เราคิดอะไร.

เพศศาสตร์...พาฉลาดน่าหวาดเสียว !?! ...วิมุตตินันทะ

ชะรอยกระแสกามนิยมในสังคมทั่วโลก คงจะเร่าร้อนดุเดือดเลือดพล่านสาหัส ขึ้นทุกวัน เช่น แฟชั่นสายเดี่ยว ดูออกจะระบาดไปโลด ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ทั้งวัยรุ่นวัยร่วง จนไม่รู้ใครเอาอย่างใคร ระหว่างดาราบนจอ กับสาวย่านร้านถนน แค่เปิดอกไม่พอสะใจ เปิดสะดือปลิ้น ร้อยห่วงให้เตะตา อีกต่างหาก เดี๋ยวนี้สาวไทยแต่งตัวหลุดโลก ไปเป็นขี้ข้าฝรั่ง หมดแล้วกระมัง อย่างสายเดี่ยว กับขาสั้นจุ๊ดจู๋ คุณหนูโลด จากห้องนอน ไปสลอนตลาดนัดได้เลย ประมาณนั้น ไม่เห็นจะต้องแปลกแยก ให้แตกต่าง ตามกาลเทศะ เพราะอยากจะอวด เนื้อหนัง เต็มทน ทุกที่ทาง

พูดแล้วไม่แคล้วเปรียบเปรย แต่ก่อนนานโพ้น มันมองออกง่ายจะตายไปว่า ใครเป็นโสเภณี หรือมีอาชีพหมอนวด เดี๋ยวนี้พัฒนาไกล จนดูไม่รู้ว่า ไผเป็นไผ...อนิจจัง ช่างไม่ยอมแบ่งชั้นวรรณะ กันบ้างเลยนะ แม่คุณเอ๋ย ในเมื่อคนย่อมมีสูงต่ำ มีเอกลักษณ์ ของคนเมือง หรือ คนป่า วัฒนธรรมของเด็กกับผู้ใหญ่ ผู้ชายกับผู้หญิง ตัวอย่างเหล่านี้ ย่อมมีระเบียบที่ดีแตกต่างกัน ไม่ใช่มั่วนิ่ม เลอะเทอะไปหมด หนักๆ เข้าจะเลยเถิด จนไม่เข้าใจวิถีคน วิถีสัตว์ ดังเช่นเลี้ยงหมาให้เสียหมา นอกจากพาให้มัน หากินเองไม่เป็น เท่านี้ไม่พอ เดี๋ยวนี้อุตริ หาเสื้อ ให้มันใส่ จะได้สวยดี ในขณะที่สาวๆ อยากจะสวมเสื้อผ้าชิ้นน้อยๆ ปล่อยเนื้อเปลือยหนังให้มันกว้างๆ เพื่อถ่างตา คนต่างเพศ เบิ่งแม่นแล้ว ดูๆ มันกลับตาลปัตร พิลึกดีจัง...? ภาษิตไทยสอนมาเก่าแก่ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ท่าจะต้องแปลงใหม่ ให้นำสมัย สะใจพวกดัดจริต เป็นว่า สาวงามเพราะน้อยผ้า หมางามเพราะใส่เสื้อ...

พูดถึงการแต่งตัวแล้ว อดนิยมชมชื่นชนเผ่ากะเหรี่ยงเสียไม่ได้ หญิงชายนุ่งผ้าคนละแบบ แบ่งเพศไม่พอ เด็กหญิงนางสาว กับแม่เรือน เขาสวมผ้าคนละชุด ให้ดูออกได้เลยใครคนสาว หรือมีผัว ทั้งไม่มีแฟชั่นทันสมัย แล้วหายเห่อ ทิ้งขว้าง ก็แปลกดี ที่คนบนภู กลับเรียบง่าย งดงามกว่า คนเมืองกรุงทั้งหลาย !

การศึกษาสมัยใหม่ เปิดทางให้คนเข้ารกเข้าพง หลงคลั่งฝรั่งเลยเถิดเท่าใด ใครเห็นบ้างรึยังเอย? สังคมไทย ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องหันมา จัดระเบียบชีวิต กันเสียใหม่ อย่างขนานใหญ่ หลังจากปล่อยเสรีตามใจชอบ จนตกขอบ เพราะตามก้น ยอดนิยมฮอลลีวู้ด เป็นต้น

