- สิริมา ศรสุวรรณ -
ยุทธนา เพียรเวช
'พิราบแห่งสันติภาพ
ในกาลเข้าพรรษา
พ.ศ.๒๕๓๕ พระนวกะหนุ่มผู้แสวงหาเครื่องมือในการดำเนินชีวิต ณ วัดธารน้ำไหล
อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้ตระหนักชัดว่า ธรรมะของพระพุทธองค์ คือกุญแจที่ไขไปยังประตูแห่งสันติภาพ
อันเป็นหนทาง สู่ความสุขสงบ ของมวลมนุษย์ แม้จำเป็นต้องลาสิกขา เพื่อสานภารกิจในทางโลกีย์
ยุทธนา เพียรเวช ก็มิได้ลดละความเพียร ในการเผยแพร่สัจธรรม ที่เขาได้ซึมซับ
จากบูรพคณาจารย์ อันมีท่าน พุทธทาสภิกขุ เป็นสำคัญ
สิบปีต่อมา ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ด้วยแรงสนับสนุนจาก จันทิมา เพียรเวช
คู่บารมี เขาจึงก้าวออกจาก การเป็นนักกฎหมาย ประจำสถาบันทางการเงิน
ที่มีชื่อเสียง ระดับประเทศ สู่เส้นทางของชีวิตธรรมดา ที่แบ่งปัน วิถีแห่งสันติแก่สังคม
* ขอทราบประวัติโดยย่อ
เอาเป็นว่าผมจบทางด้านกฎหมาย และเคยทำงานเป็นนักกฎหมาย เรื่องส่วนตัว
และงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่จำเป็นต้องเล่า กระมังครับ ผมลาออกจากงาน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยการสนับสนุนของภรรยา ซึ่งยินดีเป็นภาระ
หาเงินมาจุนเจือครอบครัว และเลี้ยงลูกสาวสองคน อายุแปดขวบคนหนึ่ง หกขวบคนหนึ่ง
* ทราบว่าเขียนหนังสือเกี่ยวกับหลักการจัดการชีวิต
ใน พ.ศ. ๒๕๔๓ หรือ ค.ศ. ๒๐๐๐ คนทั้งโลกตื่นตระหนกว่า คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้
เรียกกันว่า ปัญหา y2k ตอนนั้นผมยังไม่ได้ลาออกจากงาน แต่ก็มานั่งคิดว่า
เอ๊ะ! เราให้ความสำคัญ กับคอมพิวเตอร์ มากไปหรือเปล่า ปัญหารากเหง้าจริงๆ
เราไม่ได้แก้ แต่ไปแก้ที่ปลายเหตุ ผมได้คุยกับคุณจันทิมา ในประเด็นนี้
เธอว่า ถ้ามีความคิดเช่นนี้ ก็น่าจะนำเสนอให้สังคมได้เห็นว่า ตัวปัญหาที่จริงคืออะไร
เธอเสียสละมาก ให้ทุนมาทำหนังสือ และรับหน้าที่ ที่ผมมีต่อลูกไปทำ
งานเขียนต่างๆ ทุกเล่มนั้น ฐานที่แท้จริงคือ "เธอ" ผมเป็นเพียงผู้ใช้แรงงาน
เขียนหนังสือ เงินที่เก็บไว้ให้ลูก ได้แบ่งมาทำหนังสือ เล่มแรก ชื่อ
"คู่มือเลี้ยงเด็ก" พิมพ์สองพันเล่ม แจกจ่ายไปตาม จังหวัดต่างๆ
ต่อมาเธอบอกว่า ให้ทำเล่มอื่นๆ ต่อไป พัฒนาไปเรื่อยๆ เขียนในแง่มุมต่างๆ
เพราะปัญหาสังคมมีหลายด้าน
* ท่านพุทธทาสเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ
ครับ หนังสือเล่มที่สอง คือ "ต้นโมกข์" ซึ่งเป็นแนวคิดที่เริ่มต้นมาจากท่านพุทธทาส
ท่านให้มรดกธรรมไว้ว่า "ต้นไม้ แสดงธรรมได้ มันพูดได้ถ้ารู้จักฟัง"
ผมพิมพ์แจกห้าพันเล่ม ทางสวนโมกข์สมทบ สองพันเล่ม อีกสองพันเล่ม ทาง"สุขภาพใจ"
เขาพิมพ์ขาย ต่อมาเป็นเรื่อง "เพื่อน" ซึ่งพิมพ์ที่โรงพิมพ์ฟ้าอภัย
เล่มนี้ จะเป็นประเด็น เกี่ยวกับศาสนา และยกย่อง คนที่ทำความดีในสังคม
ตั้งแต่ ในหลวง ท่านพุทธทาส บาทหลวงคาทอลิก ที่ทำประโยชน์ให้สังคม
