หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

แสงทอง ส่องใจ ฝุ่นฟ้าฝากฝัน ...ฟอด เทพสุรินทร์


หากฉันตายแล้วทำให้เธอมีความสุข ฉันพร้อมจะสุข สุขเพราะตายให้กับคนรัก แต่นี่ไม่ตาย ไม่ตายมันทรมานนัก ทรมาน ยิ่งกว่าโดนฆ่า"

เสียงเพลงที่พรรณนาถึงความรู้สึกของคนผิดหวังเรื่องความรักนั้น มันช่างมีความหมายกินใจ จนทำให้ผู้ที่กำลัง ตกอยู่ใน ทะเลขมขื่น ของความรักกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

หกปีแล้วที่นฤมลกับสามีได้ย้ายจากบ้าน พ่อแม่มาสร้างบ้านใหม่แล้ว เปิดร้านขายของชำอยู่ ที่หน้าตลาดในอำเภอ ถึงวันนี้ กิจการค้า เริ่มลงตัว มีชาวบ้านมาจับจ่ายซื้อข้าวของอยู่ไม่ขาดทั้งวันต้องจ้างเด็กสาวในหมู่บ้านมาช่วยขาย ถึงสามคน จากเงินทุน ในหลักหมื่น ก็ขยับขึ้นสู่หลักล้าน มีรถยนต์และเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย แทบทุกอย่าง แต่ตลอด หนึ่งปีมานี้ นฤมลทนทุกข์ ทางใจมาก อย่างยากที่จะปลดเปลื้อง ออกไปได้ เมื่อได้รู้ข่าวสามีสุดที่รักนอกใจ แอบไปมี หญิงอื่น ที่ทั้งสาวและสวย ทำไมหล่อนต้องมาแย่งสามีฉัน ผู้ชายอื่นมากมีทำไมไม่เลือก ทำไมสามีฉัน ถึงปันใจให้หญิงอื่น ฉันผิดตรงไหน แม้งานการจะหนักหนาอย่างไร ฉันไม่เคยพร่ำบ่น ความคิดเหล่านี้วนเวียน แทรกในส่วนลึก ของหัวใจ ของนฤมล

ใกล้ค่ำนฤมลมองเห็นสามีแต่งตัวสุดหล่อ กำลังจะออกจากบ้าน จึงถามขึ้น "พี่จะไปไหนคะ"

"พี่จะไปช่วยงานกฐินที่วัด เขาตั้งองค์ผ้ากฐินสามัคคีของชุมชน เพราะปีนี้หาเจ้าภาพ มาจองทอดกฐิน ในวัดบ้านเรา ไม่ได้ คืนนี้กลุ่ม แม่บ้านจะจัดรำวง หาเงินสมทบกองกฐินด้วย พี่จะไปเหมารำวง ช่วยเขาสักสองสามรอบ"

สี่ทุ่มแล้วสามียังไม่กลับ นฤมลยังนั่งดูทีวีรอ แม้ละครในทีวี จะมีบทตลก สนุกอย่างไร แต่มิอาจจุดรอยยิ้ม บนใบหน้า ของนฤมล ได้เลย คืนนี้เขาจะกลับบ้านหรือเปล่า เขาอาจจะโกหกเราว่า ไปช่วยงานกฐินที่วัด เขาคงไปหา หล่อนคนนั้น กระมัง ไม่ได้นะ เขากลับมา ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ว่าเขาไปงานวัด หรือไปบ้าน ของหล่อนคนนั้น นฤมลครุ่นคิด วนเวียนเช่นนี้

หกทุ่มกว่าๆ ได้ยินเสียงรถยนต์ของสามีมาถึงบ้าน นฤมลรีบออกไปเปิดประตูบ้านรับ แค่ได้มองเห็นหน้าสามี ไม่ทันได้ทัก ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายและหมดแรง ก็ออกอาการ จนนฤมลเดินเซถลาจะล้ม สามีต้องรีบเข้ามาพยุง "มลเป็นอะไร ไม่สบายหรือ"

"รู้สึกใจหวิวๆ จะเป็นลมค่ะพี่" นฤมลรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ อย่างบอกไม่ถูก แล้วก็วูบไป

เมื่อนฤมลรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น มองเห็นพยาบาลสองคนยืนอยู่ข้างเตียง จำได้คนหนึ่งชื่อนัฐ เพราะไปซื้อข้าวของ ที่ร้านอยู่บ่อย จนคุ้นเคย "พี่รู้สึกสบายดีขึ้นแล้วนะ ฉันวัดไข้วัดความดันผล ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ" พยาบาลทั้งสองยิ้มให้ แล้วไปนั่งเขียน ใบสั่งยาที่โต๊ะ นฤมลรู้สึกเจ็บตรงรอยฉีดยาที่แขนนิดๆ สามีเดินเข้ามาจับมือบีบเบา "มลดีขึ้นแล้ว ใช่ไหม พี่เป็นห่วง แทบแย่เลย" นฤมลน้ำตาไหลพราก มันเป็นน้ำตาที่อิ่มเอม ในความห่วงใยหรือเป็นน้ำตาคับแค้นใจ ที่สามีมาคิดนอกใจ นฤมลแยกไม่ออกจริงๆ