แม้ว่าพวกก้าวหน้าทางวัตถุนิยม จะปรากฏว่ามีอัจฉริยภาพทางปัญญา หรือไอคิวอยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน เรากลับเห็น ความฉลาดเหล่านั้น ถูกนำไปใช้ในทางทำลายล้าง เช่น สร้างอาวุธมหาประลัย หรือกระทั่ง คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต อุตส่าห์ประดิษฐ์ มาใช้งานได้วิเศษ เสร็จแล้ว กลายเป็นสื่ออนาจาร แพร่ภาพลามก ไปทั่วโลก มันเป็นไปได้ปานนี้ อย่างไม่น่าเชื่อ ในเมื่อการศึกษา เจริญเหลือเกิน เขาไม่เขินอาย ในสิ่งทุเรศบัดสี ขณะที่คนป่า ไม่รู้หนังสือขนาดไหน ก็ไม่เห็นโง่ จนไม่รู้จักยางอาย เหมือนฝรั่งทรามๆ

ไอคิวสูงแต่ไอเดียต่ำ เพราะขาดแคลนอัจฉริยภาพทางอารมณ์ หรืออีคิว

โลกทุกวันนี้ ถึงจะก้าวไกลลอยฟ้า ปานจะคว้าเอาเดือนดาวมาชมได้ พร้อมกันนั้น ปัญหาวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ยังคงย่ำแย่ ซ้ำซาก เหมือนพูดกัน ไม่รู้เรื่อง ราวกับเสือสิงห์กระทิงแรดใกล้ๆ ไม่ห่างเท่าไหร่เลย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม แทบทุกด้าน ล้วนเดือดร้อน จนไม่เห็น ทางรอดอื่น

เรื่องทั้งหมดเกิดจากเหตุสำคัญเพราะ คนทำตามอารมณ์เสรี ที่หลุดจากการควบคุมตัวเอง

สงครามการต่อสู้ยื้อแย่งแก่งชิงผลประโยชน์ ถึงเกิดขึ้นทุกระดับทั่วโลกตลอด ไม่ขาดยุค

ทุกศาสนาจึงนำพาศรัทธาชนให้รู้จักจัดระเบียบชีวิต ในทิศทางอันพึงประสงค์ เพราะแม้แต่ ดวงดาวทั้งหลาย บนท้องฟ้า ยังมีระเบียบโคจร โจรก็ตองมีวินัยหมู่ มีมารยาทหากินไกลถิ่น เป็นต้น คนย่อมมีวิถีมนุษย์โดยมโนธรรมสำนึก จากการศึกษา ปฏิบัติศาสนา คนจึงเหนือ กว่าสัตว์ ที่ทำตามสัญชาตญาณแบบเดรัจฉาน

อย่างไรก็ตาม บางลัทธินิยมอาจเคร่งครัดศาสนาจนเลยเถิด เช่น พวกตอลีบาน ทำให้กลายเป็นใจคอคับแคบ กระทั่งไม่เห็น หัวอกคนอื่น ตัวอย่าง ลัทธิก่อการร้าย หรือ การทำลายล้างพระพุทธรูป ล้วนไม่เป็นที่ยอมรับ ของสังคมโลก

เรื่องสุดโต่งอื่นๆ เช่น การปิดโรงภาพยนตร์ พอเปิดเป็นครั้งแรกในห้าปี ผู้ชายพากันแออัดยัดเยียด ชิงเข้าโรงหนัง ในเมืองคาบูล ๖๐๐ ที่นั่ง หลังจาก อดอยากปากแห้งมานาน การปิดกั้นโดยกดข่มบังคับลูกเดียว ย่อมเหมือนหินทับหญ้า ฉะนั้น กว่าจะหลุดพ้น ลอยตัวถาวรจริง จำเป็นต้องฝึกฝน พรากห่างด้วยบ้าง ทั้งประจักษ์แจ้ง ในโทษภัยของการหลงติด รสอร่อย พร้อมกับคุ้นเคย อานิสงส์องค์คุณ แห่งความอิสระ อยู่เหนือสัมผัส กระทั่งดูไม่ดู ทำได้ทั้งนั้น เหมือนน้ำกับใบบอน ไม่เปียกปอนด้วยเลย

สำหรับข้อห้ามกับสตรีเพศ กฎเหล็กที่คุมเข้มเกินไป คงใช้ได้ไม่นาน การปรับตัวผ่อนปรน คงจะตามมา หาจุดพอดีมากขึ้น แม้คลุมหน้า หมด ดูสุดโต่ง แต่เล่นโป๊อกเปิดสะดือ เปลือยขาอ่อน ก็เลยเถิดอีก

อย่างไรก็ตาม ที่บางลัทธิต้องพาเคร่งต่างๆ นานา หลากหลายตามภูมิปัญญาผู้นำพา นั่นเท่ากับสะท้อนให้เห็น ปัญหาทางเพศ อันควร จะต้อง จัดระเบียบ ละเอียดลออ อย่างสำคัญ

โดยเฉพาะพุทธศาสตร์ ได้ผ่าขุดถอนรากเหง้าอารมณ์ทางเพศ อันคือกิเลสตัณหาราคะให้เห็นจะจะ จนหมดเปลือก เปลือยโป๊ ยังกะอะไรดี
ในโอกาสจะเปิดสอน เพศศาสตร์ ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ในระดับปริญญาโท โดยจะรับแค่ ๑๕ คน จากผู้จบปริญญาตรีทุกสาขา นัยว่าจะมีคนสนใจเรียนเป็นร้อยๆ อาจถึงพันนั่นเทียว

หลายคนคงประหลาดใจ เพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า เขาจะสอนอะไรลึกซึ้ง ถึงไหนเชียว... คนเรียนจะต้องเชี่ยวชาญ ปฏิบัติขนาดไหน รึเปล่า...

