หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ไม่รู้จะบ้า กันไปถึงไหน.... ‘วิมุตตินันทะ


สมัยห้าสิบปีก่อน เด็กๆละแวกบ้านย่านตลาดชุมชนตอนโน้น พากันเล่นสารพันต่างๆ โดยหมุนเวียน เปลี่ยนของเล่น เป็นหน้าๆไป ตลอดทั้งปี ตามประสาเด็กชอบซุกซน อยู่ไม่สุข ต้องเล่น เป็นชีวิตจิตใจ อย่างหนึ่ง ถึงหน้าผลไม้ เม็ดน้อยหน่าก็เอามาเล่นได้ เม็ดมะม่วงกะล่อน เอามาเสียบ ก้านไม้ลูกหนึ่ง วางบนอีกลูก ซึ่งเฉือนหัว ควักเม็ดในออก และ เจาะรูหนึ่ง กึ่งกลางเม็ด มีด้ายสอด ผูกกับแกนแล้วดึง ลูกชักที่อยู่ข้างบน ก็หมุนตามด้ายที่ดึง แค่นี้ก็เหลือสนุกแล้ว หรือหน้ากระท้อน กินกลืนเม็ดแล้ว ฝากระท้อนยังอยู่ เอายางวงสอดรูเจาะกลางฝา บิดเกลียวยาง แล้วปล่อย คอยดูฝากระท้อนหมุน สนุกดีออก

นอกจากนี้ ยังมีของเล่นอีกร้อยแปด เช่นเศษกระเบื้องกระถางแตก ใช้เป็นตัวทอย เล่นกำแพงเขย่ง ยึดพื้นที่ บ้านช่องของกู ตารางข้าฯใครอย่าแตะ คนอื่นต้องกระโดดข้าม ถ่างขาฉีกก้าวให้พ้น โดยห้ามส้น เหยียบโดนเส้นเด็ดขาด เข้มงวดไม่แพ้กฎเหล็ก ห้ามรถเหยียบทับเส้นม้าลาย แยกไฟแดง แม้กระทั่ง กาบมะพร้าว เอามาเล่นกาฟักไข่ หรือใช้เล่นไม้หึ่ง โดยเอาไม้งัดกาบมะพร้าวจากพื้น ให้ลอยไกล คนอื่น คอยรับลูกเอา ไม่เห็นจะต้องเปลืองที่ทางทองเงิน เหมือนคนเล่นกอล์ฟเลย

ของเล่นเด็ก ยุคเก่าก่อน จึงมักเป็นพวก ก้อนดิน เม็ดหิน กรวดทราย และจากต้นไม้ ใบหญ้า หรือ จากเศษ ของเหลือใช้ กระด้งที่เสียแล้ว แกะวงขอบมาเล่นตีล้อ มันส์ ไม่หลอกใคร ขอบก้นถังเหล็ก (กระแป๋ง) ผุพังแล้ว ใช้ลวดงอเกี่ยวปลายไม้ แล้วถือเกาะขอบเหล็ก ไสล้อหมุน วิ่งไปรอบตลาด สนุกจะตายไป โลกของเด็กยุคนั้น เมื่อนึกอยากเล่นอะไร เป็นต้องทำเอาเอง มันไม่มีของสำเร็จรูป มาขาย ตามต้องการ และ ไม่มีเงินด้วย

เด็กผู้ชายมักมีของเล่นมากกว่า โดยเฉพาะ พวกเล่นทอยกอง หยอดหลุม แพ้ชนะ ได้เสียเป็นของ ตามที่เอามาเล่น เช่นฝาน้ำอัดลม ซองบุหรี่ ยางวง นับเป็นของมีค่าอย่างมาก ในการเล่น ใครเล่นได้เยอะ บางทีเพื่อนขอซื้อ ไปทำทุนเล่นต่อด้วยก็มี

การเล่น ต้องเป็นเทศกาลตามพวกนิยม หมุนเวียนเปลี่ยนไปทั้งปี ไม่รู้กี่สิบอย่าง ชอบเล่นกันไป เป็นพักๆ ถ้าไม่มีพวกไม่ตรงสมัยนิยม มันไม่เกิดสนุก ออกรสชาติอะไร ดีไม่ดี จะดูเปิ่นๆ ประหลาดพิลึก กึกกือเอาด้วย ดังนั้น การเล่นสนุก เป็นวรรคเป็นเวร จึงเป็นเรื่องของอุปาทาน สมมติขึ้นสดๆ ตามแห่กันลมๆแล้งๆ

