หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร


ส่งเสริมอบายมุข แม้จะสุขก็เสื่อม


จากข่าวหน้า ๑ ของ น.ส.พ. คมชัดลึก ฉบับวันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๔๕ ได้รายงานว่า ตำรวจบุกจับ พระมหาเปรียญ ๙ ผีการพนันเข้าสิง เปลี่ยนรูปถ่าย ในหนังสือสุทธิ ปลอมเป็นเจ้าอาวาส แล้วขโมย สมุดบัญชีธนาคาร กว่า ๕ เล่ม นำไปขึ้นเงิน มาใช้หนี้ และแทงบอล อีกรายหนึ่งนักเรียน นักศึกษา ในจังหวัด เชียงใหม่ ใช้เงินค่าเทอม ที่พ่อแม่ส่งให้ เป็นทุนเล่าเรียน มาเล่นพนันบอล แล้วทำเรื่อง ผ่อนค่าเทอม กับมหาวิทยาลัย บางราย ต้องนำรถ ไปจำนำใช้หนี้......ฯลฯ

เหตุการณ์จากข่าวสะท้อนให้เห็นว่า ขนาดพระมหาเปรียญ ๙ ซึ่งมีธรรมะ เป็นภูมิคุ้มกัน ดีกว่าใครๆ ก็ยังเอาตัวไม่รอด ในกระแสความคลั่งไคล้ ฟุตบอลโลก ที่มีการพนัน เป็นเงาตามติดตามมา แม้มหาเปรียญ ก็ยังเวียนมาหา การละเล่น อันเป็นอบายมุข (ทางสู่ความฉิบหาย) เช่นนี้ ป่วยการกล่าวถึง ตาสีตาสา วัยรุ่น วัยซ่า หรือวัยไร้เดียงสาก็ตาม ย่อมถูกปั่นสมองให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นการละเล่น เป็นการจริง จนถึงกับ เอาชีวิตเข้าแลก ขนาดยอมเผาตัวตาย ในเกาหลี โดยคิดว่า จะได้กลายเป็นวิญญาณ ผู้เล่นคนที่ ๑๒ เพื่อจะได้ช่วย ให้ประเทศของตัวเอง ชนะการเล่นฟุตบอล

แค่ค่านิยมของสังคมที่เอา "เงิน" เป็นตัวตั้ง ทำทุจริตทุกอย่าง ก็เพื่อ "เงิน" เพียงแค่นี้สังคมก็ "เสื่อม" อยู่พอแรงแล้ว แต่ในปัจจุบันกระแสกีฬาการละเล่น กำลังถูกปลุกปั่น โหมประโคมกันอย่างหนักหน่วง จากสื่อ ทุกแขนง จนถึงขั้นมีการจัดตั้งกระทรวงกีฬา ให้เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งใหญ่ ของประเทศชาติไปเลย ก็คงต้องติดตาม ดูกันต่อไปว่า ประเทศไทย จะสามารถพัฒนาฟุตบอล ให้ก้าวหน้าระดับ อาร์เจนตินา ได้หรือไม่? หรือต้องกลายเป็นประเทศล้มละลายตามอาร์เจนตินาไปด้วย!

นี่ขนาดประเทศไทย ยังไม่ได้เข้ารอบแข่งขันกับเขาด้วย ยังมีผลวิจัย ถึงความเสียหาย เฉพาะในเขต กทม. เป็นเงินถึง ๒๕๐ ล้านบาท ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย คิดจากเวลาที่คนหลบงาน และเฉพาะช่วงเริ่มต้น ของการแข่งขัน เท่านั้น ถ้าคิดรวม คนทั้งประเทศ รวมการแข่งขันทั้งหมด จนถึงรอบสุดท้าย และ รวมถึง การเสียเงิน ให้กับค่าพนันบอล จนถึงขั้นยอมขายตัว เพื่อใช้หนี้พนันบอล ถ้าเอาความสูญเสีย ทั้งหมด มารวมกันแล้ว อาจทำให้ลดหนี้ไอเอ็มเอฟได้หลายหมื่นล้าน

สังคมใดไปสำคัญกับสิ่งที่ไม่ควรสำคัญ แต่สิ่งที่เป็นความสำคัญ กลับไม่สำคัญ เช่น อาหารการกิน อาชีพ ชาวไร่ชาวนา ซึ่งเป็นอาชีพ เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ของคนทั้งประเทศ กลับไม่ยกย่องเชิดชู มีแต่ถูกรังเกียจ แต่อาชีพนักร้อง นักแสดง ดาวโป๊… ดาวเปลือย ซึ่งเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน มีแต่ยั่วย้อมมอมเมา เพิ่มพูน กิเลสตัณหา ให้แก่ผู้คนในสังคม กลับยกย่อง เชิดชู มีชีวิตที่โก้หรู มีหน้ามีตาอยู่ในสังคม

ความหลงสำคัญในสิ่งที่ไม่ควรสำคัญ แต่สิ่งที่ควรสำคัญกลับไม่สำคัญ สังคมที่มีความสำคัญผิด เช่นนี้ ย่อมทำลาย ความสำคัญ ในตัวเองให้หมดไป

มีคำกล่าวที่สุขุม ลุ่มลึก ของหม่อมเจ้าสิทธิพรไว้ว่า "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง" ซึ่งสอดคล้อง กับคำตรัส ของพระบรมศาสดา ที่ทรงระบุว่า "อาหารเป็นหนึ่งในโลก" ความจริงแล้ว ประเทศไทย น่าจะเป็น ประเทศที่สำคัญที่สุด แห่งหนึ่งของโลก เพราะเป็นแหล่งอาหาร หรือแหล่ง สร้างอาหารของโลก เราสามารถส่งออก "ข้าว" ได้เป็นอันดับหนึ่ง ของโลก (ซึ่งพระพุทธเจ้า ผู้เป็นปราชญ์เอก ของโลก กำหนดให้ "ข้าว" ยอดเยี่ยมเหนือกว่า ทรัพย์ใดๆ ในโลกนี้)

แต่ประเทศไทยในทุกวันนี้ ต้องอยู่ในสภาพถดถอย ด้อยพัฒนา เพราะเรา ไปหลงว่า เหล้าดีกว่าข้าว สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอลสำคัญกว่าทุ่งนา กีฬาการละเล่น สำคัญกว่าการทำนา อีกทั้งเงินทอง เพชรนิลจินดา ต่างล้วน สำคัญกว่าข้าว ทั้งๆ ที่ทุกคนต้องตาย ถ้าไม่กินข้าว ชีวิตที่ไปสำคัญ ในสิ่งที่ ไม่ควรสำคัญ ชีวิตนั้น ย่อมหมด ความสำคัญในตัวเอง เหมือนหญิง ขายตัว เพราะเห็นแก่เงิน สุดท้าย ค่าตัวของเธอ ก็จะถูกกำหนด ด้วยเงินตรา ในราคาเพียงไม่กี่ร้อย

บุคคลสำคัญ ในสิ่งที่ควรสำคัญ บุคคลนั้นย่อมเป็นคนสำคัญ

‘จริงจัง ตามพ่อ

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)