หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ชีวิตไร้สารพิษ - ล้อเกวียน -
องค์กรเพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ

องค์กรของชุมชน ควรเป็นองค์กรภายในชุมชนที่มีกฎหมายรองรับ การจัดองค์กร ของชุมชน ในรูปของธุรกิจ จะไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากระบบธุรกิจมีเงินเป็นตัวกลาง แต่องค์กรของชุมชน ซึ่งอาจจะมีวัด โรงเรียน มูลนิธิ หรือสมาคม ที่เป็นองค์กรการกุศล เป็นนิติบุคคล มีคณะกรรมการฝ่ายจัดการ กำหนด หน่วยกลาง การแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการ ซึ่งเจ้าของเป็นผู้กำหนด ราคาเองโดยไม่ต้อง อาศัยระบบ เงินตราของรัฐ

ตัวอย่าง เช่น ในชุมชนหนึ่ง คณะกรรมการฝ่ายจัดการ กำหนดเรียกระบบการแลกเปลี่ยนสินค้า และ บริการว่า "หน่วย" สมาชิกในชุมชนก็จะกำหนดอัตราสินค้า และการบริการของตนเป็น "หน่วย"
เช่น เจ้าของข้าวเปลือก ก. กำหนดราคาข้าวเปลือกของตัวเป็น ๑ กก. เท่ากับ ๑ หน่วย
เจ้าของข้าวเปลือก ข. กำหนดราคาข้าวเปลือกของตัวเองเป็น ๑ กก. เท่ากับ ๑.๕ หน่วย
เจ้าของข้าวเปลือก ค. กำหนดราคาข้าวเปลือกของตัวเองเป็น ๑ กก. เท่ากับ ๐.๘ หน่วย
เจ้าของข้าวโพด ก. กำหนดราคาข้าวโพดของตัวเองเป็น ๑ กก. เท่ากับ ๑ หน่วย
เจ้าของข้าวโพด ข. กำหนดราคาข้าวโพดของตัวเองเป็น ๑ กก. ๑.๕ หน่วย
เจ้าของข้าวโพด ค. กำหนดราคาข้าวโพดของตัวเองเป็น ๑ กก. เท่ากับ ๐.๘ หน่วย
ผู้บริการตัดผม ก. กำหนดค่าบริการ ๑ หัว เท่ากับ ๑ หน่วย
ผู้บริการตัดผม ข. กำหนดค่าบริการ ๑ หัว เท่ากับ ๑.๕ หน่วย

ผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าอย่างอื่น หรือผู้ให้บริการอื่น ก็จะตัดสินใจ เลือกซื้อสินค้า ที่ตนต้องการ จากบุคคลที่ตนพอใจ หรือ เลือกรับบริการ จากบุคคล ที่ตนพอใจ เช่น ซื้อข้าวเปลือก จากเจ้าของข้าวเปลือก ค. เพราะราคาถูกแค่ ๐.๘ หน่วย หรือเลือกตัดผมกับผู้บริการตัดผม ก. เพราะเสีย ค่าบริการเพียง ๑ หน่วยเท่านั้น ส่วนหน่วยกลาง หรือเหรัญญิกขององค์กร จะทำการบันทึก การรับการจ่าย หรือการเพิ่ม การลดหน่วย ของแต่ละคน เหมือนทำบัญชีธนาคาร ในระบบที่ธุรกิจการเงินเขาทำ พ่อค้า คนกลาง จะหมดไป ทุกคนที่ทำงานภายในชุมชน จะมีกิน และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ กำไร หรือ ส่วนเหลือ ก็จะเข้ากองทุนของชุมชน เพื่อกิจการร่วม หรือเพื่อจัดหาสิ่งของ ที่ต้องการใช้ร่วมกันได้ จะทำให้เกิดระบบ การดำรงชีวิต โดยไม่ต้องแสวงหาเงิน และไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ ของคนกลาง การผลิต การแปรรูป อาจจะเกิดในระบบการรวมกลุ่มได้ โดยธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นผลให้เกิด การจัดตั้งองค์กร หรือ สถาบัน นิติบุคคล ตามกฎหมายได้ ในภายหลัง ซึ่งอาจจะเป็น สถาบันการเงิน ที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ หรือที่ดินก็ได้

