หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

คุยนิดคิดหน่อย

๘ มีนาคม ๒๕๔๕ วันสตรีสากล คร้านจะเสาะหาตำนานและจุดมุ่งหมาย ของวันนี้ เพราะมันเกินอำนาจ หน้าที่ของผม ที่จะต้องแส่ไปล้วงลูก ล้วงลึกถึงขนาดนั้น คนใหญ่คนโตคนไหน ที่เคยล้วงลูก จนเคยมือ ก็ปล่อยเขา ไปเหอะ สักวัน หมดอำนาจล้วงแล้ว จะเหงามือ และ ป.ส.ด. ประสาท...เองน่ะแหละ

ขอโมเมตามประสาชาวบ้านว่า วันสตรีสากล คงเป็นวันเตือนใจใ ห้รำลึกถึงความสำคัญ และคุณค่า อเนกอนันต์ของ สตรี ไม่เชื่อก็จงลบหลู่ แล้วจะรู้สึกตัว เมื่อสายเกินแก้ บุรุษอย่าได้ระเริงอำนาจ หลงตัวว่าสตรี เป็นแค่หางเครื่อง ประดับวงดนตรี เดี๋ยวแม่ดับเครื่อง ประท้วงไม่ยอมยักย้ายเอวองค์ สร้างสีสันบรรเจิด ให้นักร้องละก็ จืดสนิทเชียวนะ พ่อคุณเอ๋ย เชิดชูสตรีแบบนี้ ใช่ว่าจะยุยงให้สตรี เหิมเกริม ยึดอำนาจปกครองแผ่นดิน ข่มบุรุษ จนอยู่หมัด ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ก็มิได้

หยุดก่อนสตรีเอ๋ย เจ้านั้นเหนือบุรุษอยู่ลับๆ ล่อ ๆ แล้ว ไยเขลาเรียกร้องสิทธิสตรีเท่าเทียมบุรุษ ลดชั้น เอกอัครภรรยา ลงมาราวี กับอุปภรรยาทั้งปวง ที่มาแบ่งเบาภาระ ของเจ้าเล่า บุรุษเป็นช้างเท้าหน้า สตรีเป็นช้างเท้าหลัง ก็ถูกต้อง ตามตำรับ คชลักษณ์แล้ว เป็นเท้าหลังอยู่ดีมีสุข กลับร้อนวิชา จะขอเป็นเท้าหน้าประเจิดประเจ้อ ฝ่าคมหอก คมดาบทำไม ช้างไม่มีเท้าหลัง มันจะยืนดูแพะ ถูกเชือดได้หรือ เท้าไปกระจุก เป็นเท้าหน้า แออัดขัด แข้งขัดขา กันอยู่ถึงสี่เท้า ล้มกลิ้งหงายเก๋ง ไม่เป็นท่าปะไร

อันที่จริง เท้าหน้าเท้าหลังมันก็เท้าช้างตัวเดียวกันนั่นแหละแม่คุณเอ๋ย ต่างแค่ได้เสนอหน้า กับตามหลัง อย่างเคย ทำเอาคุ้มดีคุ้มร้าย คลุ้มคลั่งตามก้นฝรั่ง ไปจนได้ เท้าหน้าน่ะ ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ทุจริตประพฤติมิชอบ ทุกกระบวนท่า เท้าหลังก็มีแต่ รับเละลูกเดียว เท่านี้ก็เกินพอแล้ว ยามเท้าหน้าก้าวย่าง ปะทะ ประจัญบาน ถ้าไม่มีเท้าหลัง คอยหยัดยันหนุนส่ง จะมีพลังได้หรือ ยามคับขัน สองเท้าหน้าบาดเจ็บ สองเท้าหลัง ก็ยังประคอง
ทรงตัวอยู่ได้

ทุกวันนี้ บ้านมิใช่วิมานหวานชื่น ไออุ่นในครอบครัว จางหายไปพร้อมกับ ความเป็นกุลสตรี ของเท้าหลัง ลูกหลาน ต้องออกไป ซอกซอน หาไออุ่นนอกบ้าน และเพริดไปติด บ่วงอบายมุข จนเสียผู้เสียคน เป็นปัญหาหนัก ของสังคม จนต้องจัดระเบียบกันวุ่น ก็เพราะเท้าหลัง ไม่ยอมระวังหลัง ประตูหลังบ้าน จึงถูกทะลวงทลายสิ้น

เพ้อเจ้อมาถึงตรงนี้ ก็แว่วเสียงครวญ ของสมยศ ทัศนพันธุ์ "...แม่ศรีเอยแม่ศรีเรือน น้องเป็นทั้งเพื่อนและเมียที่รักบูชา ยามผัวกลับจากงาน คืนสู่บ้านเคหา เหย้าเรือนงามตา เหนื่อยมาหายคลายอาทร...."

ไม่ได้หวังให้เท้าหลังต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนแบบโบราณกาลหรอกครับ ขอแต่เพียงอย่าทิ้งงานหลักไว้ให้แม่ครัว แม่บ้าน คนเลี้ยงลูก ฯลฯ แล้วก็ไปเพลินทำกิจกรรมรณรงค์ เรียกร้องสิทธิอะไรๆ อยู่นอกบ้าน รณรงค์ต่อต้าน ยาเสพติด เรียกร้องโน่น เรียกร้องนี่ สัมมนา อภิปรายชี้ทางแก้ ปัญหาสังคม อยู่นอกบ้าน ละเลยหน้าที่หลัก อันพึงทำ

ในบ้านยุ่งเหยิงไปด้วยปมเงื่อนปัญหา เพราะตัวเองเอาแต่เก่งนอกบ้าน สะท้านยุทธภพ

เป็นเท้าหลังไม่รู้จักคอยระแวดระวังถ่วงรั้งเท้าหน้า ให้อยู่กับร่องกับรอยบ้าง

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๑ เมษายน ๒๕๔๕)