บ้านป่านาดอย
ในแต่ละวันมีงานต่องทำมาก
ก็ออกกำลังกายอย่างย่นย่อ ฝึกโยคะท่าสุริยะนมัสการ
อย่างน่อย ๓ รอบ ฝึกชี่กงก็ยืนท่าอรหันต์ให้ได้หลายๆ นาทีแรกๆ ก็ขี้เกียจ
เหมือน
คนเริ่มฝึกทั่วๆ ไป พอนานๆ ไปก็เป็นปรกติ
แม้จะอยู่กลางขุนเขาลำเนาไพรอยู่บ้านป่าอย่างผม
ก็ดีไปอย่าง ธรรมชาติ เอื้ออำนวย จึงมีท่านผู้รู้ คณะต่างๆ พากันไปใช้สถานที่
เป็นการสัมมนา ฝึกอบรม เพื่อสุขภาพ มีทั้งการ ฝึกโยคะ ฝึกชี่กง และอื่นๆ
ใครจะไปฝึกไปสอนอะไร
ผมก็เรียนตามเขาไปด้วย แล้วปฏิบัติ เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้อายุยืน
ไหนๆก็เป็นกรรมการ"ชมรมอยู่ร้อยปีชีวีเป็นสุข"หากไม่มี วิบากกรรมที่ไปทำไว้แต่ชาติปางก่อน
จะพยายามอยู่ให้ถึงร้อยปีอย่างชนิดเดินเหินได้ทำงานได้
ตอนตั้งชมรมฯขึ้นมาใหม่ๆมีคนท้วง
"อยู่ถึงอายุแค่นี้ ก็เบื่อจะตายอยู่แล้ว จะอยู่ไป ทำไม ให้ถึงร้อยปี" เราก็ถามย้อนไปว่า "ตอนนี้ใครจะอายุ แค่ไหนก็ตาม ถามจริงๆ อยากตายรึเปล่า
เอาเข้าจริง ก็อยากต่ออายุ ด้วยกันทั้งนั้น"
เนื่องจากในแต่ละวัน
มีงานต้องทำมาก ผมก็ฝึกอย่างย่นย่อ เช่นฝึกโยคะ ก็ฝึกท่า สุริยะนมัสการ
ให้ได้อย่างน้อย ๓ รอบ ฝึกชี่กง ก็ยืนท่าอรหันต์ ให้ได้หลายๆนาที แรกๆก็เหมือน
คนเริ่มฝึก ทั่วๆไป ขี้เกียจไม่อยากฝึก อยากจะล้มเลิกกลางคัน เพราะทั้งปวด
ทั้งเมื่อย ทั้งเสียเวลา พอนานๆไป ก็เป็นปรกติ
ไปช่วยทำการฝึกอบรมกัน
ที่โรงเรียนผู้นำ ชั่วนาตาปี เห็นแต่ป่า แต่เขาน่าจะไปดู ความยิ่งใหญ่
อีกอย่างหนึ่ง ของธรรมชาติ คือ ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ต้นเดือนธันวาคม
ที่ผ่านมา มีวันหยุด ติดต่อกันหลายวัน ผมพาคณะผู้ช่วยครู โรงเรียนผู้นำ
ไปประชุม และพักผ่อน ชายทะเล ๓ วัน สรุปผลการดำเนินงาน ในค่ำคืนแรก
นอกนั้นก็เป็นไป ตามอัธยาศัย ใครอยากทำอะไร ทำ
ผมเป็นทหารบก แต่ชอบทะเล
ตอนเป็นนักเรียนนายร้อย ฝึกภาคสนามในท้องทุ่ง ในป่าบนเขา ก็เท่านั้น
พอไปฝึกยกพลขึ้นบก ที่ชายทะเลสัตหีบ ก็ติดใจ
เราเลือกหาด วนกร
จังหวัดประจวบฯ เพราะประหยัด เสียเงินไม่มาก ไม่ใช่สถานที่ ตากอากาศลือชื่อ
ผู้คนไม่พลุกพล่าน พอไปถึงที่นั่น ได้ของแถม ได้ไปว่ายน้ำ ดูปะการัง
ใต้ทะเลสวยๆ และได้ไปชมน้ำตก ๘ ชั้น
ตั้งแต่เด็ก จนแก่
ไปเที่ยว ชายทะเล มาหลายแห่ง ทั้งในและต่างประเทศ ไม่มีชายหาดที่ไหน
เหมือนหาดวนกร (ตอนจบเป็น นายทหาร ใหม่ๆ เป็นชาวเกาะฮาวาย อยู่ตั้ง
๖ เดือน เที่ยวชายทะเล เป็นประจำ เพราะเกาะ โฮโนลูลู เล็กนิดเดียว ไม่รู้จะไปไหน
ตอนเรียน ปริญญาโท มหาวิทยาลัย ออกเงิน ให้เช่าบ้าน อยู่ริมทะเล เมืองมอนเตอเร
ซึ่งเป็นสถานตากอากาศ สวยงามมาก ทางฝั่งตะวันตก ของสหรัฐ)
ชายทะเลทั่วๆ ไปผมเกลียดกลิ่นคาวๆ
