หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

จาก หิน สู่ ดิน เรื่องสั้น ‘ คืนนคร


ณ ทุ่งกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งอุดมไปด้วยพฤกษานานาพรรณ ดอกไม้ใบหญ้าบาน สะพรั่ง ระบัดใบระบายสี ทั่วท้องทุ่ง

มีก้อนหินใหญ่ตั้งตระหง่าน อยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างแห่งนั้น ลวดลายของก้อนหิน ดูงามตา ยิ่งนัก จึงทำให้ ก้อนหิน มันภาคภูมิใจ ในตัวเอง ยามใดที่สายฝน สาดกระหน่ำ ลมพัดจน ดอกไม้ใบหญ้า ต้องปลิว ระเนระนาด และ ธุลีดิน ต้องสะดุ้ง เด้งไปตาม หยาดฝน

ก้อนหินมักจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย้ยหยัน ว่า โธ่เอ๊ย...กับแค่ฝนตก ฟ้าร้องนิดหน่อย ทำไมพวกเจ้า ดูเดือดร้อน กันไปหมด ข้าไม่เห็น รู้สึกอะไรเลย"

"ท่านก้อนหินผู้แข็งแกร่ง" ดินตอบอย่างนอบน้อม "ท่านถูกสร้างมา ให้มีความบึกบึน คงทน เรามิอาจ เป็นอย่างท่านได้ แม้เราจะถูกสายฝน กระหน่ำ ให้ดีดเด้ง แต่น้ำฝน ก็ทำให้เรา เกาะตัวกัน ได้แน่นยิ่งขึ้น ทั้งทำให้เรา มีร่างที่ชุ่มชื้น เพื่อให้พืชพันธุ์ ได้งอกงาม"

"ให้พืชพันธุ์งอกงามรึ" ก้อนหินกล่าวสวนอย่างแข็งกร้าว "เจ้ารู้หรือเปล่าว่า ไอ้พวกต้นไม้ ใบหญ้า มันขูดรีด เอารัด เอาเปรียบ พวกเจ้าเพียงใด"

"มิใช่การเอาเปรียบหรอกท่าน เราเองก็มีความสุข ที่เห็นเขางอกงาม นอกจากนี้ เขาก็ให้ ความอบอุ่น แก่พวกเราด้วย" ดินพยายามชี้แจง อย่างนิ่มนวล

"ความอบอุ่น..ชะ..มันเล่ห์กลของนักขูดรีดมากกว่า แต่ถึงจะเป็นจริงดังว่า มันก็ผิด อยู่ดี เจ้าควรจะอยู่ ด้วยตัวของเจ้าเอง ดูอย่างข้าสิ ข้าไม่เคย ต้องพึ่งใครเลย" ก้อนหิน กล่าวอย่างโอหัง

ดินนิ่งเงียบอยู่ครู่ แล้วจึงพึมพำอย่างแผ่วเบาออกไปว่า "บุคลิกของท่าน ประเสริฐนัก แต่ท่านอย่าลืมว่า ท่านเป็นข้อยกเว้น ในทุ่งกว้างแห่งนี้ พวกเราชาวดิน มิอาจเทียบ ท่านได้"

"พวกเจ้ามันขี้ขลาด หวาดกลัวอิสรภาพ ข้าเห็นจะต้องใช้วิธีบังคับให้เป็นเสรี แต่.. ช่างเถิด วันหนึ่ง ข้าจะช่วย วันนี้ข้าขี้เกียจพูดกับเจ้าแล้ว" ก้อนหินกล่าวจบ ก็สะบัดหน้า หันไปคุย กับดวงอาทิตย์ ซึ่งมันถือว่า เป็นเพื่อนระดับเดียวกัน

กาลเวลาผ่านไป ผ่านไป จนกระทั่ง ในดึกสงัด ของคืนวันหนึ่ง ได้มีพายุร้าย โหมกระหน่ำ ทุ่งกว้างแห่งนั้น อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมฆทะมึน บดบัง แสงดาว แสงเดือน จนหมดสิ้น สายฝนก็ซัด สาดลงมา อย่างไม่ลืมหู ลืมตา ฟ้าแลบ เป็นประกาย ระยิบ ดุจเส้นไหมสีทอง ที่แผ่พุ่งไป บนผ้า สีดำสนิท แล้วหายวับ ไปในพริบตา เสียงฟ้าผ่ากึกก้อง สอดแทรกอยู่ มิได้ขาด

"เราต้องไม่กลัวสิ่งเหล่านี้" ก้อนหินพร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจ

พายุร้ายยังคงโหมกระหน่ำ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ความหนาวเย็น ก็คืบคลาน เข้ามา จนก้อนหิน ชักเริ่มรู้สึกหนาวสุด ที่จะทนต่อไปได้ มันจึงเผลอ ครางออกมา อย่างไม่รู้ตัว

"โอย.......โอย.......โอย......."