กิระดั่งได้ยินมา ให้นำพาเล่นอันนี้อันนั้นกันเถอะ จนเกิดกระแสตามแห่เหมือนแฟชั่น นี่แหละคือที่มาที่ไป ของกีฬา ซึ่งใช้หลอกเด็กอมมือ ไปจนถึงเฒ่าทารก พอจะกล่าวได้ไหมว่า เกมกีฬาต่างๆ น่าจะสะท้อน ให้เห็นถึงวุฒิภาวะ ของคนหลงเมามันส์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

เวลาเห็นเด็กไร้เดียงสา เล่นตุ๊กตาจุ‹มจิ๋ม เล่นรถจิ๋วๆ ดูเขาสนุกสนานไปตามภพ เล่นก่อกองทราย ทำเหมือน เป็นวังปราสาท ยิ่งหลายคนร่วมลงแข่งขันอวดประชัน มันก็สนุกครึกครื้น พอเล่นไปไม่นาน ชักเบื่อเซ็ง ก็ทิ้งขว้าง มื้อหน้าค่อยอยากมาเล่นใหม่ ดีไม่ดี เล่นกันแล้วเกิดทะเลาะแย่งชิงไม่ลงตัว คนแพ้เปรียบ เสียหน้า ไม่สมใจนึก ต้องหลั่งน้ำตา ร้องไห้กระจองอแง เพื่อประท้วงประชดอะไร ก็ออกอาการตามวิสัย

ใครเห็นเด็กโศกาอาดูรจริงๆ กับเรื่องสมมติเล่นๆ อย่าเพิ่งไปหัวเราะเยาะเย้ยเด็กๆ เขา เพราะตัวเอง ถึงจะหายหลง อย่างที่เด็กเล่นเป็นสวรรค์วิมาน แต่ไม่วายเล่นของ ยุ่งยากมากเรื่องกว่าเด็ก ไม่รู้กี่ร้อย กี่พันเท่า จากตุ๊กตาไขลาน หรือรถน้อยๆ ก็กลับกลายมาเล่นตุ๊กตา คนเป็นๆ ดิ้นได้สุดๆ หรือ ถอยเบนซ์ คันละห้าล้าน เท่านั้นเอง มาขี่เบ่ง ไม่น้อยหน้าคนบ้าง ทั้งที่ผ่อนเอา เรื่องทำนอง ประมาณอย่างนี้ มีอะไรให้ดูสมเพชจริงๆ ไม่ใช่เล่น หรือน้อยกว่าเด็กตรงไหน......

‘ คนชนะเป็นสุข บนกองทุกข์ผู้แพ้
เรื่องเล่นๆ แทนที่จะเห็นขำขันกันไปทั้งหมด ไม่ว่าคนเล่นแพ้ เล่นชนะ หรือ กระทั่งคนดู เสร็จแล้ว ไม่ยักจะเป็นเช่นว่านั้น โลกทั้งใบ นับวันจะคลั่งไคล้เกมกีฬา จนแทบเป็นบ้า เป็นหลัง หนักขึ้นทุกที มิถุนายนปีนี้ ทั้งเดือนเหมือนหยุดโลก ไปกับบอลโลก โดยแทบไม่สนใจ อะไรอื่นทั้งนั้น

อนาถหนอคน...ทำเรื่องหลอกๆ เล่นๆ กลายเป็นงานจริงจัง เหมือนจะเป็นจะตาย ขนาดนั้นเชียว ประสาท กลับไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใครพอตอบตัวเองได้บ้าง...