โดยหลักสูตร ตั้งเป้าให้คนเรียนสามารถสอนวิเคราะห์ ตลอดจนสร้างหลักสูตรเพศศึกษา และเพื่อเป็นที่ปรึกษา แก้ปัญหาทางเพศ ทั้งหลายแหล่ได้

เรื่องเพศศึกษา เป็นที่รู้กันอยู่เต็มอกว่า แสนจะละเอียดอ่อนเหลือเกิน ควรหรือจะไปก้าวล่วงล้ำลึกปานใด ในเมื่อธรรมดาของคนคู่ ต้องปกปิด ซ่อนเร้น ลับเฉพาะส่วนตัว ของใครของมัน แล้วจะเอามาเปิดโปง โจ๋งครึ่ม ย่อมน่าเกลียด ขายขี้หน้า

ยิ่งเป็นเด็กไม่ทันแก่แดด ขืนให้ข้ามรุ่นรู้เกินก่อนวัย ยิ่งเท่ากับยั่วยวนชวนลอง ไม่ลองไม่รู้ ก็เสร็จเลย รับรองไปกันใหญ่ อะไรจะเหลือหลอ?

เพราะฉะนั้น ประเด็นควรชัดเจนเสียก่อนว่า จะสอนให้รู้มากล้ำไปทำไม...

กับสูตรวิธีผสมพันธุ์ คงไม่จำเป็นต้องพูดกัน ขนาดหมูหมากาไก่ยังทำเก่งได้เลย ส่วนใครจะเดี้ยงไม่รู้เดียงสา ยิ่งน่าจะเป็นบุญ คือจะได้ ไม่ต้องเปลืองตัว ให้เหนื่อยแรงเสียเปล่า ถ้าอยู่ครองโสด เบากาย สบายใจ ยิ่งง่ายดีออก อย่าให้ดีแตก หมดท่าเสียก่อน ก็แล้วกัน

ปัญหาที่ยกอ้าง อย่างเช่น สมดุลทางเพศสัมพันธ์ ฝ่ายหนึ่งอิ่มเอม อีกคนไม่ทันแอม ก็โอดครวญ ไม่รู้ไปเห่อ สิทธิเสมอภาค มาจากไหน ในเมื่อหญิงชาย ย่อมไม่เท่ากัน ตั้งแต่เกิดในท้องไส้ อารมณ์เสพสมบ่มิสม ลมๆ แล้งๆ จะเต็มที่หรือเต็มที หล่นตกหกหายอะไรบ้าง มันอนิจจัง แสนธรรมดาปกติ ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น กระดี๊กระด๊า

ยิ่งย่างวัยทอง ต้องถดถอยทางเพศ มันย่อมถูกเหตุผล โดยธรรมชาติดีแล้ว!!

เรื่องของเรื่อง ไม่รู้ว่าพากันขวนขวายเกินเหตุอันควรมากเกินบ้างหรือเปล่า ถ้าจะเอาอกเอาใจ สนองอารมณ์ ผู้หลงเพศรส แบบฉบับ กามนิยม นั่นก็เป็นแบบหนึ่ง

ผู้คนทุกวันนี้ นับว่ายิ่งหลงผิดกันเยอะเลย กับรสชาติแห่งเพศสัมพันธ์อันลวงโลก เหลวไหลสิ้นดี จนท่านว่า เป็นสุขตอแหล แต่คนมัก หมายมั่น ปั้นมือ จะได้เสพสมอารมณ์สุดยอด ดังใจหมาย ที่แท้มันแยกๆ กันอยู่นะ ระหว่างงานสืบพันธุ์กับ เกมเสพสังวาส บางคน ตั้งท้อง ออกลูกแล้วๆ เล่าๆ โดยไม่ประสีประสา กับอารมณ์วูบวาบ ชั่วไก่กระพือปีก หรืองูแลบลิ้น อะไรเทือกนั้น คือ ไม่รู้สึกสนุก ออกรสชาติ ตรงไหนเลย แม้เช่นนี้ ย่อมเป็นธรรมดาของคนปลอดอุปาทาน ไม่โดนหลอก เป่าหูปั่นหัว ให้มัวเมา