ในทุกประเทศที่เพอร์มาคัลเชอร์เข้าไปเผยแพร่นั้น เหล่ากลุ่มที่สนับสนุนการเกษตรแบบ เพอร์มาคัลเชอร์ จะจัดตั้งสถาบัน ของตนเองขึ้น เผยแพร่ความรู้และเอกสาร รวมทั้งจัดตั้งกองทุน ของกลุ่มขึ้น อย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย ในชุมชนเล็กๆ อาจจะเริ่มด้วย ระบบการรวมทุนของตนเอง ที่เรียกว่า "Cover trust" โดยใช้องค์กร ของชุมชน เช่น วัด หรือมูลนิธิ หรือ องค์กรการกุศล ที่มีอยู่แล้ว เป็นผู้ดำเนินการ มีเป้าหมาย เพื่อสาธารณ ประโยชน์ และการพัฒนา ชุมชนในแง่ต่างๆ ในองค์กรจะมีคณะผู้บริการ มีข้อบังคับ และมีผู้จัดการ เราอาจจะเรียกสถาบัน ของเราว่า "สถาบันเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ ระบบการดำรงชีวิต และ การผลิตแบบ เพอร์มาคัลเชอร์" ก็ได้ และเราต้องกำหนดองค์กร นิติบุคคล ประเภทเดียวกัน เป็นทายาท เพื่อป้องกัน มิให้กรรมการ จัดการแบ่งทรัพย์สิน แล้วล้มเลิกมูลนิธิ วิธีนี้เป็นวิธีที่ เราจะมีความสุขได้ โดยไม่ต้อง มีเงินสักแดงเดียว

การจัดสถาบัน และกองทุนของเรา จะต่างจากการจัดการ ขององค์กรธุรกิจ เนื่องจากคณะกรรมการ บริหารธุรกิจ ไม่มีข้อบังคับเป็นกรอบ คณะกรรมการโดยเฉพาะประธาน มักจะเป็นผู้ที่ลงทุนมากที่สุด ในธุรกิจนั้น จึงต้องควบคุมนโยบาย และการจัดการให้ได้ผลประโยชน์ ต่อธุรกิจนั้นๆ มากที่สุด

สมาชิกขององค์กรเกษตร อาจจะรวมตัวกันขึ้น จัดตั้งเป็นสหกรณ์ ซึ่งจะสามารถเช่าซื้อที่ดินว่างเปล่า ทิ้งไว้โดย ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร มาทำการผลิต ระบบเพอร์มาคัลเชอร์ นอกจากสหกรณ์ผู้ผลิตแล้ว การจัดตั้ง สหกรณ์ผู้บริโภค ก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อสร้างระบบตลาดขึ้น โดยไม่ต้องถูกกดขี่ จากพ่อค้า คนกลาง

ขั้นต่อจากการผลิตและการบริโภคของสด เราจะต้องเตรียม แผนการแปรรูป เพื่อสงวนรักษา ผลิตผล การเกษตรของเรา การแปรรูปนี้อาจจะเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมในชุมชนก่อน เมื่องานขยายขึ้น ก็อาจจะทำ ในระบบธุรกิจย่อย หรืออุตสาหกรรมย่อย ถ้ามีกฎหมายรองรับว่า บริษัทหรือธุรกิจของเรา ไม่มีระบบ การค้ากำไร ผลประโยชน์ที่ได้ ก็กลับเข้ากองทุน หรือมูลนิธิ

หากเรามีโรงพิมพ์ของเราเอง คณะกรรมการบริหาร จะสามารถทำงานได้ ๒ ด้าน คือด้านหนึ่ง ทำด้าน วิชาการ เช่น การทำหนังสือ การวิจัย การผลิตสินค้าตัวใหม่ การแปรรูป ฯลฯ อีกด้านหนึ่ง ก็ดำเนินการตลาด เพื่อแลกเปลี่ยนหมุนเวียน ผลผลิตการรวมตัวกัน ดำเนินงาน ในลักษณะนี้ จะช่วยให้เกษตรกรอยู่รอดได้ สามารถผลิต เพื่อการบริโภค และเพื่อธุรกิจได้ โดยไม่ต้องผ่านนายทุน หรือ พ่อค้าคนกลาง เกษตรกร จะลดหนี้สินหรือ ปลอดหนี้ได้

การสังคมสงเคราะห์โดยที่ชุมชนช่วยตนเองเป็นระบบที่จะช่วยสร้างสถานภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และ ยังมีประกันสังคม สำหรับคนแก่ คนเจ็บป่วย และสำหรับคนที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ แต่ไม่ใช่การกุศล ฉะนั้น สมาชิกที่ได้รับการอุดหนุน จากระบบ จะไม่มีความรู้สึกว่า เป็นขอทาน เพราะชาวบ้านเลี้ยง แต่จะเป็น ความรู้สึกว่า ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม คือ สังคมจะรับผิดชอบ ต่อสมาชิกของสังคมเอง เป็นการจัดตั้ง ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และจะสามารถทำได้ทุกแห่ง

