เราคิดอะไร.

บทเรียนของโลก สำนึกของเรา....ส.ร้อยดาว

หรือโลกจะเป็นคอกขังเดรัจฉานไปแล้ว เมื่อมีปัญหาก็ใช้เขี้ยวเล็บกำลังวังชามาตัดสิน ซึ่งแน่นอนต้องเดือดร้อนยาวนาน แม้เดรัจฉานคอกไหนจะมีเขี้ยวเล็บแหลมคมกว่าก็ตาม เพราะอีกฝ่ายมีเครือญาติ มีที่รัก มีแนวร่วมทางความคิดทิศทาง...

โดยจริง มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียว ที่สามารถบัญญัติภาษา มาสื่อสารพูดคุยกัน ทั้งการพูดคุยที่ดีนั้น ยังทำให้คนบาป กลับกลายเป็น นักบุญไปได้ เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ จำนนอะไร ต้องหมางเมินเย็นชา หรืออวดซ่า ลงอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือลืมกันไปแล้ว กับความจริงที่ว่า ...

การบ่อนทำลายที่เราไม่รู้ ศัตรูที่ลอบประทุษ เป็นภัยน่ากลัวที่สุด จะให้รู้เห็นคงไม่ง่าย แต่การทำคนให้เป็นมิตรสหาย ป้องกันตน ได้ดีที่สุด

ไม่สบายนักหรอกกับการเป็นอยู่ที่ต้องคอยดู คอยหลบเลี่ยง แม้เพียงระมัดระวังทุกช่วงเท้า ทุกกล่าววาจา ซึ่งยังไม่แน่ว่า จะคุ้มครองตน ให้ปลอดพ้น จากศัตรูได้จริง ฉะนั้นเพื่ออยู่ดีมีสุข ความจริงบทดังกล่าว สมควรตระหนัก ยิ่งเติบใหญ่แล้ว ยิ่งสมควรต้องตระหนัก เพราะมนุษย์เราบ่อยครั้ง เพียงเกิดความรู้สึกเติบใหญ่แล้ว ความแคร์ต่อผู้คน มักลดน้อยลง มีบ้างถึงกับมองข้าม ความปรารถนาดี มีบ้างอวดดี ตีเสมอ มีบ้างถึงขั้นหยาบหยาม สามหาว กร้าวกร่าง

คงเศร้านะ! หากยิ่งเติบโตยิ่งน่าเกลียด ยิ่งเติบโตยิ่งมิตรสหายรอบข้างร้างรา ยิ่งเติบโตยิ่งไม่ต่างหมาบ้า หมาขี้เรื้อน เช่นนั้น คงไม่เท่าไรนัก หากโดดเดี่ยว อยู่ถ้ำเถื่อนเพียงผู้เดียว แต่ในความมีชีวิต เป็นสัตว์สังคม ทุกสิ่งที่ทำ ทุกคำที่เอ่ยออก มีผลกระทบทั้งสิ้น พร้อมนี้วิบากกรรม ก็รอคอยเช็กบิล หลากหลายรูปแบบ ทั้งไม่เอ่ยบอก ล่วงหน้าอีกด้วย...

อย่าว่าแต่มนุษย์ แม้สุนัขก็มีหัวใจ มีเลือดเนื้อ มีความเจ็บปวด และมากนักกล้ารักกล้าแค้น กล้าตาย เพื่อทำร้ายทำลาย

เพื่อชีวิตไม่ด่วนเป็นศพ ไวนัก เพื่อมากรักมากสุขในการเป็นอยู่ ต้องกลับมาทบทวนตน หากเพียงรู้สึกเติบใหญ่แล้ว กล้าใช้กำลัง ใช้อำนาจ บังคับบัญชาผู้อื่น โดยไม่ควร เป็นความเติบใหญ่จริงหรือ? หรือเพียงฟื้นขึ้น ของเดรัจฉานวิสัยบางสายพันธุ์ ที่นิยมใช้กำลัง ใช้อำนาจ ประมาณว่า ใครแกร่งใครอยู่ ใครเปราะตายไป หรือเป็นขี้ข้า รับใช้แต่โดยดี

จริงอยู่ผู้แกร่งอาจอยู่ได้ แต่การหลับสบายไม่เกิดแล้ว ไม่! ไม่ใช่เพียงมโนธรรม ฟาดโบยหัวใจ แต่ใครและใคร ที่คอยลอบประทุษ อีกเท่าไร? และแน่นอน บุคลในที่เร้นเหล่านี้ กล้าทำ กล้าตาย เพราะเป้าหมายชีวิต เพื่อ...สะสาง!

ดังนั้นแม้เติบใหญ่ปานใดแล้วก็ตาม สมควรเตือนตนดังกล่าวแล้ว และเตือนไว้ให้ยิ่งอีกว่า...

