ฝุ่นฟ้าฝากฝัน
ฟอด เทพสุรินทร์
ใจหาย
สามปีกว่าที่อารีกับสามีได้เข้ามาอยูบ้านเช่า
ในเมืองกรุง แม้จะแออัดมากด้วยฝูงชน และหนาทึบไปด้วยหมอกควัน แต่อารีก็พยายามปรับตัวจนคุ้นเคย
อ้อมลูกสาวคนโตวัยสองปีกว่ากำลังน่ารัก
มักชอบออกไปเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น อายุพึ่งจะได้
แค่สิบเดือน ชอบร้องไห้งอแง ให้แม่อุ้มอยู่ไม่วาง
นิพนธ์ สามีถึงแม้จะเรียนจบจากวิทยาลัยครู
แต่ก็เลือกทำงานในบริษัทเพราะเงินเดือนสูงกว่า
ในช่วงหนึ่งปีหลัง นิพนธ์ได้หลงติดการพนันหนัก
จนเงินที่จะมาจุนเจือครอบครัวขาดๆ เขินๆ อารีเคยบ่นบ่อยๆ บอกให้สามี
หยุดเล่นการพนันแต่ก็ไร้ผล มนตของเกมการพนันนั้นขลังนัก คอยดึงดูดจิตใจของนิพนธ์
ให้ถลำออกไป เล่นเสียแทบทุกครั้ง เมื่อเงินค่าแรงออก
วันนี้เงินโบนัสประจำปีจะออก พนักงานทุกคนจะได้รับกัน
อารีรูดีว่า สามีคงจะเอาเงินโบนัสไปเล่นพนันเป็นแน่
ใกล้ค่ำนิพนธ์ยังไม่กลับมา อารีพาลูกอ้อม
คนโตไปฝากไว้กับเพื่อนในบ้านเช่า ที่คุ้นเคยกัน แล้วตัดสินใจ อุ้มลูกน้อย
ขึ้นรถเมล์ ตรงไปบริษัทที่สามีทำงานอยู่ทันที
อารีเดินไปตามทางที่ยามชี้บอก บริเวณนั้นมีรถยนต์หลายคันจอดปิดบังเอาไว้รอบๆ
อารีอุ้มลูกเดินเข้าไป มองเห็นสามี กำลังนั่งแจกไพ่ ด้วยสีหน้าเครียด
บ่งบอกถึงอาการของคนที่กำลังเสียเงินอย่างชัดเจน อารีร้องเรียก "พี่นิพนธ์"
แล้วสะอื้นไห้ นิพนธ์ผงะวางไพ่ลงรีบลุกออกมา "มีอะไรก็กลับไปคุยกันที่บ้านเรา"
พร้อมจับแขนภรรยา พามายัง ริมถนน นิพนธ์ขอลูกน้อยมาอุ้มแต่อารีไม่ให้แล้วบอกว่า
"พี่ข้ามไปก่อนฉันจะข้ามตามหลังไป" นิพนธ์เดินข้ามไป จนถึงอีกฟากหนึ่ง
หันกลับมายังเห็นอารียืนอุ้มลูกอยู่ที่เดิม "อ้าว ทำไมไม่ข้ามมาประเดี๋ยว
รถก็ชนตายหรอก" ความคิดอันเลวร้าย เข้ามาครอบงำจิตใจของอารี จะกระโดดให้รถชนตาย
ประชดสามี ให้รู้เสียว่า เขารักการพนัน มากกว่าลูกเมีย "พี่จงมองฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ"
อารีนึกอยู่ในใจ แล้วจ้องเลือกรถว่า จะเอาคันไหนดี มองเห็น รถสิบล้อ
วิ่งห้อมาแต่ไกล ก็หมายเอารถสิบล้อคันนั้น ทันทีทันใดนั้น ก็หวนคิดถึงลูกอ้อม
ที่ฝากเพื่อน ข้างห้องไว้ "หากแม่ตายไปลูกอ้อมคงร้องไห้หาแม่ลูกคงขาดแม่
ฉันยังตายไม่ได้" สิบล้อผ่านไป นิพนธ์ข้ามถนน กลับมาแย่ง เอาลูกน้อยไปอุ้ม
แล้วพูดว่า "รีบเดินตามพี่มา เดี๋ยวรถก็ชนตายเอาหรอก"
ถึงห้องพัก อารีโผเข้าไปกอดลูกอ้อม
ร้องไห้สะอึกสะอื้น หากเธอไม่คิดถึงลูกอ้อม ป่านนี้คงจะตาย อยู่กลางถนน
เป็นแน่ นิพนธ์มองเห็นภรรยาร้องไห้ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ อุ้มลูกน้อย
ยืนหลังพิงฝาบ้านเช่า ตาจ้องผู้คนในซอย ที่เดินเข้าออก อยู่ไม่ขาด
ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา สามปีกว่าแล้ว ที่เราทำงานอยู่กับบริษัท ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
ถึงรายได้จะสูง แต่นักเล่นก็มีอยู่มาก เรากลับไปสอบบรรจุ เป็นข้าราชการครู
อยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย บ้านไม่ได้เช่า ข้าวไม่ได้ชื้อ คงจะดีกว่าเป็นแน่
ไม่ทันสามเดือนความหวังของนิพนธ์ที่อยากจะเปลี่ยนงานไปรับราชการครูก็มีแวว
เมื่อทางจังหวัดบ้านเกิด ได้เปิด รับสมัคร สอบบรรจุครู เพิ่มอีก ๘๐
อัตรา
