอง แม่จึงมี สุขภาพไม่ดี มาจนทุกวันนี้ เพราะพ่อไม่เคยรักแม่เลย อีกทั้งจากความผิดหวัง ที่มีเนื่องมาจากแม่แท้ๆของเธอ ทำให้พ่อ เข็ดหลาบ ไม่คิดจะรัก ใครอีก แม้พ่อจะรู้ว่า แม่ใหม่เสียสละมากเพียงใด ก็ไม่ยอมไว้ใจ ไม่ เคยให้แม่ถือเงิน พ่อเป็นคนจัดการ ค่าใช้จ่าย ทุกอย่างเองหมด แม้กระทั่งซื้อของกินของใช้ ในบ้านพ่อก็ไม่ยอมให้แม่จัดการ เป็นเช่นนี้อยู่ ๑๕ ปีเต็มๆ พ่อถึงจะ มั่นใจ และเริ่มรักแม่ เมื่อรักแล้ว พ่อก็รักแม่มาก และรักมาตลอดจนทุกวันนี้ และเพราะความผิดหวังอีกเช่นกันทำให้พ่อทำหมัน ไม่คิดจะมีลูกอีก ดังนั้นแม่ซึ่งรักเด็ก และ อยากมีลูกของตัวเอง จึงไม่อาจมีลูกได้ เมื่อแม่มีหลาน(ลูกจากพี่ชายคนโต) จึงทำให้แม่รัก หลานเป็นชีวิตและจิตใจ และแม่ซึ่งเป็น ผู้หญิงแกร่ง ไม่อ่อนหวาน กลับกลายเป็นคนอ่อน หวานมากเมื่ออยู่กับหลาน และรู้สึกเสมือนว่าหลานนั้น คือลูกเล็กๆ ของตนเอง หลังจากดูแลลูกๆทั้ง ๓ มาตลอดแล้ว ยังต้องมาดูแลหลานๆอีก แต่แม่ก็มีความสุขมาก ชีวิตของแม่ เป็นชีวิตที่ เหลือเชื่อ และน่าอัศจรรย์ จะมีใครสักกี่คน ที่สามารถอุทิศชีวิตเพื่อครอบ ครัวของคนอื่น อย่างผู้หญิงที่ชื่อ Kyeong-Heui Yun Sil บอกว่า เธอก็ไม่เข้าใจว่า แม่เอาพละกำลังทั้งกายและใจจากไหน มาฝ่าฟันมรสุมต่างๆ พาทุกชีวิต ให้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ กว่าจะเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าต้องทำงาน เย็บจักรไปด้วย เรียนไปด้วย เธอก็ทำได้ดีทั้ง ๒ อย่าง ควบคู่กันไปตลอด เพราะเธอมีความตั้งใจ อย่างแน่วแน่ ที่จะให้ทุกคน ในครอบครัว ยอมรับเธอให้ได้ว่า แม้จะเป็นผู้หญิง เธอก็ต้องการสิทธิ ในการเรียน เช่นเดียวกับพี่ชาย และน้องชาย ซึ่งเธอบอกว่าทั้ง ๒ ฉลาดกว่าเธอ แต่เรียนได้ไม่ดีเท่า เพราะพวกเขา ไม่ต้องพยายาม มากเท่าเธอ เมื่อจบชั้นประถมและต้องสอบเข้าชั้นมัธยม ของโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงที่สุด ของประเทศ (ประมาณโรงเรียน เตรียมอุดม ของประเทศไทย) เธอจึงต้องดูหนังสือ อย่างหนัก ขณะที่ยังเย็บจักร จนดึกดื่นทุกคืน เธอเย็บจน ชำนาญมาก ขนาดไม่ต้องมองจักร ไปมองหนังสือ หรือ sheet ที่แปะติดไว้ ที่ฝาผนังแทน เย็บไปท่องไป เพราะเธอ ตั้งใจว่า จะต้องสอบเข้า โรงเรียนนี้ ให้ได้เป็นอันดับ ๑ เพื่อเป็นของขวัญ ให้พ่อกับแม่ ผลปรากฏว่า เธอสอบได้ที่ ๗ เธอเสียใจมาก เพราะเคยเป็นแต่ที่หนึ่ง เสมอมา คิดใหม่-ทำใหม่ ปริญญาตรี-โท-เอก ขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ที่อาร์เจนตินา เธอรับจ้างสอนพิเศษรายบุคคล มีรายได้ดี จึงคิดว่า น่าจะเปิดโรงเรียน กวดวิชาเล็กๆ ของตนเองขึ้น โดยรับติววิขาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เลขคณิต และภาษาสเปน เตรียมนักเรียน สอบเข้าโรงเรียน ระดับมัธยม เธอจึงเปิดโรงเรียนกวดวิชาขึ้น เมื่อจบปริญญาโทแล้ว เธอก็ยังอยากเรียนต่ออีก เพราะมีเพื่อนเกาหลี ที่ไปเรียนปริญญาเอก ที่ประเทศสเปน เล่าให้ฟัง เธอจึงอยากไปต่อปริญญาเอก ที่ประเทศสเปน เธอต้องการเงิน เรียนเอง โดยทำงาน ที่โรงเรียน กวดวิชา ของเธอเองและครอบครัว ในประเทศอาร์เจนตินา ๖ เดือน เก็บเงินไป เรียนที่สเปนอีก ๖ เดือน ทำอย่างนี้อยู่ ๖ ปี จึงจบปริญญาเอก โดยได้คะแนนยอดเยี่ยม จากการ สอบวิทยานิพนธ์ ช่วงเรียนปริญญาเอก ที่ประเทศสเปนนั้น พี่ชายและน้องชาย ช่วยกันดูแล กิจการโรงเรียนกวดวิชา และช่วยส่งเงิน ให้เธอด้วย แม้ว่าเธอจะกลับมา ทำงานทุกๆ ๖ เดือนก็ตาม จนปัจจุบันนี้ โรงเรียนได้ขยายกิจการ ซื้อตึก ๔ ชั้น และ พี่น้องทุกคน ในครอบครัว ก็ทำงานที่เดียวกันนี้ รวมทั้งพ่อ ซึ่งมีหน้าที่ รับส่งเด็กนักเรียนด้วย สายใยแห่งรัก (ดอกหญ้า อันดับที่ ๙๙ หน้า ๑๕) |