เกลียดลมทะเล ที่ทำให้ตัวเหนียว เหนอะหนะ หาดวนกร สะอาดเยี่ยม ไม่มีอะไรรบกวนเลย
ชายหาด เป็นทรายละเอียด สีขาว ยื่นไปไกล ในทะเล คนว่ายน้ำไม่เป็น ก็ยืนเล่นน้ำได้
ผู้ช่วยครูบางคนสงสัย
ผมอายุ ๖๗ ยืนโต้คลื่นลูกแล้วลูกเล่า ต่อเนื่องกัน เป็นชั่วโมง ได้อย่างไร
ผมฝึกชี่กง ท่ายืนอรหันต์ หายใจเข้า นำความดี และ ความแข็งแรง เข้ามาเก็บในตัว
หายใจออก ให้กิเลส และโรคภัยออกมา ทางฝ่ามือ และปลายนิ้วฝังลงไป ใต้พื้นทราย
อยู่บ้านป่านาดอยก็จริง
แต่ผมต้องพบปะผู้คนที่นั่นที่นี่อยู่เป็นประจำ
ไปพบพ่อค้าแม่ค้าที่ไหนก็ถามเขาไปเรื่อย
คำตอบที่ได้มาตรงกัน คือ "ตลาดเงียบ" คนซื้อไม่รู้ หลบไปไหน
คนขับรถแท็กซี่บ่น ผู้โดยสารหายหน้า บางครั้งขาดทุน ค่าน้ำมัน เป็นสิ่งยืนยันว่า
เศรษฐกิจยังไม่ดี
คุณประพัฒน์ โพธิวรคุณ
รองประธานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พูดผ่าน สื่อมวลชน ให้กำลังใจว่า
ขณะที่ต่างประเทศ และประเทศไทย ประสบวิกฤติเศรษฐกิจอย่างนี้ สำหรับ
ประเทศไทย การปลดคนงาน มีไม่มาก สินค้าที่เกี่ยวกับ เรื่องรถยนต์ ทำท่าจะส่งไปขาย
ต่างประเทศ ได้มากขึ้น หลังจากการ ก่อวินาศกรรม ตึกเวิลด์เทรด เราส่งอาหารไปขาย
ที่อเมริกา และ ยุโรปเพิ่มขึ้น ส่วนที่ได้รับ ผลกระทบคือ ธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน
การบิน การท่องเที่ยว และการบริการ
เมื่อสองเดือนที่แล้ว
คุณประพัฒน์ ซึ่งจะได้รับตำแหน่ง ประธานสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย
ในเร็วๆ นี้ ไปกับรองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรม ไปคุยกับผม ที่บ้านราชวัตร
อย่างสนุกสนาน เป็นชั่วโมงๆ ทั้งๆ ที่คุณประพัฒน์ ทราบดีว่า ผมตั้งหน้าตั้งตา
สนับสนุน การเกษตร ไม่ใช่อุตสาหกรรม
คุณประพัฒน์ และรองเลขาธิการ
คือ คุณนิพนธ์ สุรพงษ์รักเจริญ ต้องเดินทางไป ติดต่อกับ ญี่ปุ่นประจำ
กลับขอให้ผมพาไปรู้จัก หมอญี่ปุ่น ชื่อโทกุดะ ซึ่งผมเคย เล่าให้ทราบทาง "เราคิดอะไร" ฉบับก่อนๆ
ว่าเป็นเจ้าของ โรงพยาบาล และ คลินิก ๑๒๘ แห่งในญี่ปุ่น เคยเชิญผม และญาติ
ไปญี่ปุ่น รับการตรวจโรค จากใต้สุดถึงเหนือสุด ของญี่ปุ่นมาแล้ว
คุณประพัฒน์ คุณนิพนธ์
และผมกะจะไปประมาณเดือนมกราคมนี้ กลับจากญี่ปุ่น ผมอาจ จะมีอะไร มาเขียนเล่าเพิ่มเติม
ให้สมาชิกทราบ
การคุยกันในวันนั้น
ผมขอให้ประธานอุตสาหกรรมใหม่ สนับสนุน การทำน้ำมัน เบนซิน และดีเซล
จากพืช ออกขาย อย่างเป็นล่ำเป็นสัน จะได้ไม่ต้อง พึ่งต่างประเทศ อีกต่อไป
ขณะนี้สมาชิก "เราคิดอะไร" คงได้รับแจกปฏิทินปี ๒๕๔๕ กันมาแล้ว คนนั้น ให้บ้าง คนนี้ให้บ้าง
(ผมประกาศ ติดต่อกันหลายปีแล้ว ยังหาคนรับไม่ได้ "ใครขอสุนัขจรจัดไปเลี้ยง ถ้าขอทีเดียว มากๆ ผมจะจัดรถบรรทุก