ในส่วนที่บิล มอลลิสัน ได้ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ คือระบบที่เรียกกว่า LETS ย่อมาจาก Local Energy Trading System ซึ่งแปลว่า ระบบการค้าพลังงานท้องถิ่น (ร.ค.พ.ท) ระบบนี้เป็นระบบ ซึ่งจะไม่มีเงิน และไม่ต้องมี สำนักงานใหญ่โต มีแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเดียวก็พอ เช่น สมมติว่า มีคนจะมาใช้บริการ ของช่าง ตัดผม เขาจะต้องจ่ายค่าบริการ ๒๐ บาท (หน่วย) เขาก็อาจจะต่อรองเหลือ ๑๘ บาท (หน่วย) ช่างตัดผม ก็จะบอก "ไม่ได้ ต้อง ๒๐ บาท (หน่วย) ดังนั้นถ้าเขาต้องการ จะตัดผม โดยจ่ายแค่ ๑๘ บาท (หน่วย) เขาก็ต้องไปหาช่างตัดผม ที่คิดค่าบริการ ๑๘ บาท (หน่วย) และเมื่อรับบริการแล้ว เขาก็จะกลับไป รายงานทางศูนย์ว่า เขาเป็นหนี้ช่างตัดผม ๑๘ บาท (หน่วย) และในช่วงเวลา ๓ เดือน ก็จะมีรายงาน ของสถาบัน กลับมาว่า เราเป็นลูกหนี้หน่วยพลังงานเท่าไหร่ และเป็นเจ้าหนี้ หน่วยพลังงาน ซึ่งก็คือรายได้ ที่เราขายผลผลิต หรือให้บริการงานเราเท่าไร แทนการคิดเป็นเงิน แต่ถ้าคนที่ไม่ใช่สมาชิก ในสถาบัน เขาก็ต้องจ่ายเงินสด

ดังนั้น ถ้าช่างตัดผมที่เป็นสมาชิก สถาบันได้บริการตัดผมให้สมาชิก ๖ คน เป็นเงิน ๑๒๐ หน่วยพลังงาน เมื่อจะซื้ออาหารจากสมาชิกอีกคน ก็จะบอกสมาชิกคนนั้นว่า เขามีเครดิตอยู่ ๑๒๐ หน่วย แล้วต่างคน ก็ต่างบอก ไปทางศูนย์ฯ ว่ามีการแลกเปลี่ยน หน่วยพลังงานไปเท่าใด กับใคร ทางศูนย์ก็ทำบัญชี เจ้าหนี้ ลูกหนี้ไว้ ถึงกำหนด ก็ส่งมาให้เรา ระบบนี้ไม่มีใครตั้งต้นชีวิตด้วยเงิน ไม่ต้องมีใครมีเงินใช้ ไม่มีใคร จะต้องจ่ายเงิน ผู้บริการบันทึกการโอนเงิน คนที่กดคอมพิวเตอร์ และรับโทรศัพท์ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ หน่วยพลังงาน ตามจำนวน ที่ศูนย์กำหนดไว้ ในระบบนี้ ไม่มีการเงิน เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีสถานภาพ ต่างระดับกัน ในสังคม และไม่มีช่องว่าง ระหว่างคนรวยกับคนจน

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนใช้หน่วยพลังงาน เกินกว่าที่เป็นเจ้าหนี้คนอื่น หรือมีเครดิตมากเกินไป จะทำอย่างไร จะไม่ติดหนี้รุงรังหรือ บิล มอลลิสัน บอกว่า ระบบนี้ ไม่มีหนี้หรอก มันเป็นเพียงระบบ ของการหมุนเวียน การใช้จ่ายเป็นตัวเลข เท่านั้นเอง แต่เขามีระบบควบคุม การใช้หน่วยพลังงานเกินกำหนด เขาก็มีเส้นกั้นอยู่ ถ้าเผื่อว่าเกินไป จะเกินได้เท่าไหร่ และจะต้องมาเพิ่ม หน่วยพลังงานของตัวเอง เช่น เพิ่มงานบริการผู้อื่น และ ลดการบริโภค จะมีศูนย์กลางประกาศ งานที่ต้องการคนทำ พร้อมทั้งราคาบริการ แล้วเราเลือกได้ว่า ต้องการทำอะไร และจะได้หน่วยพลังงานเท่าใด