รวมไปถึงครูหยุย คุณนิรมล เมธีสุวกุล แห่งรายการ "ทุ่งแสงตะวัน"
เพื่อให้กำลังใจ คนที่ทำงานเพื่อสังคม อีกด้านหนึ่ง อยากให้ความเห็นทางศาสนา
ไม่กลายเป็น ข้อแตกต่าง ต่อมาเห็นว่า ยังมีประเด็นที่ย่อยไปสู่นักศึกษา
หรือคนรุ่นใหม่ จึงสรุปหลักการ พุทธศาสนาชื่อว่า "พุทธศาสนา สำหรับคนรุ่นใหม่"
ซึ่งพยายามประยุกต์ ให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ที่จริงแล้ว พุทธศาสนานั้น
เป็นวิทยาศาสตร์ ในเชิงจิตวิญญาณ คือใช้ระบบการสังเกตดูตัวเรา และ
ทดลองกับตัวเรา วิปัสสนา ในความหมายของผม เป็นวิธีวิทยาศาสตร์ ในเชิงจิตวิญญาณ
คือ สังเกตตัวเรา เฝ้ามองตัวเรา อย่างแท้จริง ไม่ได้ผ่าน ขบวนการคิด
แต่ผ่านการทดลอง
หนังสือชื่อ
"กุญแจชีวิต" มีเนื้อหาสำคัญที่ผมได้รับแรงบันดาลใจจาก
เมื่อครั้งผมบวช และศึกษาธรรม ที่สวนโมกข์ เล่มที่ชื่อ "สายธารแห่งสันติภาพ"
พิมพ์แจกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ น้อมถวาย เป็นพุทธทาสบูชา
ผมเป็นหนี้ชีวิตท่าน ในทางจิตวิญญาณ
*
หน้าปก "สายธารแห่งสันติภาพ" แทนที่จะเป็นรูปสายน้ำ กลับเป็นรูปสมอง
ผมเป็นคนออกแบบเองครับ เนื่องจากเรากำลังอธิบายเรื่องสันติภาพกับคนรุ่นใหม่
การที่มนุษย์แยกฐานะ ออกมาจากสัตว์ ทางวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า เพราะเรามีสมอง
นักวิทยาศาสตร์จัดมนุษย์เป็นพวก Homo sapian
แปลว่า "พวกฉลาด" โดยวิธีคิดในทางตะวันตก มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ก็คือ
เรื่องสมองนั่นเอง ถ้าเรารู้จักควบคุมสมอง ปัญหาทั้งหมด ก็สามารถจะแก้ไขได้เลย
เพราะสมองเป็นศูนย์กลางควบคุม การทำงานต่างๆ ของร่างกาย นี่ทางกายภาพนะครับ
ก็มองแยกเป็นสองส่วน คือส่วนที่เป็นคุณสมบัติ ทางกายภาพ เช่น ความเร็ว
ความแม่นยำ ซึ่งสามารถพัฒนาได้ด้วยอาหาร และการออกกำลังกาย หรือ การเพิ่มยีนส์
ถ้าเปรียบกับคอมพิวเตอร์ คือ เป็นการเพิ่มแรม (RAM)
มีความเร็วเพิ่มขึ้น มีพิสัยสามารถ ทางด้านฮาร์ดแวร์ (hardware)
แต่นั่นมิใช่สิ่งทำให้เกิดสันติภาพได้ ต้องมีซอฟท์แวร์
(software) ที่ถูกต้อง นั่นคือ รูปแบบวิธีการคิดที่เราเรียกว่า
"จิต" ดังนั้นคนที่เก่งแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเก่งแบบวิชาการ
หรือ คิดได้ลึกซึ้ง แบบวิทยาศาสตร์ คำนวณตัวเลขได้ไม่รู้กี่หลัก แสดงว่า
สมองส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์นั้นดี แต่วิธีการคิด เพื่อจะให้เกิดประโยชน์
แก่มนุษยชาติ มันเป็นสมองส่วนซอฟท์แวร์
* ความสมดุลของสมองทั้งสองส่วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสันติภาพ
ครับ ถ้าเรามีคนที่จิตใจงาม แต่สมองส่วนฮาร์ดแวร์ไม่ดีมันทำได้ไม่เต็มที่
มนุษย์ที่มีสุขภาพดี มีสมองดี มีจิตใจดี เป็นมหาบุรุษได้เลย ยกตัวอย่าง
พระพุทธเจ้า คานธี ถ้ามองในมุมกลับ คนที่ร่างกายแข็งแรง สมองดี แต่จิตใจแย่มาก