ตัวอย่างบอลโลก พาคนมาสู้แข่งกันฟาดแข้งกับลูกหนังลูกเดียว เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้ชนะ อังกฤษแก้แค้น อาร์เจนตินาได้สำเร็จ จนอาร์เจนตินา ต้องตกกระป†อง กลับบ้านไปเลย เสร็จแล้วอังกฤษ เริงร่าได้ไม่นาน มาดวลกับบราซิล สิงโตอังกฤษโดนบี้ ๑-๐ เบ็กแฮมเดินคอตก ทำนองเดียวกับซีดาน จอมทัพฝรั่งเศส เมื่อตกรอบแรก ตั้งแต่ไก่โห่ เพราะแพ้เดนมาร์ก แพ้ชนะอะไรทำนองนี้ ฝ่ายชนะ หัวใจพองโต ลิงโลด จากการยัดเยียดความเศร้า ระทมขมขื่นให้ผู้แพ้ สุดท้าย หนีไม่พ้นมักลงเอย ชนะได้ แพ้เสีย ซึ่งแทนที่ จะแพ้ชนะสมมติ เย้าหยอกกันไปเท่านั้นเอง กลับกลายเป็นปัญหา ทำร้ายจิตใจ ทั้งคนเล่นคนดู อยู่ดีไม่ว่าดี ยิ่งบอลแพ้ คนไม่แพ้ วุ่นวายต่ออีก กีฬาไม่เป็นกีฬา กลายเป็นธุรกิจอกุศลเช่นนี้ แทนที่จะสร้าง สันติสุข สามัคคี รักพี่น้อง เมินเสียเถอะ กลับเป็นสงครามยื้อแย่ง ลาภยศสรรเสริญ บ้าบอแตกคอกันยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการดูกีฬา อันเป็นข้าศึกแก่กุศล ดังเช่นบ้าบอลกันอยู่ ขณะนี้เป็นต้น นับว่า น่าทึ่งเหลือเกิน ในพระปรีชาญาณตรัสรู้ แห่งองค์พระบรมศาสดา ที่ทรงเห็นโทษภัย การดูกีฬา การละเล่นต่างๆ ไหนจะเสียเวลาแรงงานสุขภาพ ด้านจิตวิญญาณ ยิ่งเสียหาย โทษฐานไปหลงใหล คลั่งไคล้ กับเกมสมมติหลอก ยิ่งไปชื่นชมการต่อสู้ เอาชนะคะคานกัน มันอดไม่ได้ ที่จะไปหนุนข้างหนึ่ง และ อคติกับอีกข้างหนึ่ง หรือเหมือนส่งเสริม การแย่งชิง เอารัดเอาเปรียบ ยุแหย่ แบ่งพวกให้แตกแยก เลวร้ายมากขึ้น

โทษภัยของยาบ้า มันทำร้ายคนอย่างไร มองเห็นง่าย ทุกฝ่ายอยากให้เลิก แต่ก็ปราบไม่หมด เพราะพวก เห็นแก่เงิน ก็อดเล่นทางรวยลัดไม่ได้ ในขณะเดียวกัน สังคมขาดการจัดระเบียบชุมชน ผู้คนไม่ยึดถือ ระเบียบชีวิต อย่างแข็งขัน แน่นอน ย่อมอ่อนภูมิคุ้มกัน ครั้นเลี่ยงไปทางให้คน อย่าอยู่ว่าง มาสนใจ เล่นกีฬาแทน โดยหารู้ไม่ว่า พาหนีเสือปะจระเข้ แต่คงพูดกันไม่รู้เรื่อง ในเมื่อโทษของกีฬา ยังคงเป็น ภัยสีขาว ที่สังคมพากันมืดบอดทั้งโลก

กีฬาๆ เป็นยาผีเปรต เพิ่มกองกิเลส ทำคนให้เสียคนขนาดไหน ใครยังมองไม่ออก ไว้ดูกันต่อไป


‘ ควันหลงบอลโลก
ก่อนหน้าบอลโลกจะระเบิดขึ้น มีผลงานวิจัยออกมาเป็นข่าว หลังจากตรวจสอบผลการจัดงานบอลโลก ที่เมืองนั้นเมืองนี้ เศรษฐกิจที่พลอยได้ ตามมาเป็นอย่างไร ตามรายงานส่วนใหญ่ หลายต่อหลายแห่ง ผลพลอยลบ หรือเสียมากกว่าได้ ระหว่างจัดงาน เหมือนมีคนมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอย เสร็จแล้ว มันก็ไม่คุ้ม กับทุน ที่ทุ่มเทลงไป มหาศาล โดยเฉพาะส่วนที่ลงทุน สร้างเป็นวัตถุถาวร แน่นอนว่า จะไม่ได้ใช้งานต่อ อะไรมากมาย ดีไม่ดีจะต้องเปลืองค่ารักษา ซ่อมแซม โดยใช่เหตุ อีกบานตะไท ไม่รู้เหมือนกันว่า บ้านอื่น เขาเสียค่าโง่ ไปก่อนแล้ว บ้านเรายังงมโง่ ต่อไปอีก เท่าไหร่ไม่ทราบ....