ระบบนี้ บิล มอลลิสัน จัดตั้งขึ้นที่ ประเทศออสเตรเลีย ๑๒ ปีมาแล้ว เวลานี้เขาขยายไปทั่ว ทั้งที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และทวีปยุโรป มันกำลังจะกลายเป็นระบบแลกเปลี่ยน นานาชาติขึ้นมาอีก เราอาจ จะแลกเปลี่ยนสินค้า ระหว่างประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้จ่ายเงิน สักแดงเดียว ต้องตกลงราคากันเอง ไม่มีการควบคุมราคาเลย วิธีการเริ่มต้น เราไม่ต้องมีอะไรมาก สตางค์ที่เสีย เมื่อเริ่มต้นก็คือ สตางค์ที่นำ ไปซื้อ เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น และเราก็กำหนดสินค้า และระบบบริการที่เรามี เช่น ตัดผม ฯลฯ และ มีที่ติดต่อ และหมายเลขโทรศัพท์ ของคนที่จะมาร่วมรายการนี้ และเราก็จะพิมพ์ เป็นแผ่นพับ แจกออกไปว่า บ้านของเรานี้นะ มีบริการอันนี้ มีสินค้าอันนี้ ใครต้องการเป็นผู้บริโภค ใครต้องการ เป็นผู้ผลิต หรือ ใช้บริการของเรา ก็มาเป็นสมาชิกศูนย์ ศูนย์ก็จะทำหน้าที่ เป็นฝ่ายควบคุมบัญชี การรับการจ่าย

ทีนี้มาดูว่ารัฐบาลคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ทีแรกรัฐก็ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงเหมือนกัน เมื่อบิล มอลลิสัน ไปที่สรรพากร บอกว่า เขาพร้อมที่จ่ายภาษี จะคิดอย่างไร สรรพากรก็ถามว่า จะจ่ายภาษีอย่างไร เขาบอกว่า จะจ่ายเป็น หน่วยพลังงาน สรรพากรถามว่า แล้วใช้หน่วยพลังงานพวกนี้ ไปใช้ทำอะไร เขาก็บอกว่าก็ไปใช้ตัดผม ไปใช้ซื้อรถจักรยาน ซื้อข้าวที่ศูนย์ ฯ ของเขา ในที่สุด สมาชิกศูนย์หน่วยพลังงาน ก็ไม่ต้องเสียภาษี วิธีนี้จะสามารถ ทำให้คนว่างงาน มีงานทำ และสามารถลด อัตราการว่างงาน ได้มากทีเดียว รวมทั้งสามารถ ทำให้คนเหล่านั้น เข้ามาอยู่ในระบบของสังคม และอิทธิพล จากระบบธนาคาร หน่วยพลังงานนี้ จะทำให้หมอ ทนายความ ฯลฯ ที่ตั้งราคาบริการไว้สูงๆ ลดอัตราค่าบริการลง ไม่งั้นเขาต้องจ่ายภาษีแพง

หลังจากนั้น เขาก็มีระบบอีกระบบหนึ่ง คือถ้าหากเราได้ทำงานแล้ว เรารวมหน่วยพลังงานแล้ว ก็เหมือนเรา มีเงินในธนาคารมาก แล้วเราเก็บหน่วยพลังงานนั้นไว้ ถ้าเกินปริมาณที่กำหนด โดยเราไม่ใช้ หน่วยพลังงานนั้น เราจะต้องเสียดอกเบี้ยตามกำหนด สำหรับหน่วยที่เหลืออยู่ในปีนั้น ในปีหนึ่ง ต้องใช้ หน่วยพลังงานให้หมด มีหมอคนหนึ่ง โทรศัพท์ไปถามว่า จะทำอย่างไร กับหน่วยที่เขามีอยู่ บิล มอลลิสัน ก็บอกว่า ไปจ้างเด็กสัก ๑๐ คน ทำอะไรก็ได้ แล้วจ่ายหน่วยพลังงานให้เด็ก เพื่อที่จะให้ หน่วยพลังงาน ที่เรามีอยู่มีไม่มาก จนต้องเสียดอกเบี้ย เขาจะต้องเริ่มแจกงาน ให้คนอื่นไป เพื่อจะได้จ่าย หน่วยพลังงาน ออกไป แล้วคนอื่น ที่มีหน่วยพลังงานน้อย หรือที่ขาดดุลหน่วยพลังงาน ก็จะมีหน่วย พลังงานเพิ่มขึ้น หรือมิฉะนั้น ก็ต้องลดหน่วยราคา ค่าบริการของตนเองลง เพื่อที่จะไม่ให้ มีหน่วยพลังงาน ของตน เพิ่มมากเกินไป ซึ่งอย่างนี้ จะทำให้คนมีการแบ่งปัน และร่วมกิจกรรม เอื้อเฟื้อต่อกัน มากกว่า ที่จะใช้เงิน เช่น สมมติว่ามีหมอ ๕ คน ในชุมชนนั้น ถ้าหากว่าหมอคนหนึ่งเก็บค่าแรง หมออีกคนหนึ่ง ไม่เก็บค่าแรงเลย คนไข้จะไปหาหมอคนไหน หรือร้านขายของชำแห่งหนึ่ง เก็บหน่วยพลังงาน แต่อีกร้าน ไม่เก็บเลย คนซื้อ จะไปซื้อ ที่ร้านไหน ถ้าเรามีเครดิตเหลือเยอะๆ เพื่อที่จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เราก็ต้อง ลดราคาของเรา หรือมิฉะนั้น เราก็ต้องมีเวลาบริการฟรี