ผู้ใหญ่ที่ดีไม่บังคับบัญชา การบังคับบัญชา ประจานความไร้ญาณปัญญาของผู้ใหญ่
ธรรมดาผู้เยาว์ที่ใฝ่ดี ย่อมไม่ดื้อรั้นจนเกินไป เพียงผู้ใหญ่มีใจเมตตา ให้ปัญญาชัด
ผู้เยาว์ย่อมศรัทธา และดำเนินตาม ด้วยความชื่นชม

เรารับรู้กันอยู่ว่า เมตตาและปัญญาเป็นดัชนีชี้บ่งความเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง เหลิงอำนาจบังคับบัญชา เป็นตัวบอกให้รู้ว่า ยังเป็นเด็กอย่างยิ่ง เมื่อมีชีวิตมานาน ต้องเลือก จะเติบโตเพียงวัย หรือเติบโตที่หัวใจ

ดูเถิดพระพุทธองค์สูงส่งปานใด ยังตรัสว่าเราเป็นกัลยาณมิตร หากทุกสัมพันธ์ เริ่มต้นด้วยความเป็น กัลยาณมิตร แล้วให้บทบาท ของชีวิต เป็นตัวจัดสรร ความเป็น ย่อมดีโดยแท้ เพราะเยี่ยงนี้ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นศาสดา หรือเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ครูอาจารย์ ก็จะเป็นไป โดยพฤติการณ์ โดยธรรม หรือโดยกรรม ที่เป็นอยู่

ซึ่งเริ่มต้นเยี่ยงนี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เพียงถอดวางหัวโขน ลดความสำคัญตน และหมั่นช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นบ้าง ทุกก้าวย่าง อบอุ่นแล้ว และเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่อง ต้องเลือกปฎิบัติ แต่ต้องเป็นบทปฏิบัติ ปกติของชีวิต เพราะบ่อยครั้ง สายตาเราเพี้ยน ดูคนเพียงเปลือก ทั้งที่ผู้ใหญ่ หลายคน ไม่โตอย่างที่เราเห็น เด็กหลายคน ไม่เป็นอย่างที่เรามองหรือคิด แต่กลับแน่นอน ทุกคนมีฤทธิ์ มีอิทธิพล ต่อเราทั้งสิ้น ผู้รู้จึงเตือน...

ทุกท่านที่พบเจอ ทุกเธอที่สัมผัส ปฏิวัติชีวิตเราได้ ดีหรือร้ายอยู่ที่เรา

เมื่อศัตรูและความต่ำต้อยไม่ปรารถนา รุ่งเรืองก้าวหน้าเป็นความประสงค์

จงฝึกตนให้จริง สุภาพและสร้างเพื่อนให้ยิ่ง เพียงเน้น ๔ คำ สติ ปัญญา เมตตา สุภาพ

ไม่มากมิตรมากสหาย ไม่รุ่งเรืองในโลกหล้า ฟ้ากว้างก็ให้รู้กันไป

แต่ที่รู้แจ้งกระจ่างใจแล้วคือ เพียงเป็นไปเช่นนี้ทำให้หลับสบายไร้กังวล เพราะเพียงเรา ดีต่อผู้คน เราก็ไม่กังวลใจ ว่าใครจะลอบทำร้าย บอกพี่น้อง... ในความเป็น เพื่อนร่วมโลก เร็วช้าต้องพลัดพรากตายจาก เมื่อความจริง เป็นเช่นนี้ ไฉนต้องใจร้อน การให้ตนด่วนเป็นศพ เป็นเรื่องไม่ควร ด่วนให้ใครเป็นศพเป็นเรื่องไม่ควร โลกยังงามเสมอ ด้วยดวงใจเปี่ยมรัก เรามารู้จักอภัย รู้จักแบ่งปัน เสพความสงบ ร่วมกัน แล้วสร้างสรรโลกร่มเย็น ไว้ให้ลูกหลาน จะดีไหม...

ไม่มีสันติภาพ หรือหลุดพ้นแด่คนผู้ไม่รู้จักอภัย เพียงใจรู้แจ้งไฟโทสะ การละก็สมควรยิ่งแล้ว

เพราะอภัย จึงอบอุ่น เพราะอภัย จึงยิ่งใหญ่ เพราะอภัยจึงหนักแน่น สุขุมภายใน

เพราะอภัย ปัญญาญาณจึงได้รับพัฒนา การยิ่งๆ ขึ้นไป

อภัยเถิด อภัยทุกวินาที อภัยทุกชีวิต อภัยไปตลอดโลก

แล้วผองเราจะสิ้นไร้ใจโศกอย่างแท้จริง สันติภาพจะเกิดมีมากอย่างยิ่ง

อภัยและไมตรีจงเกิดมีแด่พี่น้องผองเพื่อนร่วมโลกทุกหมู่เหล่าทุกลัทธิ

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๓๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๔)