หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

อันตรายในการบวช!!!

อย่าไว้ใจทาง
อย่างวางใจพระ (นะฮะ)
อย่าวิสาสะกะเทย...

ดูจะเป็นค่านิยมที่นับวันๆ จะจัดงานกันมากขึ้น นั่นก็คือ การบวชเณรภาคฤดูร้อน ซึ่งนับว่าเป็นความปรารถนาดี ของทุกๆ ฝ่าย ที่จะให้เด็กๆ ได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตรŒ แต่ในความปรารถนาดีนี้ ได้พิจารณากันบ้างไหมว่า ได้ไม่คุ้มเสียหรือเปล่า? การเอาผ้ากาสาวพัสตร์ ซึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์ มาให้เด็กนุ่งห่มกัน มันจะทำให้ศาสนา เป็นของเล่นๆ เหมือนเล่นลิเก ที่สมมตินาม ไปตามท้องเรื่องไหม? และที่สำคัญ เมื่อเด็กถูกจับให้บวชแล้ว เขาต้องไป ผจญภัยอะไรบ้าง? หรือถูกนำไปเป็นเครื่องมือ ในการขอรับบริจาคเงินทองข้าวของ ให้แก่ผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าไม่รีบแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ เราก็คงจะได้พบกับข่าว ที่เศร้าสลดต่อไปนี้ อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า....

เริ่มต้นจากความปรารถนาดี ของทุก ฝ่าย
อะหัง ภันเต สะระณะ สีลัง ยาจามิ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต สะระณะ สีลัง ยาจามิ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต สะระณะ สีลัง ยาจามิ

เสียงเปล่งวาจาขอสรณะและเสียงดังกังวานอยู่ภายในหอประชุม ฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม แทบไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่น่าศรัทธาเหล่านี้ เป็นพลังจากเด็กชายวัยเยาว์ ๔๖ ชีวิต ที่เป็นนักเรียนชั้น ป.๑ ถึงชั้น ม.๓ จำนวน ๑๒ โรงเรียนในรอบๆ อำเภอ ที่สละเวลาวิ่งเล่นสนุกสนานตามวัย มาร่วมครองตน เป็นสามเณร

นี่เป็นเพียง ๑ ใน ๑๗ วัดทั่วประเทศที่ทางสถาบันสวัสดิการและพัฒนาการเด็ก มูลนิธิเด็กได้เป็นสะพาน ต่อความช่วยเหลือ สนับสนุนปัจจัย ในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน

การจัดกิจกรรมบรรพชาสามเณรฤดูร้อน นอกจากความตั้งใจต้องการช่วยเหลือ เด็กด้อยโอกาส ที่ส่วนหนึ่ง ฐานะ ครอบครัวที่ยากจน เมื่อเรียนจบประถมศึกษาแล้ว หมดโอกาส ในการศึกษาทางโลก จึงหันสู่อ้อมอกเมตตา แห่งพระศาสนา ด้วยการเลือกประเพณีการบวชเป็นสามเณร เพื่อศึกษาหาความรู้ ยังเป็นโอกาสที่ดี สำหรับเด็ก และ เยาวชนทั่วไป ที่จะมีสักช่วงเวลาในชีวิต ได้ถูกกล่อมเกลา ปลูกฝังสั่งสอนให้รู้จักตนเอง และเป็นเด็กที่รู้จักคำว่า คุณธรรมดีงาม แม้จะช่วงเวลาสั้นๆ (น.ส.พ. มติชน ๑๙ เมษายน ๒๕๔๕)

อันตราย อันตราย อันตราย
สลดเด็กชายอายุ ๑๒ ปี ตกเป็นเหยื่อพระตุ๋ย ฉวยโอกาสตอนพ่อแม่พาเด็กไปบวชเป็นสามเณร เมื่อ ๒ ปีก่อน บังคับ อัดถั่วดำ จนติดเชื้อเอดส์ กว่าพ่อแม่จะรู้ว่าสายเกินแก้

พ่อแม่หัวใจสลาย ลูกชายโทนวัย ๑๒ ปี ถูกพระหื่นอัดถั่วดำ ขณะไปบวชเป็นสามเณร
จนติดเชื้อเอดส์ นับเวลาถอยหลัง รอวันตาย แจ้งตำรวจรวบตัวมาดำเนินคดี เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา ๑๙.๐๐ น. วันที่ ๑๘ เม.ย. นายแก้วและนางหน่อย (นามสมมติ) เดินจูงมือ ด.ช.เก่ง (นามสมมติ) อายุ ๑๒ ปี บุตรชาย ปัจจุบัน เป็นนักเรียน ชั้น ป.๖ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต. เทอดศักดิ์ บุญโชติ สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองอุดรธานี ระบุว่า ด.ช.เก่ง ถูกพระสมพงษ์ เตชปัญโญ อายุ ๓๕ ปี พระลูกวัดโพธิ์ชัย หรือวัดบ้านเดื่อ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี กระทำชำเราทางทวารหนัก จนติดเชื้อ เอชไอวี หรือเอดส์ พร้อมกันนี้ นางหน่อย ได้แสดงใบตรวจเลือด จากคลินิกนิรนาม ร.พ.ศูนย์อุดรธานี ระบุว่า ด.ช.เก่ง ติดเชื้อโรคร้ายดังกล่าว และ จากการตรวจสอบ ตามตัวของ ด.ช.เก่ง พบว่ามีตุ่มหนอง ผุดขึ้นทั่วร่างกาย สร้างความเวทนา ให้แก่ผู้พบเห็น เป็นอย่างมาก