เราจะได้มหาโจรสุดสุดเลย เพราะเขาสามารถ ก่อปัญหาให้สังคมได้ อย่างแนบเนียนมาก
ดังนั้น ประเด็นที่เกี่ยวกับสมอง ในหนังสือ "สายธารแห่งสันติภาพ"
หมายถึง ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์
* เราจะเริ่มต้นอย่างไรในการสร้างสันติภาพแก่เพื่อนมนุษย์
เราไม่อาจทำให้โลกเกิดสันติภาพได้ทันที ต้องเริ่มจากตนเองไปสู่คนใกล้ตัว
ครอบครัว ชุมชน แล้วค่อยๆ ขยายไป คือ เราไม่อาจเว้นวรรคว่า ตอนนี้อยากให้เกิดสันติภาพในที่ไกลๆ
แต่ตัวเราไม่มีสันติภาพ มันจะต้อง ออกมาจากภายใน เหมือนกับแสงเทียน
ต้องออกมาจากลำเทียน
* หนังสือส่วนใหญ่พิมพ์แจก
ครับ ตามที่ผมได้เล่าตั้งแต่ต้นแล้วว่า คุณจันทิมาให้ทุน ผมทำหนังสือ
ที่ผมมาทำงานเพื่อสังคม ได้อย่างเต็มที่ ก็เพราะเธอ ผมทิ้งรายได้ออกมา
ซึ่งเป็นเงินค่อนข้างก่อนใหญ่ ดังนั้น ภาระการจุนเจือครอบครัว จึงอยู่ที่เธอทั้งสิ้น
ต่อมาได้ทบทวนว่า มันแจกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะเราไม่มีเงิน เพียงพอ
ภรรยาเป็นผู้ หาเงินคนเดียว จึงเริ่มเขียนหนังสือขาย แต่เป็นการขายที่เพียงเอาทุน
มาหมุนเวียน เพื่อใช้ในการพิมพ์ครั้งต่อๆ ไป
* มีวิธีการตั้งราคาหนังสืออย่างไร
ราคาของหนังสือ "กุญแจชีวิต" เท่ากับอายุของในหลวงในปีที่พิมพ์หนังสือ
คือ ราคา ๗๔ บาท หากเล่มต่อไป ถ้าพิมพ์เลยห้าธันวาไปแล้ว ไม่ว่าจะหนาหรือบางแค่ไหนก็ตาม
ผมก็จะตั้งราคา ๗๕ บาท เนื่องจากผมศรัทธา พระองค์มาก พระองค์เข้าพระทัยปัญหาของประเทศชาติดี
ทรงเหน็ดเหนื่อยมาก ทรงทราบว่า ปัญหา ของสังคม อยู่ที่สัญชาตญาณ อยู่ที่อัตตา
ทรงสอนวิธีการแก้ปัญหาสังคมด้วยการลดอัตตา
* กรุณาขยายความในประเด็นนี้
ทรงสอนให้ "รู้รักสามัคคี" คือให้เห็นแก่ผู้อื่น มันก็ลดอัตตา
เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" ก็หมายความว่า ให้ดำรงอัตตาเท่าที่ธรรมชาติให้เท่านั้น
ทรงให้ "ปิดทองหลังพระ" ก็คือให้ลดอัตตาอีก เพราะการปิดทอง
หลังพระ ทำให้ลดตัวตนนั่นเอง พระองค์ไม่ทรงแก้ปัญหาด้วยการกระตุ้นอัตตา
ซึ่งต่างจากนักวิชาการ ที่ไปเรียนในระบบต่างประเทศมา พวกนี้มีวิธีการแก้ปัญหาของชาติด้วยการเพิ่มอัตตาทั้งสิ้น
เช่น การแก้ปัญหา เศรษฐกิจด้วยการให้คนใช้จ่ายมากๆ หรือเรื่องการเลือกตั้ง
แก้ปัญหาคนที่ไม่มาใช้สิทธิ์ ด้วยการให้เขามา จับฉลาก เลขท้ายสองตัวของคนที่มาใช้สิทธิ์เห็นไหมครับ
เขาแก้ปัญหา ด้วยการหลอกให้คน มีอัตตา หรือแก้ปัญหาหวยใต้ดินด้วยการให้รัฐเป็นเจ้ามือเสียเอง
* เป็นการแก้ปัญหาที่สวนทางกับในหลวง
เราแก้ปัญหาด้วยการกระตุ้นอัตตาให้เกิดสัญชาตญาณมากขึ้น นี่เราไม่ได้เดินตามรอยเท้าพ่อเลย
เราสวนทาง กับพ่อหมด เราโชคดีที่มีในหลวงเป็นประมุขของชาติ เป็นบุญของคนไทย
เป็นบุญของประเทศไทย แต่ก็เป็นกรรมที่พสกนิกรไม่เข้าใจ กระทำการที่สวนกระแสของพระองค์
ผมและคุณจันทิมา จึงรู้สึกว่า เราต้องทำงานถวายในหลวง
* คุณจันทิมาจึงยินดีแบกภาระของครอบครัว