เอาเรื่องใกล้เข้ามาอีกนิด หลังบอลโลกผ่านไป รายการทายบอลชิงโชค จะเป็นข่าว มีคนส่งบัตรทายบอล ไม่รู้กี่ตันต่อกี่ตัน ช่างพากันมอมเมาดีนัก สื่อขายข่าวเอารวยไปก่อน อ่อยเหยื่อ ล่อรางวัลไว้หน่อยหนึ่ง เรื่องชิงโชค ทำให้คนเสียนิสัย ขี้โลภจัดขึ้น หวังรวยลัดลมๆแล้งๆ ที่รวยจริงอีกคน คือไปรษณีย์ ที่เสียหาย หนักแน่นอน คือ เศรษฐกิจส่วนรวม แทนที่จะประหยัด กระดาษใช้พิมพ์ของจำเป็น กลายเป็นผลาญพร่า เปลืองค่าขนส่ง เป็นว่าเล่นอีกต่างหาก

รายการที่ไม่น่ามองข้าม คือ โต้โผใหญ่ผู้จัดการถ่ายทอดสด โดยไม่มีโฆษณาคั่น เป็นบริษัท เบียร์และเหล้า เป็นคนเหมาจ่ายแค่ ๕๐๐ ล้าน ตามที่เขาอวดโอ่ อยากให้คนรู้บุญคุณด้วยกระมัง ถ้าถอดรหัสต่อ คือใคร ชื่นชมบอลโลกครั้งนี้ น่าจะต้องชื่นชมน้ำใจ โรงเหล้าเบียร์ เจ้าของยี่ห้อนั้นๆ ด้วย ค่านิยม สังคมไทย คงจะเพิ่ม คะแนนบวก ให้กับอบายมุขอีกพอแรง คำกล่าวว่า คนรวยทำอะไร ไม่น่าเกลียด คงจะสมจริง ยิ่งขึ้น สำหรับคนอ่อนหัดศรัทธาพุทธแท้ๆ

เป็นที่น่าสังเกตว่า การที่โรงเหล้าเบียร์ร่ำรวยจนล้นฟ้า เพราะคนรากหญ้าทั้งหลาย พากันเป็นลูกค้า อุดหนุน เพิ่มพูนให้ ในแง่นี้ คงเห็นชัด ใครจะต้องเป็นฝ่ายขอบคุณก่อนกันแน่

ดังนั้น เมื่อไม่รู้เท่าทัน ไม่เร่งสร้างคนให้มีภูมิคุ้มกันเข้มๆ ต่อให้ถมไปอีกหมู่บ้านละ ๑๐๐ ล้าน ๑,๐๐๐ ล้าน เงินทองเหล่านี้จะโดนดูด กลับผ่านน้ำขวดมอมเมาต่างๆ เป็นต้น สุดท้าย ไม่วายจนต่อ ไม่เสร็จอยู่นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ คงน่าคิดเหมือนกันว่า คนจนล้วนสร้างคนรวย ไม่รู้เท่าไหร่ ในขณะเดียวกัน คนรวย ช่วยสร้าง ความจน ให้คนไม่รู้ขนาดไหน...

‘โสมขาวแก้บนสร้างพระยืนสูงที่สุดในโลก
เกาหลีใต้ ได้อัญเชิญพระพุทธปางยืน สูง ๓๓ เมตร เนื้อทอง สัมฤทธิ์ ห่อหุ‰มทองคำด้านนอก สร้างเมื่อ ๑๒ ปีก่อน ใช้เวลา ๑๘ เดือน โดยประดิษฐาน ไว้ที่วัดเปียวจูชา ห่างจากกรุงโซล ไปทางใต้ ๑๘๐ กิโลเมตร ทั้งนี้เกาหลีใต้ ได้จัดพิธีสักการะขึ้น เพื่อขอพรจากพระพุทธรูป ให้เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประสบผลสำเร็จ ในการเป็นเจ้าภาพร่วม ฟุตบอลโลก ๒๐๐๒ ครั้งนี้ (ไทยโพสต์ ๙ มิ.ย. ๔๕)