นิพนธ์ตัดสินใจพาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านแม่ยายทันที
เมื่อประกาศผลการสอบบรรจุครูใหม่ออกมา
นิพนธ์สอบได้อันดับที่ ๓๕ ทางสปจ. จึงได้เรียกเข้าบรรจุ รับราชการครู
ในช่วงเวลา ที่ไม่นานนัก
แม้นิพนธ์จะได้ทำงานเป็นแม่พิมพ์ของชาติ
แต่นิสัยติดเกมการพนันไม่เปลี่ยนแปลง ในเมืองกรุง นิพนธ์เคยเล่น จำกัด
อยู่ในวงแคบ โอกาสกู้หนี้ยืมสินกันจึงมีน้อย แต่ในชนบทนั้น โยกย้ายไปเล่นกันหลายจุด
และยิ่งเป็น ข้าราชการ ด้วยแล้ว จะยืมเงินกับชาวบ้านมาเล่นพนันก็ได้ง่าย
เพราะชาวบ้านเกรงใจ
แม้จะมีหนี้ท่วมท้น แต่ครูนิพนธ์ก็ออกไปหาปลาในอ่างเก็บน้ำใกล้หมู่บ้าน
มาเลี้ยงครอบครัว ให้อิ่มท้องได้ทุกวัน
ช่วงครูนิพนธ์ไปสอนนักเรียน ชาวบ้านมักจะทยอยมาทวงถามหนี้กับอารี
เป็นประจำ ไม่กล้ามาทวงหนี้ ตอนครูนิพนธ์ อยู่บ้าน สร้างความหนักใจเป็นทุกข์กังวล
จนอารีซูบผอมลง ยามเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างเดิน หลบหน้า กลัวว่าจะขอ
หยิบยืมเงิน หลายคนแอบซุบซิบนินทา อารีรู้สึกหดหู่จริงๆ
ความคิดเลวร้ายเข้ามาครอบงำจิตใจของอารีอีกครั้ง
"เราจะฆ่าตัวตาย ให้มันพ้นไปจากความทุกข์เสียที ชาวบ้าน ที่เคยนินทาเรา
จะได้หยุดเสียที แต่เราจะตายแบบไหนกันล่ะ ผูกคอตายนั้นไม่เอา ห้อยต่องแต่ง
ดูแล้วทุเรศสิ้นดี กินยาพิษดีกว่า แต่มันจะไม่ตายทันทีเลย หากมีคนมาพบนำไปส่งโรงพยาบาล
เราอาจไม่ตายก็ได้ ยิ่งจะขายหน้า กันไปใหญ่" อารีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
แล้วแผนการฆ่าตัวตายก็กระจ่างชัด "ในตอนเที่ยงทุกวัน ลูกทั้งสอง
จะนอนหลับ พอลูกตื่นขึ้นมา เราคงจะตายไปแล้วหละ แต่พี่นิพนธ์จะขับมอเตอร์ไซค์
มากินข้าวเที่ยง ที่บ้านทุกวัน เราต้องให้ พี่นิพนธ์ ห่อข้าวเอาไปกิน
ที่โรงเรียนดีกว่า"
เจ็ดโมงกว่าอารีจัดข้าวพร้อมอาหารแห้งห่อใสุถุงเรียบร้อย
"พี่ตะวัน วันนี้พี่ไม่ต้องกลับ มากินข้าวที่บ้านก็ได้ ฉันกลัว
พี่จะลำบาก เทียวไปเทียวมา ฉันห่อข้าวให้เอาไปกินที่โรงเรียน จะได้ง่ายขึ้น"
นิพนธ์ไม่คิดสงสัยอะไรแม้นิด รับเอา ห่อข้าว แล้วขับรถออกไป
อารีรีบไปหาซื้อยาฆ่าแมลงชนิดผง
พร้อม มะพร้าวห้าวอีกลูกกลับมาเตรียมไว้
ใกล้เที่ยงลูกน้อยทั้งสองกินข้าวอิ่มก็พากันนอนหลับพักผ่อนเช่นทุกวัน
อารีผ่ามะพร้าว แล้วขูดเอาเนื้อมะพร้าว คลุกกับ ยาฆ่าแมลง คิดว่าเมื่อกินเข้าไป
กว่าจะมีคนมาพบ คงตายสนิทแล้ว อารีเอาช้อน ตักมะพร้าว คลุกยาพิษ จะใส่ปาก
ทันใดนั้น เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของสามีก็ดังขึ้น และมาจอดที่หน้าบ้านพอดี
"อารี หาทะเบียนบ้าน ให้พี่หน่อย พี่จะเอาไปทำเรื่อง ยืมเงินสหกรณ์ครู"
อารีตื่นจากภวังค์อันชั่วร้าย จัดแจงหา สำเนาทะเบียนบ้าน ให้สามี แล้วรีบเอายาพิษ
ไปฝังดินที่ริมรั้ว กลับมากอดลูกร้องไห้โฮ
๒๕ ปีมาแล้ว อารีนึกถึงความหลังใจก็หายวูบ
หากไม่ได้พบกับพระท่าน ที่ได้เทศน์โปรดชี้แนวทาง เธอและสามี จนเห็นธรรม
คงคิดฆ่าตัวตาย ครั้งที่สามสี่อีกเป็นแน่ และคงจะไม่มีวันเกิดปัญญารู้ว่า
เหล่าสัตว์โลกนั้น ก็ล้วนเกิด มาใช้กรรม
หากด่วนตายไปก่อน ที่จะได้สร้างคุณงามความดี เอาไว้เป็นทุน แล้วจะเกิดมาในร่างอะไร?
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๔๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕)
|