ฝุ่นฟ้าฝากฝัน ตอน... กลียุค หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร ปีที่ 7 ฉบับ 124 เดือนพฤศจิกายน 2543
หน้า 1/1

สองทุ่มกว่าๆ ประเสริฐนั่งอ่านหนังสือที่ยืมมาจากที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน เจ้าจุกกับน้องนั่งขีดเขียนทำการบ้านอยู่อีกมุมห้อง ส่วนเครือวัลย์หลังจากล้างถ้วยชามแล้วเสร็จ ก็เอาเสื้อที่ถูกหนามเกี่ยวฉีกขาดพร้อมผ้าเศษผืนน้อยออกมานั่งปะ

"โปรดเลือกนายเสือ พรรคดอกไม้ คนดี ใจซื่อมือสะอาด เข้าไปเป็นปากเสียงแทนท่านในสภา" ไม่ทันขาดเสียงพรรคนี้ เสียงโฆษณาจากรถของผู้สมัครส.ส.พรรคใบมีดโกนก็ดังแว่วมาแต่ไกล "ผมขอเข้าไปรับใช้สานงานต่ออีกครั้ง คนซื่อมือสะอาดจริงจัง จริงใจไม่ผิดหวัง"

ไม่ถึงชั่วโมงเสียงหมอลำกลอน แจงนโยบายของพรรคปลาไหลจากผู้สมัคร คือนายกระทิงก็ดังผ่านเลยไปอีก ตามมาด้วยเสียงของนายแรดผู้สมัครพรรคแสบ "โปรดเลือกผมนายแรด ลูกหลานของบ้านเฮาเข้าไปเป็นผู้แทนของท่าน พบง่ายใช้คล่อง"

"ยุบสภาทีไร พวกสมัครส.ส. ต่างออกมาหาเสียงกันวุ่น ที่จริงพวกเขามาแจกเสียง ทั้งเสียงสดเสียงจริงตัวจริง และเสียงแห้งอัดเทปจะถูกต้องกว่า เครือวัลย์บ่นอย่างรำคาญ ประเสริฐยิ้ม "ผู้ลงสมัครส.ส. ทั้ง ๔ คน ในเขตเรานั้น ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งส.ส.ผู้นำสังคมเลยสักคน บางคนเป็นนักการพนัน บางคนก็เจ้าชู้ประตูดินญาติกับพระยาเทครัว บางคนเป็นนายทุนรับเหมาคดโกงมาก่อน ฉันต้องจำใจไปใช้สิทธิกาบัตรช่องไม่ลงคะแนน เพราะฉันไม่อยากจะเลือกพวกสี่คนนั้น แล้วคนที่ดีมีอุดมการณ์ทำไมไม่มาลงสมัครให้เลือกบ้าง หรือบ้านเราไม่มีคนที่ดีกว่านี้

"เรื่องนี้วัลย์อย่าไปพูดที่อื่นนะ เดี๋ยวชาวบ้านจะหาว่าบ้า"

"ทำไมเขาจะว่าบ้า ก็วัลย์พูดความจริง" วัลย์ยังข้องใจ ประเสริฐเหลือบไปเห็นเจ้าจุกทำตาปรือๆจะหลับ จึงบอกให้พาน้องเข้าไปนอนก่อน แล้วหันมาคุยกับเครือวัลย์ต่อ "ที่จริง" ในยุคสมัยนี้ อาจจะตรงกับที่พระพุทธองค์ได้ทรงทำนายความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศลไว้ " ประเสริฐหยิบหนังสือพุทธทำนาย ที่ท่านชาตวโร ได้เขียนรวมเล่มไว้ อ่านตอนที่สิบสองและสิบสาม แล้วสรุปให้ฟัง

"ในสมัยนี้จะพูดว่ายุคกระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยกลับถอยจม หน้ามือกลับเป็นหลังมือ หรือเป็นยุคของผู้ดีเดินตรอกขี้ครอกเดินถนน ดังเช่นพระที่ท่านปฏิบัติดีหลายรูป ท่านถูกใส่ร้ายป้ายสีว่า เป็นผู้ทำผิดวินัยเป็นอาจิณ เป็นมารเป็นเดรัจฉานเป็นผู้จะมาทำลายสังคมและศาสนา ตรงกันข้ามมีพระอยู่หลายรูปที่ได้ประพฤติผิดร้ายแรงถึงขั้นปาราชิกยังคงห่มจีวร ลอยชายอยู่ในสังคม หรือคนดีและข้าราชการที่มุ่งทำงานอย่างสุจริต ก็ถูกผู้มีอำนาจที่ไร้ศีลธรรม จ้องทำลายล้างอย่างไม่ปรานี ยุคนี้จึงเป็นกลียุคแล้วคงจะไม่ผิด" ประเสริฐหยุดพูด เพราะเสียงโฆษณาหาเสียงของนายเสือพรรคดอกไม้ ดังแทรกเข้ามาอีกครั้ง

ภาพอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนในหมู่บ้าน ผุดขึ้นในความทรงจำของเครือวัลย์ เพราะประพฤติตัวชอบกินเหล้าเจ้าชู้ และชอบการพนันอย่างพวกนักเลงหัวไม้ประจำคุ้ม ทั้งที่เป็นครูเป็นปูชนียบุคคล

"ตอนไปงานวัดเมื่อช่วงออกพรรษา พี่ได้พบกับทนายคนหนึ่งชื่อ ธน ท่านบอกว่า ไปว่าความพันครั้ง คิดว่าอาจชนะพันครั้ง เพราะเป็นทนายย่อมรู้เรื่องกฎหมายดี หากคดีความที่ผิดศีลธรรม ก็แนะนำให้เขามอบตัวจะไม่แก้ต่างให้ แต่คดีเรื่องใดไม่ผิดศีลธรรม แม้จำเลยเป็นคนยากจน ท่านก็เต็มใจช่วยเหลือว่าความให้ฟรีๆ ตั้งหลายคน ท่านเป็นทนายมาเกือบจะยี่สิบปีแล้วหละ" ประเสริฐยกให้เห็นว่า คนดีก็ยังพอมีในสังคม

"แล้วคนดีๆ แบบนี้ทำไมไม่ยอมมาลงสมัครส.ส.ในเขตของเราบ้างล่ะพี่" เครือวัลย์ถาม

"ก็ในเขตเลือกตั้งอำเภอเรา ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งมาตลอดนั้น เขาใช้เกมคุมพื้นที่ไว้ หากมีคนดีไปลงสมัคร ส.ส. เจ้าของพื้นที่ก็จะใช้อำนาจมืดบีบ ในที่สุดก็ถอนตัวออกไป และเขาจะซื้อคะแนนด้วยการมอบเงินให้หัวคะแนนประจำหมู่บ้าน นำไปช่วยงานศพ งานแต่งงาน งานบวชและงานเทศกาลประจำปีต่างๆ ไม่ต่ำกว่างานละ ๑,๕๐๐ บาท ส.ส.คนเก่าจึงเป็นคนดีมีเมตตาในความคิดของชาวบ้านทั่วไป หากวัลย์ไปว่าเขาเป็นคนไม่ดี ชาวบ้านก็จะว่าบ้า เพราะเขาสร้างภาพเก่ง ทั้งที่ถนนทุกสายไม่ว่าคอนกรีต หรือยางมะตอยในหลายหมู่บ้านทำเสร็จไม่ทันถึงปีก็ทรุดแล้ว เพราะบริษัทรับเหมาก็เป็นของส.ส.เจ้าเก่านี่แหละ ข่าวว่าที่จริงถนนแต่ละสายใช้งบไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ อีกครึ่งเข้ากระเป๋าไป

"คนไม่ดีจึงมีเงินซื้อเสียงกันอย่างเต็มที่ ทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนนั้นมีความชั่วความดีไม่ต่างกัน ต่างคนก็คิดเข้าไปหาผลประโยชน์เหมือนกัน ใครมีเงินมาให้จึงได้คะแนนคืนไป

"แต่ที่ยอดแย่พอๆกันก็คือ ชาวบ้านส่วนใหญ่ ก็ไร้ศีลธรรม ชอบกินเหล้าเข้าวงพนันไม่แพ้กัน เป็นผัวเมียกันแต่ประพฤตินอกใจกัน หลายคนไม่สนใจอนาคต เอาแต่เที่ยวกินสูบดื่มเสพย์ ถ้าคนดีมีอุดมการณ์ลงสมัครส.ส. และไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียง บางทีอาจถูกประณามว่า เป็นผู้สมัคร ส.ส.ที่ยอดแย่ ขี้เหนียว ไม่เอาไม่เลือกก็เป็นไปได้

"แท้จริง คนดีมีอุดมการณ์ จะมามีบทบาทช่วยนำไปสู่ความเจริญร่มเย็นได้ ก็อยู่ที่ผู้คนในสังคมชุมชนรวมตัวนำเอาศีลธรรม ฟื้นฟูสังคม ซึ่งมีทางนี้ทางเดียวจริงๆ"
ประเสริฐ สรุปด้วยความมั่นใจ