บ้านป่านาดอย โดย...จำลอง

หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร ฉบับที่ 131 เดือน มิถุนายน 2544
หน้า 1/1

จากบ้านป่านาดอย สู่บ้านราช เมืองเรือ (ชุมชนราชธานีอโศก) ผมไปร่วมต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี และคณะเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผมขอนำคำพูดของผู้ใหญ่ ๒ ท่าน มาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านทราบ คงมั่นใจได้ว่าการช่วยเหลือเกษตรกร อย่างถูกจุดได้เริ่มขึ้นแล้ว

ผู้จัดการธนาคาร ธกส. กล่าว

"วันนี้นับว่าเป็นเกียรติกับพวกเราเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ ธนาคารได้ร่วมกับชุมชนอโศก ทุกๆ แห่ง มีประมาณ ๑๐๐ แห่ง รวมทั้งเครือข่าย จะจัดอบรมเกษตรกรที่เข้าโครงการใน ๓ ปี ได้ประมาณ ๓๐,๐๐๐ คน เป้าหมาย เพื่อสร้างศักยภาพ การประกอบอาชีพ การดำรงชีวิตโดยใช้หลักสัจธรรม เนื่องจากพวกเราเห็นว่า การที่เกษตรกร ต้องมีหนี้ ที่เป็นภาระนั้น ถ้าเราจะช่วยกันลดภาระ หรือมีการพักชำระหนี้อย่างเดียวนั้น คงยังไม่พอ จะต้องมีการฟื้นการประกอบอาชีพ และที่สำคัญที่สุด จะต้องมีการตั้งต้นพื่อการชำระจิตใจ เห็นว่าวิถีชีวิตของชุมชนอโศก จะเป็นแบบอย่างที่ดี จึงได้เริ่มต้นทำโครงการเช่นนี้

วันนี้ เป็นการอบรมรุ่นที่ ๑ เริ่มที่ราชธานีอโศก ต่อไปจะมีทุกๆ แห่งที่เป็นชุมชนอโศก และเครือข่ายทั่วประเทศ อันนี้เป็นโครงการส่วนหนึ่ง ของโครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ ผมเชื่อว่า ถ้าเราได้มีการเริ่มต้นแบบนี้ การประกอบอาชีพต่อไปข้างหน้า จะสามารถทำให้ราษฎรช่วยตัวเองได้ และช่วยซึ่งกันและกันได้ อันเป็นหลักการของสหกรณ์ หรือหลักการของเศรษฐกิจชุมชน เพราะฉะนั้น เราจึงได้ทุ่มเท ความพยายามในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

ขณะนี้โครงการพักชำระหนี้ และลดภาระหนี้นั้นได้ทำไปแล้ว ๗๐ % คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะจบสิ้น คือ เกษตรกรทุกคน ประมาณ ๒.๓ ล้านครัวเรือน สามารถเข้าโครงการได้ครบถ้วน ขณะนี้ตัวเลขสุดท้าย ประมาณ ๑.๖ ล้านครัวเรือน ประมาณ ๗๐% เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องทำควบคู่กันไปก็คือ การฟื้นฟูการประกอบอาชีพ เชื่อว่าการที่จะต้องเริ่มต้น จากการเรียนรู้วิถีชีวิต แบบชุมชนอโศก จะเป็นแบบอย่างที่จะช่วยทำให้คนเหล่านี้ สามารถฟื้นตัวเองได้สำเร็จ

เพราะฉะนั้น ต้องขอขอบคุณชุมชนชาวอโศก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านสมณะโพธิรักษ์ ที่ท่านได้ให้ความกรุณาแก่พวกเรา และขอขอบคุณท่านวิทยากรทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วย"

นายกรัฐมนตรีกล่าว

"วันนี้มีความรู้สึกเหมือนกลับมาเจอเพื่อนเก่า ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม หลายคนเห็นหน้าแล้วรู้สึกคุ้นๆ เห็นบรรยากาศก็คุ้นๆ ถ้าได้ทานอาหารมังสวิรัติ ก็คงยิ่งคุ้นหนักเข้าไปอีก เพราะว่า เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ก็ได้เห็นสิ่งที่ดีงาม และทุกวันนี้ สิ่งที่ดีงามเหล่านั้นก็ยังอยู่กับผม ถึงแม้รูปแบบของการเมืองเปลี่ยนไปบ้าง เพราะว่าสิ่งที่ดีงามนั้น เราควรจะเก็บ เอาไว้