ครับ ว่ากันไปตามภูมิศรัทธา หากมีปัญญาพุทธลึกซึ้งสักหน่อย คงจะพอรู้ดีว่า ศีลของพุทธ ห้ามหลงดู การละเล่น อันเป็นอบายมุข น่าเสียดาย ที่พวกนับตัวเอง เป็นระดับปัญญาชน พากันมองข้าม ระเบียบ ชีวิตสำคัญ ดังว่านี้เป็นส่วนมาก การกีฬา ของเล่นหลอกเด็กเล็กๆ เลยนับวัน ยิ่งเฟื่องฟู ถึงขนาดจะจัดตั้ง เป็นกระทรวงไปโน่น เราจึงเป็น เมืองพุทธ แต่ชื่อโก้ๆ โดยเปลือกนอก ผิวเผิน เนื้อแท้กลับไร้เดียงสา กับระเบียบชาวพุทธ จึงไม่ประหลาดอันใด เมื่อรับเอาเรื่องอกุศล มาเป็นกุศล เรื่องไร้สาระ ก็นับถือ มาเป็นสาระ

ยิ่งมีเพื่อนบ้านเอเชีย เกาหลี ญี่ปุ่น เข้ารอบสองไปไกล จนเราไม่เห็นฝุ่น คงจะกระตุ้นให้คนไทย อยากเอาอย่าง ค่อนข้างแรงขึ้น คนไทยรู้สึก ชอบบ้าดีเดือด ตามค่านิยมกระแสโลก โดยเฉพาะ เรื่องเล่นสนุก ยั่วย้อมมอมเมา ส่วนค่านิยมดีๆ ไม่ค่อยมีเอาอย่างจริงจังให้เห็นนัก

ตัวอย่างอันน่าเอ่ยถึงไว้สักนิด เช่น ข่าวฟีฟ่าแปลกใจนักเตะญี่ปุ่นวินัยยอดเยี่ยม.... คีธ คูเปอร์ ผู้อำนวยการ สื่อสารของฟีฟ่า กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฟีฟ่า มีความรู้สึกประหลาดใจ เมื่อพบว่า ห้องพักของทีม นักเตะญี่ปุ่น ซึ่งภายหลัง ที่เฉือน ชนะรัสเซีย ไปอย่างน่าตื่นเต้น ๑-๐ ปรากฏว่า ห้องแต่งตัวของ ทีมญี่ปุ่นสะอาด ราวกับค่ายทหาร ไม่มีสิ่งของ วางเกลื่อนกลาด แม้แต่ชิ้นเดียว คูเปอร์กล่าวว่า มันเป็นเรื่องแปลก และ ยอดเยี่ยมมาก ที่ห้องแต่งตัว ทีมญี่ปุ่นเรียบร้อย เหมือนไม่เคย มีคนเข้าไปใช้เลย เพราะปกติ จะมีเปลือกกล้วย และขวดเปล่า วางทิ้งไว้ อย่างระเกะระกะทั่วห้อง แต่สำหรับห้องนักเตะญี่ปุ่นนั้น กลับเก็บกวาด ทุกอย่าง แม้แต่กระดาษห่อของสักชิ้น (ไทยโพสต์ ๑๒ มิ.ย ๔๕)

และคงไม่แปลกอะไร ที่นักกีฬา มักจะเสียนิสัยเห็นแก่ตัว จนห้องหับมักสกปรกรกเละเทะ เพราะการกีฬา พาคนหัดขี้เอาเปรียบ มักง่าย เพื่อแย่งชิงชัยชนะ จึงอย่าหวังว่า พวกเขาจะสะอาด เสียสละเห็นแก่คนอื่น สำหรับ นักกีฬาญี่ปุ่น ได้คะแนนนิยมสะอาดดี น่าจะเป็นผลพวงจากครอบครัว ซึ่งแม่บ้านญี่ปุ่นขยัน สะอาด เรียบร้อย ระเบียบชีวิตวัฒนธรรมดังว่านี้ มีพื้นฐานมาจากศาสนา นำพาฝึกฝนมายาวนาน การกีฬา ที่มุ่งหน้าเอาชนะ อย่างมักง่ายเพื่อเงินตรา ไม่อาจนำพา สร้างคนนิสัยดีงามได้จริง

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)