ส่งให้ถึงบ้าน แถมแจกปฏิทินด้วย") ลองนับวันหยุด ดูสิครับ
ว่าปี ๔๕ นี้ ข้าราชการ และ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ แห่งประเทศไทย มีวันหยุดกี่วัน
นับเสร็จ จะตกใจ ๑๑๙ วันครับ
ปีหนึ่งมี ๓๖๐ วัน
เป็นวันหยุดเสียตั้ง ๑๑๙ วัน หมายถึง ทำงาน ๒ วัน หยุด ๑ วัน เช่นนี้
ไปเรื่อยๆ จนหมดปี จึงไม่ต้องแปลกใจ ทำไมเราจึงย่ำ อยู่กับที่อย่างนี้
ผมเปรียบเทียบให้นักเรียนผู้นำฟังเสมอๆ
ว่า เรื่องงานเรื่องการ คนไทยไม่เอาไหน อาทิตย์หนึ่ง ทำงาน ๓๕ ชั่วโมง
ประเทศอื่น อย่างเช่น เกาหลีใต้ ทำงาน ๕๕ ชั่วโมง เราจะไปแข่ง กับใครเขาได้
หันมาดู ทางสภา สถาบันผู้ทรงเกียรติ
ซึ่งเพิ่งปิดสมัยประชุมสภาไป เมื่อเร็วๆ นี้ ไปประชุม ไม่ครบ จำนวน
ต้องล้มเลิกกลางคัน ครั้งแล้วครั้งเล่า มีกฎหมาย สำคัญๆ รอการพิจารณา
อีกหลายฉบับ
มีข่าวว่า คุณอุทัย
พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ได้กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวว่า
ต่างประเทศ เขาถือองค์ประชุม ๑ ใน ๓ (ถ้าสมาชิกสภามี ๓๐๐ คน มีผู้เข้าประชุม
๑๐๐ คนขึ้นไป ก็ใช้ได้) แต่ของเราถือกึ่งหนึ่ง (คือต้อง เข้าประชุม
ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด) จึงไม่ใคร่ครบ
ถ้าประธานสภาฯ กล่าวเช่นนั้นจริง
ก็น่าคิด ทุกคนรู้ว่า หน้าที่หลักของ ส.ส. และ ส.ว. คือการเข้า ประชุมสภา
เลือกเข้ามาแล้ว ไม่ทำหน้าที่ ก็ไม่รู้จะมีไปทำไม
อีกเรื่องหนึ่ง กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่
เมื่อเร็วๆ นี้ มีนักการเมืองคนหนึ่ง เล่าให้ผม ฟังว่า เพื่อนชาวเขมร
เดินทางมาเมืองไทย บ่น สิ่งที่คนไทย หลายคนไม่ทันคิด "เมืองไทยมี
ศูนย์การค้า มากเกินไป (โดยเฉพาะห้างใหญ่ๆ ของต่างชาติ)" เมื่อตามเขา ไปเที่ยวเขมร ก็พบว่าประเทศเขา ไม่มีศูนย์ การค้าใหญ่ๆเลย
มีแต่ ร้านค้าปลีก เล็กๆ เหมือนเมืองไทยโบราณ
เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนตอนไปเรียนที่อเมริกาครั้งแรก
ผมตื่นตาตื่นใจ กับศูนย์การค้า ของเขา
เข้าไปใน ศูนย์การค้า ทั้งเย็น ทั้งพบสินค้า จัดไว้สวยงาม สะดวกสบาย
ไปที่เดียว ซื้อของได้ ครบทุกอย่าง มาวันนี้ กลายเป็นเรื่องน่าตกอกตกใจ ของคนไทย ที่ห่วงชาติ
ต่างประเทศเขามีกฎหมาย
ห้ามสร้าง ศูนย์การค้าใหญ่ๆ เพิ่ม อย่างเช่น ห้างคาร์ฟูร์ ที่คนไทย
หลายคนชอบ คาร์ฟูร์เกิดในฝรั่งเศส แต่ที่ฝรั่งเศส มีเพิ่ม ไม่ได้ ต้องระเห็ดระเห
เร่ร่อน มาหากิน กับประเทศที่ล้าหลัง อย่างเมืองไทย
ห้างใหญ่ๆ ลดราคาสินค้า
ถล่มอย่างแหลกลาญ เสียพักเดียว ร้านเล็กร้านน้อย เจ๊งหมด เมื่อเจ๊ง
เรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นราคา ตามใจชอบ โกยเงินกำไร กลับไป ประเทศเขา