เมื่อไม่เอาอ่าวหรือรับลูกสมมติอารมณ์มายึดถือด้วยคน ใครไม่ไปติดอกติดใจอะไรด้วย มันก็ผ่านๆ ลมเพลมพัด เหมือนพลอยฟ้า พลอยฝน โดยไม่อินังขังขอบ ชอบชังใดๆ ให้ยุ่งเหยิงไม่เสร็จ

ฉะนั้น เรื่องของเพศสัมพันธ์ ที่เกิดเดือดร้อน โอดโอยกันมากมาย จนกลายเป็นข้ออ้าง เพื่อหย่าร้าง หรือสุขภาพจิตครอบครัว เลวร้ายบ้าง อะไรเหล่านี้ มันน่าคิดว่า เป็นทุกข์ที่จำเป็นต้องเกา ให้ถูกที่คันอย่างไรไฉนบ้าง....

แม้แต่ใครจะเกิดกามตายด้าน แล้วทุกข์ร้อนเหลือทน นั่นเป็นเรื่องของคนกินอิ่มเกินไป แล้วไม่มีอะไรจะทำ จึงเป็นคนจนความสุข เพราะ ขาดแคลน ความสงบแห่งจิตภายใน นับว่าน่าสังเวช แล้วจะไปมัวช่วย ให้เขาหลงกามรส หมกมุ่นเมถุน เท่ากับผลักดัน ให้เข้ารกเข้าพง หรือลงเหว ไปใหญ่เลย

ในทางพระ ถ้าสามารถทำให้กามตายด้านโดยถาวร จนกระทั่งอยู่เหนืออารมณ์สัมผัสทางเพศ ยิ่งวิเศษหลุดพ้น ซึ่งตรงข้ามปุถุชน เขากลับกลัว หมดเพศรส เพราะจะต้อง มีกามารมณ์ เป็นชีวิตชีวา

อันกามสุขนั้น ท่านว่าเหมือนพยับแดดบนถนนหน้าร้อนๆ สะท้อนเงาน้ำข้างหน้า พอเดินไปถึงที่จริงๆ บ่มิไก๊ และเจ้ากามรสนั้น มันเหมือน อร่อย แต่ก็น้อยนิด เทียบเท่ากับสุข จากการเกาขอบแผลคันๆ แค่นั้นเอง แต่พวกกลัวกามตายด้าน เพราะอยากมี แผลใหญ่ๆ เอาไว้เกาเล่น มันส์ดี กว่าจะมันส์ ก็ต้องคันก่อนนะเพื่อน....

คนเรามักไม่รู้จริงแท้ว่า เนื้อตัวเกลี้ยงเกลาเปล่า มีแผลเน่าเปื่อยเรื้อรังนั้น มันแสนสบายเบาตัว เบาใจเต็มๆ อยู่แล้ว แต่อยู่ดีไม่ว่าดี ต้องดิ้นหาสุข สนุกไม่เสร็จ พาเหน็ดเหนื่อยวันคืน

อวิชชา พาคนมืดบอดแบบนี้แหละ ทุรุนทุรายกระวนกระวายก่อนงานหนัก พอเสร็จสมอารมณ์หมาย หมดแรง ก็พักยกไป เวียนว่าย ตายเกิด ตามวิสัยของคน ที่ยังต้องมีเซ็กส์ เป็นปัจจัยที่ห้า

สรุปแล้ว ประเด็นเพศศาสตร์ ที่คิดอ่านจะสอน คนรู้น้อยให้มากรู้ คงต้องลงลึกซึ้งให้แจ่มแจ้งว่า จะหาประโยชน์ อันใดบ้าง หากจะมุ่ง ฉลองศรัทธา ของคนกิเลสหนา ตัณหาหนัก ให้เขาเพิ่มพูนราคะโทสะโมหะอีกทวีคูณ เมื่อคิดว่า นั่นเป็นความจำเริญ ของมนุษย์ชาติ ที่จะต้อง สมบูรณ์ พูนสุขอย่างว่า ตามแบบบริโภคนิยม งานบริหาร บำบัด บรรเทา เพื่อสนองกิเลสโลกียวิสัย ของปุถุชน คงดูไม่เบื่อ ตามเคย

ส่วนผู้มีวิสัยทัศน์สัมมาทิฏฐิเพียงพอประสงค์ จะเรียนเพื่อลดละหน่าย คลายราคะตัณหา ก็คงต้องเป็นหลักสูตรพิเศษ เฉพาะเพศศาสตร์ เชิงพุทธ ซึ่งเชื่อว่า จะแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญ เกินคาดทีเดียว

ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ภูมิปัญญาบุญนิยม อันพาอิสระ จากทาสกามารมณ์ ตามลำดับ ตื้นลึกหนาบาง จนจางคลายหายห่วง โดยจัดระเบียบชีวิต วิถีโลกุตรชน คนโลกใหม่

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๓๗ ธันวาคม ๒๕๔๔)