ไม่ถึงชั่วโมงนฤมลรู้สึกว่าความเหนื่อยอ่อน ได้หายไป และกลับบ้านได้

ใกล้ค่ำวันหนึ่ง นัฐพยาบาลสาวที่ประจำอยู่ โรงพยาบาลชุมชน ในอำเภอก้าวเข้ามา เลือกซื้อของในร้าน นฤมลจำได้ ยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะคุณหมอ" (ชาวบ้านชนบท มักจะเรียก พยาบาลว่าหมอ) นัฐรับไหว้พร้อมทักทาย ถามถึง สารทุกข์สุขภาพ พลานามัย นฤมลรีบสาธยาย "ตั้งแต่ไม่สบาย ไปหาคุณหมอ เมื่อต้นเดือนก่อน มาถึงวันนี้ ฉันรู้สึกว่า จิตใจไม่ค่อยปกติ มักจะหลงลืมบ่อย และตกใจง่าย ตกอกตกใจขึ้นมาทีไร ใจหวิวๆ จะลมจับเสียแทบทุกครั้ง"

"ฉันอยากจะให้พี่ไปตรวจกับหมอใหญ่ (แพทย์ประจำโรงพยาบาล) วัดคลื่นหัวใจตรวจให้ ละเอียดอีกครั้ง คงจะดี" นัฐสังเกตเห็นว่า นฤมลได้ทำทรงผมสั้น แบบวัยรุ่น แต่งหน้าทาปาก ต่างไปจากนฤมลคนเดิม เมื่อสามเดือนที่แล้ว นัฐนึกย้อนไปถึงคำพูด ของเพื่อนพยาบาล ที่เป็นคนในพื้นบ้าน "เขาลือว่าสามีของเจ๊มล ไปมีเมียน้อย นี่ละหนา นิสัยของคนรวย" นัฐคิดขึ้นมาได้ คงเป็นเพราะสามีเป็นคนเจ้าชู้คิดนอกใจ นฤมลจึงหันมา ปรับปรุงตัวเอง ให้ดูสวยงามขึ้น

สามทุ่มกว่า นัฐขึ้นเวรบ่ายประจำห้องปฐมพยาบาลกับเพื่อนอีกคน รถยนต์วิ่งมาจอดที่หน้าตึก คนงานออกไป รับคนป่วย ให้นอนบนรถเข็น แบบยาว เข้ามายังห้องปฐมพยาบาล

นัฐเห็นหน้าก็จำได้ดี เธอคือนฤมล เจ้าของร้านค้าหน้าตลาดนั่นเอง วันนี้เธอป่วยมีอาการเหนื่อย มือเท้าจีบ และร้องไห้ สะอื้นอยู่ตลอด

ชั่วโมงกว่าอาการของนฤมลเริ่มดีขึ้น นัฐสังเกตได้ว่า คราวนี้สามีของนฤมล ไม่ได้มาด้วย เห็นแต่พวกสาวลูกจ้าง ในร้านเท่านั้น จึงได้ถามตามประสา คนคุ้นเคย นฤมล ระบายความอัดอั้นตันใจ พรั่งพรูออกมา นัฐรู้สึกเห็นใจ ที่นฤมลต้องทนมาแรมปี "เขาพา นางเมียเก็บของเขา ไปคลอดลูก ที่โรงพยาบาลจังหวัด..." เรื่องอย่างนี้ ผู้หญิงทุกคน ยากที่จะรับได้

นัฐได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมถือศีลห้ามาหลายปี จึงพอเข้าใจเรื่องกรรม หรือวิบากกรรมได้ดี พอสมควร นัฐเชื่อว่า นฤมล คงฉลาด พอเข้าใจถึงเรื่องแบบนี้ได้

"พี่คะ ฉันทำงานที่โรงพยาบาลมาก็หกปีเข้าไปแล้ว พบเห็นคนเจ็บเยอะแยะ มีคนหนึ่งอายุ ๑๔ ปี ถูกรถยนต์เฉี่ยว เท้าข้างขวา ขาดไปครึ่งหนึ่ง ทั้งที่เขาพิการ ตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว ไม่มีนิ้วเท้าเลยสักนิ้ว อีกรายเด็กอายุ ๑๐ ปี ก็พิการมา ตั้งแต่แรกเกิด เหมือนกัน ขาลีบทั้งสองข้าง เดินไม่ได้ ได้แต่คลานไป วันหนึ่งเขาตกเปลขาซ้าย หักซ้ำเข้าไปอีก

หากพูดตามหลักของพระศาสนาแล้ว ทุกคน ก็เกิดมาตามกรรมดีชั่ว ที่ตนได้ไปกระทำเอาไว้ กรรมดีกรรมชั่ว ก็จะตามสนอง ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง เรื่องของสามีนั้น พี่ต้องรู้ให้ชัด เขาเป็นคน เขาไม่ใช่วัตถุสิ่งของ ที่เราจะยึดถือว่า เป็นสมบัติของเรา จะไปห้ามความนึกคิดหรือความกระหาย ใคร่อยาก ในเรื่องกิเลสตัณหาของเขาได้อย่างไร มันเป็นเรื่องของเขา เว้นเสีย แต่เขา จะได้ศึกษาพระศาสนา ที่ถูกตรงจน เกิดปัญญารู้ดี-ชั่ว และหยุดละเว้นกระทำ ในสิ่งที่ไม่ดี กระทบจิตใจ ของคนรอบข้างนั้น ได้เอง..."

นฤมลสว่างวาบขึ้นในใจ รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เสมือนได้มีนางฟ้า มาแง้มประตูใจ ที่มืดมิดออกรับแสงทอง อันสดใส ของชีวิตใหม่

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๑ เมษายน ๒๕๔๕)