คนไทยกำลัง จะเปลี่ยนฐานะ จากเจ้าของร้าน เป็นลูกจ้าง แล้วก็เป็นได้
ไม่หมดด้วย เขาจ้างคนจำนวนน้อยๆ จะได้กำไรมากๆ
เมื่อทราบว่า จะมีการออกกฎหมายมาควบคุมห้างใหญ่ๆ
(ของต่างชาติ) และคุ้มครอง ร้านไทย เล็กๆ ต่างชาติก็ระดม สร้างศูนย์การค้า
อย่างเร่งรีบ ในหลายจังหวัด
กาญจนบุรีอยู่ในจำนวนนั้นด้วย
ห้างโลตัสซื้อที่ดิน ๓๕ ไร่ตรงข้าม โรงพยาบาล ประจำจังหวัด เดิมนายกเทศมนตรี
จะลงนาม อนุญาตการก่อสร้าง เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคมที่ผ่านมา ประชาชน
รวมตัว คัดค้าน จึงเลื่อนการพิจารณาอนุญาต ออกไปอีกเดือนครึ่ง
ระยองก็โลตัสอีกเช่นกัน
กำลังจะสร้างที่หน้าโรงแรมสตาร์ กลางใจเมือง เจ้าของร้านค้าย่อย และชาวเมืองระยอง
พากันไปพบ ประธานหอการค้า ให้ช่วยต่อต้าน กับทั้งได้ทำหนังสือคัดค้าน
ส่งไปยัง สำนักงานใหญ่โลตัส ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกด้วย
ในฐานะที่อาศัย
อยู่ในเมืองกาญจน์ ด้วยคนหนึ่ง ผมโทรศัพท์หารือ กับคุณโสภณ สุภาพงษ์
ครูโรงเรียนผู้นำ คนหนึ่งว่า จะเสนอ ให้ชาวบ้าน คัดค้านอย่างไรดี จึงจะได้ผล
ก็ได้รับคำตอบทันที
"คุณพีรพล นายกเทศมนตรีขอนแก่น ศิษย์โรงเรียนผู้นำ กำลังคัดค้าน
ที่ขอนแก่น มีทีท่าว่า จะทำสำเร็จครับ"
ผมจึงถึงบางอ้อ รีบแจ้งให้ผู้นำการคัดค้าน
ติดต่อกับคุณพีรพลโดยตรง เพื่อนำ วิทยายุทธ์ จากขอนแก่น ไปใช้ที่เมืองกาญจน์
ก่อนจะหารือกับ ครูโสภณ
รองเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี (พลโทปรีชา วรรณรัตน์) ซึ่งเคย รับราชการ
ในกองพลทหารราบที่ ๙ กาญจนบุรีมานาน ก็ต่อโทรศัพท์ ให้ผมพูด กับครู
โรงเรียนผู้นำ อีกท่านหนึ่ง คือ ดร.ปุระชัย
ครูปุระชัยบอกว่า
ตามตัวบทกฎหมาย ที่เรามีอยู่ ขณะนี้ กระทรวงมหาดไทย ไปห้ามอะไร เขาไม่ได้
เคยเสนอรัฐมนตรีพาณิชย์ ให้รีบนำเข้าพิจารณา ในคณะ รัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหานี้
แต่ยังไม่คืบหน้า
ส่วนนายกฯทักษิณนั้น
ท่านก็เห็นด้วย กับแนวความคิดที่ว่า ถ้าศูนย์การค้าใหญ่ๆ ของต่างชาติ
สร้างเสร็จ ยิ่งแก้ไขยาก แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร เพิ่มเติมจากนั้น
รัฐบาลที่แล้ว ได้ออกกฎหมาย
เอื้ออำนวย ประโยชน์ต่างชาติ อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ เพื่อหวังเอาใจ
ดึงให้มาลงทุนในไทย อาจจะลืมคิดไปว่า เป็นการดึง ให้มาโกยกำไรจากไทย
และทำลาย ธุรกิจรายย่อย ของคนไทย จนหมดสิ้น
เป็นนายกฯ ยามนี้ก็เสมือนคนเข้ามาอาสาพายเรือ
ที่กำลังรั่ว จะจมไม่จมแหล่ มือหนึ่งพาย มือหนึ่งวิดน้ำ จะไปถึงที่หมายหรือไม่
และเมื่อไร ยังเป็นเป็ญหา
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๓๘ มกราคม ๒๕๔๕) |