วันนี้ทราบว่า ทาง ธกส. ได้มาร่วมกับราชธานีอโศก จัดโครงการฝึกอาชีพ ควบคู่ไปกับการใช้ธรรมะ ช่วยในการฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร ผมดีใจและภูมิใจในสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะว่า การพักหนี้เกษตรกรนั้น ธกส. ได้ทำดีกว่าที่ผมคิด และที่สำคัญคือมา ผนึกเอาเรื่องธรรมะ เรื่องการทำเกษตรแบบไร้สารพิษ แล้วก็มาอยู่ท่ามกลางคน ซึ่งมีความอดทน และมีความพอเพียง เข้าใจความพอเพียง ทางเศรษฐกิจด้วย มันจะเป็นต้นแบบที่ดี ในการขยายต้นแบบที่ดี ในการที่จะขยายผลต่อไป นอกเหนือจากชุมชนชาวอโศก ทั้งหลาย

ขอชื่นชมและขอบคุณ ธกส. และขอขอบคุณชาวอโศกทุกคน ที่จะช่วยกันนำสิ่งเหล่านี้ขยายผล เพราะว่า การเป็นหนี้นั้น ส่วนหนึ่ง แน่นอนเกิดจากภาระ แต่อีกส่วนหนึ่ง เกิดจากความที่จิตไม่นิ่ง ไม่เข้าใจความพอเพียง และความอดทนของชีวิต มันมีหลายอย่าง ผมเคยผ่านชีวิต ของการเป็นหนี้มาแล้ว เลยเข้าใจหัวใจคนเป็นหนี้ ว่าเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าผมจะเป็นหนี้มากกว่า เกษตรกรหลายร้อยเท่า แต่ก็คือความเป็นหนี้เหมือนกัน วันนี้พอมาเห็นบรรยากาศแล้ว ผมสรุปได้เลย หลังจากที่เรียนธรรมะมามากๆ แล้ว จะเข้าใจว่า คนเราถ้าสามารถมีจิตที่นิ่ง มีความพอเพียง มีความรู้จักพอดี ชีวิตจะมีความสุขมาก แต่ถ้าคนเรา เข้าใจความพอดี ของชีวิตตัวเองไม่ได้ คนนั้นจะหาความสุขไม่ได้ ต่อให้เป็นอะไร หรือมีฐานะเท่าไร ก็จะไม่รู้คำว่าสุขคืออะไร เพราะสุขนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคน ต้องให้จำกัดความเอาเอง คำจำกัดความของความสุข ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของแต่ละครอบครัว ก็ไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือ หลักของพระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ว่า ความรู้จักความพอดีความพอเพียงนั่นเอง ถ้าเราหาความพอดีของชีวิต ของครอบครัวเราไม่เจอ ดิ้นไปอีกเท่าไร ก็ไม่สามารถแสวงหาความสุขได้ เพราะความสุขมันเป็นนามธรรม ที่ไขว่คว้าไม่เจอ จะเจอได้ต่อเมื่อ เราสำรวจหาใจเราเจอแล้ว ว่ามันอยู่ตรงไหน วันนี้ การที่พี่น้องเกษตรกรก็ดี ชาวอโศกก็ดี ได้มาเข้าโครงการนี้ และ ธกส.ได้เห็นความสำคัญของการนำเอาธรรมะเข้ามาด้วย ผมชื่นชม และอยากให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นทุกที่ ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ผมคิดว่า ๔ ปี ของรัฐบาลนี้ การขจัดความยากจน ออกจากผืนแผ่นดินไทยนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ อีก ๔ ปี ของรัฐบาลนี้ ในสมัยหน้า ค่อยสร้างความร่ำรวยให้ประชาชน