"ท่านผู้แข็งแกร่ง ท่านเป็นอะไรหรือ" ดินร้องถามเมื่อได้ยินเสียงครางของก้อนหิน

"ปะ....ปะ....เปล่า ตะ...แต่...เอ้อ พวกเจ้าไม่หนาวกันบ้างหรือ"

ก้อนหินตอบอย่างขˆมความรู้สึกตนเต็มที่

"ก็หนาวเหมือนกันแหละท่าน แต่พวกเรากอดกันแน่น ก็พอได้ความอุ่นประทัง
กันบ้าง"

"แล้วเราหละ!...จะกอดกับใคร ดวงอาทิตย์ และเดือนดาวก็หายไปหมด" ก้อนหิน นึกอยู่ในใจ ด้วยความรู้สึก ว้าเหว่ยิ่งนัก

เมื่อความหนาวเย็นเข้าเกาะกุมก้อนหินจนถึงขีดสุด สุดที่จะทน มันจึงลืม ความทระนง จนหมดสิ้น แล้วค่อยๆ พยายามซบหน้าลงกับดิน หวังเพื่อจะได้ ไออุ่นมาบรรเทา

"ขอให้ฉันกอดกับพวกเจ้าด้วยเถิด"

"มาเถิดลงมากอดกับพวกเรา" ดินบอกอย่างเห็นใจ

"ฉะ..ฉะ..ฉันอยากทำเช่นนั้นใจจะขาด อยากจะแทรกตัวลงไป แนบสนิท เป็นเนื้อเดียว กับพวกท่าน ตะ...แต่ ฉันทำไม่ได้ ตัวฉันมันใหญ่เกินไป" ก้อนหินตอบ ด้วยเสียงสั่นเครือ วาจาที่เคยยโสโอหัง กลับเปลี่ยน เป็นนอบน้อม

"เราเข้าใจท่านดี แต่เราก็มิอาจช่วยท่านได้มากไปกว่านี้ เราเป็นเพียงดิน ที่ต่ำต้อย เกินกว่า จะก้าวขึ้นไป ให้ความอบอุ่น แก่ท่านได้ ถ้าท่าน ไม่แทรกตัวลงมา เราก็ทำได้ เพียงเท่านี้"

สายฝนที่สาดซัดเริ่มซาเม็ด พายุที่พัดโหมกระหน่ำค่อยๆ คลายตัว แต่สายฟ้านั้น ยังคงแลบ แปลบปลาบ ทั้งความหนาวยะเยือก ก็ยังคง ครอบคลุมทั่วทุ่ง

"ดินที่รัก..ฉันขอโทษ ที่ดูถูกเหยียดหยาม ท่านมาตลอด" ก้อนหิน กล่าวด้วย ความรู้สึกสำนึก และหดหู่ สิ้นหวัง ในตนเอง

"เราไม่โกรธท่านหรอก ยังไงท่านก็สูงส่งกว่าเรามาก ท่านจึงอาจไม่เข้าใจเรา"

"ฉันอยากเป็นอย่างท่าน อยากอยู่ร่วมกับพวกท่านเหลือเกิน" ก้อนหิน คร่ำครวญ สะอึกสะอื้น

และแล้ว ทันใดนั้นเอง...สายอสุนีบาต ก็พรุ่งปร๊าด ตรงไปยังก้อนหิน อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่า งูฉกกัด เสียงกึกก้อง กัมปนาท ดังสะท้านไปทั่วทุ่ง ร่างของก้อนหิน แหลกสลาย ทลายกลายเป็น ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ราบเกลื่อน อยู่บนดินในพริบตา

"ท่านก้อนหิน...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเจ็บมากไหม" ดินร้องถาม ด้วยความห่วงใย

"โอย....เจ็บมากเลย แต่...ฉันก็ดีใจ" ก้อนหินครางตอบ อย่างแผ่วเบา

"ทำไม? ท่านถึงดีใจล่ะ" ดินถามต่อด้วยความสงสัย

"ท่านไม่เห็นหรือ บัดนี้ ร่างฉันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหมดแล้ว ฉันสามารถ แทรกตัวลงไป อยู่กับพวกท่าน ได้แล้ว ฉันไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป

"จริงด้วยสิ" ดินกล่าว อย่างพลอยปีติยินดีด้วย "แต่...เอ...ท่านก็ยังเป็นหินอยู่นี่นา"

"ใช่..ถึงฉันจะเป็นหินอยู่ แต่ฉันไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเช่นเดิม ไม่ต้องกดทับ บดบังพวกท่าน ทั้งฉันก็ตัวเล็ก พอที่จะอยู่เคียงบ่า เคียงไหล่ กับพวกท่าน และ คงอีกไม่นานหรอก ฉันก็จะกลายเป็นดินไปด้วย เมื่อถึงวันนั้น ฉันคงมีความสุข ที่สุด"

บรรยากาศ ณ ทุ่งกว้างแห่งนั้น ก็เริ่มคืนเข้าสู่ภาวะปรกติ มีเพียงสายลม ที่พลิ้ว ผ่านมา อย่างแผ่วเบา ดอกไม้ใบหญ้า พากันสลัดตัว ไหวเอนไปมา เพื่อคลาย ความเมื่อยล้า

"อีกนานไหมนะ กว่าท้องฟ้าจะสว่าง" ก้อนหินกระซิบถามดิน ด้วยน้ำเสียง ที่นุ่มนวล อย่างไม่เคย เป็นมาก่อน

"คงไม่นานหรอก ท่านก้อนหิน ท่านถามทำไมหรือ" ดินตอบอย่างอ่อนโยน และถามด้วย ความฉงน

"เออ..คือว่า พรุ่งนี้จะเป็นครั้งแรก ที่ฉันจะได้เห็นพืชพันธุ์ และดอกไม้นานาชนิด ได้งอกงาม และเบ่งบาน บนร่างของฉัน....." ก้อนหินตอบอย่างตื้นตัน เมื่อนึกถึงวันพรุ่ง อันสดใส

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)