นางหน่อยกล่าวต่อไปว่า หลังทราบผล ก็พาลูกชายกลับบ้าน เค้นถามอยู่นาน จนกระทั่งทราบว่า เหตุเกิดเมื่อเดือน เม.ย ๒๕๔๓ ขณะนั้น ด.ช.เก่ง อายุแค่ ๑๐ ขวบ ได้พาไปบวชเป็นสามเณรภาคฤดูร้อน ที่วัดโพธิ์ชัย โดยลูกชาย และสามเณรอีกรูป จัดให้พักอยู่ในกุฏิพระสมพงษ์ คืนแรกลูกชายก็ถูกพระสมพงษ์ บังคับทำอนาจาร และข่มขืน
ทางทวารหนัก จนสำเร็จความใคร่ ๑ ครั้ง ทั้งนี้พระสมพงษ์ ได้ข่มขู่ห้ามไม่ให้ลูกชาย นำเรื่องไปเล่า ให้คนอื่นฟัง รวมทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง หากไม่เชื่อฟังจะถูกฆ่าทิ้ง ช่วงระยะเวลาที่บวชเป็นสามเณร นานประมาณ ๑ เดือน ลูกชายถูกพระสมพงษ์ ทำอนาจารประมาณ ๕-๖ ครั้ง โดยสามเณรอีกรูป ที่พักอยู่ร่วมกุฏิ ก็ถูกกระทำ แบบเดียวกัน

"ไม่คิดเลยว่า จะเป็นคนผลักไสลูกให้ไปตกนรกทั้งเป็น ถูกพระซึ่งทำหน้าที่พี่เลี้ยง ข่มขืนจนติดโรคร้ายแรง อีกไม่กี่วัน จะเปิดเทอม ลูกชายจะได้เลื่อนขึ้นชั้น ม.๑ ซื้อเสื้อผ้าและของใช้เอาไว้ให้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้ วันที่ ๒๓ เม.ย. แพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี นัดให้ไปรับยา ได้แต่ภาวนาว่าขอให้มียารักษาโรคนี้ได้สำเร็จเร็วๆ" นางหน่อยกล่าว ทั้งน้ำตา ประคองกอด ด.ช.เก่ง เอาไว้แนบอก ทำเอาผู้ที่มาติดต่อราชการบางคน ซึ่งทราบเรื่องราว ถึงกับน้ำตาซึม ด้วยความสงสารจับใจ

นายสมพงษ์ โคตรภักดี หรืออดีตพระสมพงษ์ ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้านว่า มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ทางเพศ มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น พยายามปิดบังไม่ให้คนภายนอกรู้ จนกระทั่ง ถูกผู้ปกครองบังคับ ให้บวชเป็นพระ หวังให้ธรรมะ ขัดเกลาจิตใจ นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังกลายเป็นช่องทาง ให้แอบมั่วสุมเสพสุข กับพวกไม้ป่า เดียวกัน มาตลอด ภายหลังได้รับความไว้วางใจ จากเจ้าอาวาส ให้ดูแลสามเณรบวชใหม่ จึงฉวยโอกาส บังคับ กระทำชำเรา สามเณรมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๐ ราย รวมทั้งรายของ ด.ช.เก่ง ด้วย แต่จำไม่ได้ว่า ทำไปคนละกี่ครั้ง

นายสมพงษ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะบังคับขืนใจสมเณรในวัดแล้ว บางครั้งยังแอบหนีไปมั่วกับผู้ชาย ขายบริการด้วย (น.ส.พ. ไทยรัฐ ๒๐ เม.ย. ๔๕)

ความจริงข่าวคาวเช่นนี้ ไม่ใช่เพิ่งมาเปิดเผยกัน ปีที่แล้วคณะผู้ปกครองที่ จ.นครปฐม ก็พากันร้องเรียน พระระดับ
เจ้าคุณ ที่กระทำมิดีมิร้ายกับเด็ก ที่ไปบวชอยู่หลายคน แต่สุดท้าย เรื่องก็เงียบหายไป สิ่งที่ผู้ปกครอง ทั้งหลาย จะระมัดระวัง ก็คือ วัดเป็นที่สำนักเรียนทั้งหลาย ซึ่งจะมีเด็กผู้ชายวัยละอ่อน ไปอยู่รวมกันมากๆ มักจะมีพวกลักเพศ ไปดักคอยแอบลิ้ม ชิมลองของฟรี แถมบริสุทธิ์สดใส ชวนให้น้ำลายหก น้ำลายย้อยกันอีกต่างหาก และส่วนใหญ่ พวกจิตวิปริต ที่ไปลักเอาเพศพระ มาหลอกลวงเหล่านี้ ก็มักจะมีตำแหน่งอำนาจ หรือมีอิทธิพล อยู่ในวัดพอสมควร จนไม่มีใครกล้าหือ กล้าอือขึ้นมา

ถ้าขณะนี้ใครมีลูกหลานอยู่ในวัด ก็คงต้องระมัดระวังสังเกตดูด้วยว่า ไปอยู่ใกล้พระ ที่ดูกระตุ้งกระติ้งหรือเปล่า หรือ พวกลักเพศบางคน ก็สามารถกลบเกลื่อนได้แนบเนียน เหมือนผู้ชายเต็มร้อย ก็ต้องคอยสังเกต ลูกหลานของเรา เอาเองว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่? และถ้าจะให้ดี มีการจัดระเบียบกะเทย และพวกลักเพศนี้ ให้ออกจากวัด เสียได้ ก็จะเป็นมหาบุญ มหากุศล ทำให้ชีวิตพรหมจรรย์ของพระเณร พ้นเส้นอันตราย ไม่ต้องพากันปาราชิก แบบถูกข่มขืน
ทั่วหน้า อีกต่อไป.

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕)