หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

เวทีความคิด ‘แม่น้ำ ลักขิตะ
เงิน...เทพเจ้าองค์ใหม่ หรือผีห่าซาตาน


ในอดีตอันยาวไกล มนุษยโลกบูชาเทพเจ้าทั้งหลาย ด้วยเลือดเนื้อและวิญญาณ ด้วยชีวิต และศรัทธา อันยิ่งใหญ่ ทุกคนเชื่อว่าเทพบนฟ้า กุมชะตาส่ำสัตว์บนพื้นพิภพ เทพท่านบันดาล ให้ทุกอย่าง ตามที่มนุษย์วิงวอน ขอให้มีบุตรชาย ขอให้ร่ำรวย ขอให้ท่วงทำนองชีวิตมีแต่สุข ไร้โรคาพยาธิ ขอให้ได้ ขึ้นสวรรค์หลังสิ้นใจ...

อดีตมนุษยโลก บูชาเทพเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด แต่ในยุคไอทีสื่อสารไร้พรมแดน ความเป็นเทพเจ้า เหลืออยู่ใน การ์ตูนทั้งหลาย ที่เด็กชอบดู และการเซ่นสรวงบูชา นับว่างมงาย ในสายตาบัณฑิต

บรรพชนเราในอดีต เชื่อว่าเทพเจ้าสามารถ ทำให้ชีวิตคนเรา มีความสุข ปัจจุบันเราคิดว่า บรรพชน ช่างโง่เขลา

มนุษยโลกในปัจจุบัน เชื่อว่าเงินเท่านั้นบันดาลให้ชีวิตมีแต่สุข ทายาทในอนาคตจะคิดว่า บรรพชน อย่างเรา ช่างโง่เขลา หรือไม่หนอ...?

"เงินคือพระเจ้า" หลายคนกูˆก‰องเช่นนั้น การดิ้นรนแสวงหาเงินอย่างทุˆมเททั้งชีวิตเลือดเนื้อ และ วิญญาณ เปรียบเสมือน การเซ่นสังเวย เทพเจ้าองค์ใหม่

เงินให้อะไรแก่เราบ้าง...ความสำราญจากการเสพสมอยาก มีรถ มีบ้าน มีชีวิตที่เป็นอยู่ อย่างอลังการ ฯลฯ ทั้งหมดที่เงินซื้อได้ เป็นแค่เปลือกนอกของชีวิต เป็นความสำราญที่ กัดกร่อน วิญญาณแห่งสัจธรรม ของมนุษยโลก

เงินเอาอะไรไปจากเราบ้าง...เราสูญเสียความสุขสงบ สูญเสียความเป็นไททั้งชีวิตและวิญญาณ ครอบครัว ขาดความอบอุ่น วัฒนธรรม อันดีงาม สังคมภราดรภาพ แก่นแท้แห่งศาสนธรรม คำสอน เหล่านี้ กำลังเสื่อมสูญ ไปจากมนุษยชาติ

เงินซื้อได้ทุกอย่าง ยกเว้นกาลเวลาและความตาย แม้ความสุขที่เงินซื้อได้ก็เป็นแค่ เปลือกแห่งชีวิต ไม่จีรังยั่งยืน มิช้าหลุดล่อนไปตามกาลเวลา

ในอดีตแม้เทพเจ้าไม่ให้อะไรแก่มนุษย์ แต่คนยังมีชีวิตอยู่ อย่างเรียบง่ายสุขสงบ

แต่ปัจจุบัน มนุษย์กลับทุกข์ทรมาน อย่างมาก เมื่อชีวิตขาดเงิน

ชีวิตมนุษย์เรา เหมือนนิยายเล่มเก่า พิมพ์ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เนื้อหาเดิมๆ สุขๆ ทุกข์ๆ เพียงแต่เปลี่ยนหน้าปก ไปตามยุคสมัย ในอดีตคนเชื่อว่า เทพเจ้าอยู่บนฟ้า ปัจจุบันคนเชื่อว่า เทพเจ้าคือเงิน ความเชื่อทั้งสอง ต่างกันเพียง กาลเวลา ทว่าเนื้อแท้ ความเชื่อ อย่างอวิชชา ไม่ต่างกันเลย

นานมาแล้วที่เงินเป็นเสมือนสนิมแห่งมวลมนุษยชาติ มันกัดกร่อนสังคม ให้เสื่อมทราม ลงเรื่อยๆ จากอดีต จวบจนปัจจุบัน เงินเป็นต้นตอ ของการทำลายล้าง ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ท้องฟ้า ผืนป่า สายน้ำ ลำธาร และขุนเขา ธรรมชาติโทรมทรุดลง อย่างรวดเร็ว แม้มโนธรรมสำนึก ในตัวมนุษย์ ก็กำลังตาย จากจิตใจ

เงินไม่ใช่เทพเจ้าองค์ใหม่ แต่เป็นสิ่งเลวร้าย ยิ่งกว่าผีห่าซาตาน เพราะเงินทำลายดวงตา แห่งปัญญา และฆ่า ทั้งวิญญาณ แห่งความดีของมวลมนุษย์

เพราะเงินทำให้ความสุขสงบ ปลาสนาการไปจากชีวิต... เราต่างดิ้นรนแสวงหา ตะเกียก-ตะกาย ไขว่คว้าเงินตรา ชีวิตรีบเร่ง ไปเสียทุกอย่าง แก่งแย่งแข่งขัน โป้ปดหลอกลวง โหดร้ายรุนแรง ทำทุกวิธี ไม่ว่าดี หรือบัดซบ เมื่อสยบต่ออำนาจเงิน มโนธรรมสำนึก ก็ไม่มีอีกต่อไป ชีวิตคน จึงทุกข์ระทม หม่นไหม้ ตราบวันตาย

เพราะเงิน ทำให้คนเป็นทาส...เพียงเพราะใช้เงิน พัฒนาชาติ เมืองไทย จึงกลายเป็น ขี้ข้าต่างชาติ หนี้ท่วมประเทศ ตายแล้วเกิดใหม่ ก็ยังใช้ไม่หมด

"ทำมาหากิน" เป็นสภาพคนไทยในอดีต "ทำมาหาเงิน" เป็นสภาพคนไทยปัจจุบัน

ในอดีตก่อนการค้าเงินจะมีขึ้น วิถีชีวิตคนไทยไม่ฟู่ฟ่า ระยะถ่าง ระหว่างคนรวย กับคนจนมีไม่มาก ชีวิตไม่มั่งคั่ง มีอยู่มีกิน อย่างพอเพียง แต่หลังจากเงินเข้ามาปรับเปลี่ยนสังคมไทย คนรวยก็รวยเสียดฟ้า คนจนก็จน จมดิน แต่ทั้งคนรวยคนจน ล้วนหนี้สินท่วมหัว

ครอบครัวไร้ความอบอุ่นเพราะเงิน...พ่อไปหาเงิน แม่ไปหาเงิน ลูกจึงถูกเลี้ยงด้วยเงิน ความรัก ความผูกพัน สิ้นสูญ สายใยที่ร้อยรัด คนในบ้านคือเงิน มีเงินก็อยู่กันได้ ขาดเงินเมื่อไหร่บ้านแตก

ในอเมริกามีข่าวลูกฆ่าพ่อแม่พาดหัวมากขึ้น แม้สังคมไทยก็มีปรากฏลูกปลิดชีพ ผู้ให้กำเนิด เพื่อฮุบมรดก นั้นเป็นเพราะ ชีวิตเขาถูกเลี้ยงมาด้วยเงิน เขาจึงบูชาเงิน แทนพ่อแม่และพร้อม
ทำบาป มหันต์เพื่อ...เงิน

เพราะเงินทำให้คนไร้ยางอาย และไม่กลัวบาป...สตรีเปลื้องผ้าขายตัว ข้าหลวงคอรัปชั่น นักการเมือง ขายชาติ ปล้นแผ่นดิน

เงินเป็นต้นตอแห่งคาวโลกีย์ ศาสนาเสื่อมทรามทุกวันนี้ ด้วยเหตุพระมีเงินร่ำรวย แปรรูปศาสนา เป็นธุรกิจ การค้า หาเงินเข้าวัด ด้วยการขายบุญ

มีเงินที่ไหนมีสตรีที่นั่น เมื่อพระมีเงิน พรหมจรรย์จึงเปื้อนคาวกาม หนังสือพิมพ์ จึงพาดหัวข่าว สมีเมืองไทยเกลื่อน

คนเราหาเงิน เพื่อมาซื้อความสุข เป็นสุขที่ระคนด้วยทุกข์สาหัสสากรรจ์

สุขในชีวิตคนเราเกิดขึ้นที่ใจ แม้ไม่มีเงินเราก็มีสุขได้ ด้วยการทำใจ ให้รู้จักพอ โดยสัจจะชีวิต คนเราอยู่ได้ ด้วยปัจจัยสี่ กินอยู่แต่พอเพียง มักน้อยสันโดษ

จนอย่างใจพอสุขสบายยิ่งนัก ประโยชน์ อันใดกับการมีเงินมาก แล้วต้องเครียดจัด ถึงกับฆ่าตัวตาย

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)