เวลานี้มีรัฐบาลที่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่หน่วยงานที่จะดำเนินกิจกรรมแบบนี้อยู่ เพราะว่า รัฐบาลรู้ว่า ขาไม่สามารถ จะให้งานแก่ประชาชนที่ว่างงานได้มาก เท่ากับศูนย์นี้ แล้วที่เมืองนอก คนว่างงาน เขาได้เงิน เพราะฉะนั้น รัฐบาลจะต้องจ่ายเงิน ให้คนว่างงาน แต่อย่างนี้รัฐบาลเสียเงินน้อย เพียงแค่เสียเงิน เพื่อซื้อ คอมพิวเตอร์ ให้ศูนย์เท่านั้น ก็ประหยัดเงิน ที่จ่ายให้กับคนว่างงานได้มากกว่า เพราะฉะนั้น จึงมีข้อเสนอ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาเสนอ และมีรัฐบาลรัฐบาลหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าประเทศไหน) อยากจะเป็น สมาชิก ของระบบนี้ เพื่อสั่งสินค้า เมื่อก่อนนี้ ถ้าหากว่า จะสั่งสินค้า จากต่างประเทศ เป็นต้นว่า น้ำมัน หรือ อะไรต่างๆ ซึ่งจำเป็น ก็จะต้องจ่ายเป็นเงิน แต่เดี๋ยวนี้ สามารถที่จะมีระบบข้ามประเทศ และ ไม่ต้อง จ่ายเงิน หน่วยพลังงานที่เรามี เราอาจจะให้ใครก็ได้ ถ้าเราไม่อยากจ่ายดอกเบี้ย ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็ให้ใครก็ได้ บิล มอลลิสัน บอกว่า เขามีหน่วยพลังงานมากเลย ขายหนังสือ ขายอะไร ต่อมิอะไร มีมากจนกระทั่ง ตอนนี้ เขาไม่รู้ จะทำอย่างไร กับหน่วยพลังงานของเขาแล้ว

ระบบสมาชิกศูนย์หน่วยพลังงานนี้ จะเป็นระบบที่ช่วยกอบกู้เศรษฐกิจของชาวบ้านได้ เราไม่ต้องห่วง เรื่องราคา ตลาดโลก ตลาดผลผลิตพ่อค้าคนกลาง ดอกเบี้ย เงินกู้ ฯลฯ เพราะเป็นระบบ การดำรงชีวิต ที่มีการแลกเปลี่ยน แรงงาน ผลิตภัณฑ์ และบริการภายในระบบ ซึ่งไม่ต้องใช้เงิน ไม่จำเป็น ต้องเสียเวลา หาเงิน แย่งชิง คดโกง เอารัดเอาเปรียบกัน ต่างคนต่างทำงาน ที่ตนเองถนัด เป็นวิธีการ ที่ทุกคนร่วมกัน และรวมกลุ่มกัน เพื่อการดำรงชีวิต ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ได้ใช้เวลา และองค์ประกอบของชีวิต สร้างสิ่ง ที่คิดว่า เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว เพื่อนบ้านและชาวโลก เป็นการดำเนินชีวิต ที่มีประสิทธิภาพ และ สร้างผลกระทบที่ดี ต่อการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ประโยชน์ จากธรรมชาติให้มากที่สุด โดยไม่ทำลาย ธรรมชาติ และคืนส่วนที่เหลือใช้ ให้กลับสู่ดิน เพื่อประโยชน์แก่สมาชิก คนอื่นๆ ต่อๆ ไป
จาก...[Permaculture โดย Bill Mollison]

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน ๒๕๔๕)

ชีวิตไร้สารพิษ