วันนี้มาจับมือกับเด็กๆ ดูสายตา คุยกันแล้ว ผมอยากเห็นกิจกรรมที่เอาเด็กมาเรียนหนังสือ มาทำงาน แล้วก็มาได้ธรรมะด้วยนั้น มีมากๆ เพราะว่าเด็กมีภาวะของจิตใจที่แกว่งมากที่สุด ถ้ารู้จักคำว่าศีล สมาธิ ปัญญา ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย เขาจะเป็นคนซึ่งเติบโตด้วยฐานรากที่เข้มแข็ง เพราะฐานรากของเรา มีสองส่วน ส่วนหนึ่งคือกาย อีกส่วนหนึ่งคือจิต ส่วนใหญ่แล้วแข็งแรงแต่กาย จิตอ่อนแอ แต่วันนี้ ถ้าผ่านอย่างนี้ หนูๆ จะเติบโตขึ้นมาที่มีความแข็งแรงสองส่วน คือ กายและจิต ถ้าเปรียบเสมือนเสาปูนซีเมนต์ กายก็คือเปลือกซีเมนต์ภายนอก จิตก็คือเหล็กปล้องอ้อย ที่อยู่ในต้นเสาซีเมนต์ ถ้าเหล็กปล้องอ้อยนี่ มันเป็นเหล็กที่แข็งแรง ไม่ผุ ซีเมนต์เสานี้ก็อยู่ได้ เป็นหลายร้อยปี วันนี้การเรียนการสอนแบบนี้ ผมเห็นแล้วผมชื่นใจ ก็อยากเห็นสิ่งเหล่านี้ได้แพร่ไป ต้องขอชมเชยคนกันเองนี่แหละ คือ พลตรีจำลอง หรือพี่ลองของผม เป็นคนที่เสียสละ อดทน และยอมปิดทองหลังพระมาโดยตลอด และทุกวันนี้ถึงแม้พ้นจากหน้าที่การเมืองแล้ว ก็ยังอุตส่าห์ทำโรงเรียนผู้นำ สอนเด็ก สอนคนที่เป็นนักบริหารทั้งหลาย ธกส.ก็ เห็นส่งไปเรียนเยอะ เท่าที่ผมทราบ แล้วก็ยังไม่พอ ก็ไปส่งเสริมการปลูกผักไร้สารฯ หาที่ขาย ของเหลือก็โทรหาพรรคพวก เอ้า หาที่ขายให้หน่อย ก็ไปหาตลาด หาที่ขาย ไปขายหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรบ้าง ที่อื่นบ้าง ทำทุกอย่าง ซึ่ผมคิดว่าคนอย่างนี้มีน้อยใน สังคมวันนี้

อยากเห็นพวกท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกี้ก็เห็นหลายคน โดยเฉพาะผู้ใหญ่(บ้าน) พี่น้อง ๓ คน มาช่วยกันเสียสละหมด ยกที่ให้ราชธานีอโศก เรียนก็จบปริญญาโท ความเสียสละอย่างนี้ เป็นสิ่งที่สังคมอยากได้ คนเราเสียสละได้ทุกระดับ มากหรือน้อย

ถ้าสังคมมีแต่คนรู้จักคำว่าเสียสละครึ่งหนึ่ง รักตัวเองครึ่งหนึ่ง เอาแค่นี้พอ ประเทศนี้รับรองไม่มีจน ยังไงก็มั่งคั่ง ยังไงก็สงบสุข แต่บังเอิญว่า วันนี้สังคมพอยิ่งแข่งขันกันมาก ระบบการสื่อสารคมนาคม สะดวกขึ้น การแย่งชิงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หนักขึ้น ความเห็นแก่ตัวมันมากขึ้น ถ้าทุกคนมีธรรมมะ มีการบันยะบันยังกับชีวิต ผมคิดว่าชีวิต และสังคมก็มีความสงบ

ดีใจที่เห็นบรรยากาศวันนี้ หวังว่า ธกส. ซึ่งผมนึกไปว่า เอ๊ะทำไม... ปรากฏว่า เคยไปเรียนโรงเรียนผู้นำกันหลายคน ผมก็ดีใจอยาก ให้ ธกส.ได้ขยายผลอย่างนี้เยอะๆ เราจะได้ช่วยกัน ถ้ามีอะไรที่รัฐบาลจะพึงทำ เพื่อขจัดความยากจนในสังคมนี้ได้ รัฐบาลนี้ ทุ่มเททุกอย่าง ขอขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ"

 
     

บ้านป่า นาดอย (เราคิดอะไร ฉบับ ๑๓๑ มิ.ย. ๔๔ หน้า ๗ )