ปิดท้าย
พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เรืองฤทธิ์
รวยเงินจนปัญญา
ถ้อยปรามาสหมิ่นนักการเมืองยากจน
หาว่าไม่มีอาชีพอื่นเลี้ยงตัว
เกาะการเมืองเป็นอาชีพแต่ถ่ายเดียว
ตัวเองยังเลี้ยงตัวให้อยู่ดีกินดีไม่ได้
แม้แต่บ้านช่องซุกหัวนอนก็ต้องเช่า
ยังสะเออะหน้าขันอาสารับใช้ประชาชน
ข่มสำทับว่านักการเมืองต้องพร้อมพรัก
มีอาชีพหลักมีเงินทองกองทุนเฟือฟาย
คนมั่งคั่งเหลือกินเหลือใช้แล้ว อิ่มตัว
เป็นหลักประกันเบื้องต้นไม่ฉ้อฉลโกงกิน
ทั้งยังมีปัจจัยเสียสละเกื้อหนุนสังคม
ประชาชนจึงมีแต่ได้กับได้ ได้กับได้
แต่นักการเมืองมีแต่ตัว ยากจะวางใจได้
นายทุนลงสู่สนามการเมืองก่อนนี้
ไม่มีใครผยองพองขนถึงปานนี้
ขอแต่โอกาสแทรกตัวอยู่ยุทธจักรบ้าง
เพราะต่างยอมรับความจริงโดยดุษณี
นักการเมืองอาชีพยากไร้เงินทองก็จริง
แต่ไม่ยากไร้คุณธรรมละทิ้งอุดมการณ์
และคุณธรรมนี่แหละเป็นตัวการสำคัญ
ที่ทำให้นักการเมืองส่วนหนึ่งไม่มั่งมี
เพราะยึดการเมืองเป็นสัมมาอาชีพ
อดทนฟูมฟักรักษาชาติไทยสืบมา
ไม่แฝงฝังเป็นกาฝากทากดูดเลือดแผ่นดิน
จึงยากจนเหมือนเดิมแม้จะเคยยิ่งใหญ่
แทนที่จะเชิดชูนักการเมืองเช่นนี้
สุดประเสริฐเป็นเยี่ยงอย่างในทางดี
กลับหมิ่นแคลนย่ำหยามดั่งไร้ค่า
หามีปัญญาสำนึกสำเหนียกไม่ว่า
ตนเองนั้นไซร้จนยากยิ่งกว่านัก
จนปัญญาที่จะรู้แจ้งเห็นจริงว่า
อะไรเล่าเป็นทรัพย์แท้ของมนุษย์
ทรัพย์สินเงินทองหรือคุณธรรมความดี
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๔๑ เมษายน ๒๕๔๕)
|