ผมย้ำอีกครั้งว่า ที่ผมออกมาทำงานนี้ได้เพราะคุณจันทิมาเป็นส่วนสำคัญ
สำหรับผู้หญิงแล้ว มันเสี่ยงนะครับ มันต้องต่อสู้กับความกลัวมาก เช่น
ถ้าเธอในฐานะเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวเป็นอะไรไป ลูกๆ จะอยู่อย่างไร
มันต้องข้ามพ้นความกลัวเหล่านี้ ผมว่าเธอเด็ดเดี่ยวมาก และพ่อตาของผม
ก็เด็ดเดี่ยวมากเช่นกัน ที่สนับสนุน ให้ลูกทำเช่นนี้
* นอกจากงานหนังสือแล้วทำอะไร
เราทำโครงการพัฒนาชีวิตเพื่อสันติภาพด้วยการผลิตหนังสือ เดิมตั้งใจว่าจะปิดโครงการที่หนังสือ
"สายธารแห่งสันติภาพ" ซึ่งเป็นหนังสืออันดับที่ห้าของโครงการฯ
พิมพ์เมื่อ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นวันพุทธทาส ตั้งใจว่าที่เขียนมานั้นแค่เป็นการโหมโรง
ต่อจากนั้น คุณไปอ่านงานของใครก็ได้ ที่เป็นระดับอาจารย์ แต่ต่อมา
ผมและคุณจันทิมาเห็นว่า ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่จะต้องทำด้วยวิธีการอื่นๆ
จากหนังสือ ก็มาทำแผ่นปลิวเรื่อง "หน้าที่ที่แท้จริง" แจกไปตามโรงเรียนอนุบาลต่างๆ
ให้ผู้ใหญ่ทราบว่า การอบรมเลี้ยงดูเด็กที่แท้จริง มันคืออะไร หน้าที่ตรงไหน
ปีที่แล้ว วันต่อต้านยาเสพติดโลกผมก็ทำแผ่นปลิวชื่อ "ยาเสพติด
: ปัญหาที่ไม่น่ากลัว สำหรับครอบครัว ที่มีความถูกต้อง" ขับรถไปที่บางปะอินที่เขาเผายาเสพติดกัน
และแจกไปตามโรงเรียนต่างๆ ที่จริงแล้วปัญหา
ยาเสพติดถ้ารู้ตัวต้นเหตุมันแก้ไขได้ถ้าทำแต่เนิ่นๆ และไปช่วยงานสำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งไปช่วยงาน ของกลุ่มคาธอลิก ในฐานะนักเขียน
โดยช่วยเขียนคอลัมน์ให้วารสาร "เพื่อนอนุบาล" เป็นเรื่องง่ายๆ
เกี่ยวกับการประยุกต์ศาสนา มาสอนเด็ก โดยไม่พูดคำว่า "ศาสนา"
แต่จะพูดถึง ธรรมชาติของเด็ก
* มีข้อขัดแย้งในการใช้พุทธวิธีท่ามกลางสังคมคาธอลิกไหม
ผมเขียนบทความให้ฝ่ายการศึกษาคณะสังฆมณฑลคาธอลิก เป็นกรรมการบริหาร
ของโรงเรียน ในเครือ คาธอลิก เวลาเขาจัดงาน ก็ช่วยสรุปให้ โดยเอาหลักธรรมะเข้าไปสรุป
ในวิธีการของคาธอลิก เพราะเราเข้าใจ แก่นธรรม ของพุทธศาสนา มันใช้ได้หมด
เพียงแต่ประยุกต์วิธีการพูดเท่านั้นเอง เช่น เรื่องความรัก มันเป็นเรื่องสากล
เราก็พูดเรื่องการรักผู้อื่น อย่างแท้จริงอย่างบริสุทธิ์
ผมศึกษาปรัชญาของศาสนาอิสลามด้วย คำทักทายของเขาเป็นสันติภาพ เขาบอกว่า
"ขอสันติภาพ จงมีแด่ท่าน" ทุกวันนี้ที่เขามีกรณีกัน เพราะเขาไม่เข้าใจแก่นธรรม
ถ้าเขาเข้าใจแก่นธรรม จะรู้ว่าทุกศาสนา สอนให้มนุษย์อยู่ร่วมกัน อย่างสงบสุข
ปรองดองกัน
* ทั้งงานเขียนและงานบรรยายมุ่งสู่ประเด็นสันติภาพ
ครับ เมื่อผมไปเป็นวิทยากรตามโรงเรียน เช่น บรรยายเรื่อง "สื่อภาษา"
ผมก็จะโยงเข้ากับเรื่องสันติภาพ ผมจะสรุปว่า "จงใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้เพื่อการทำความดี"
เมื่อมีการปฐมนิเทศ ตามโรงเรียน ที่เราพอจะรู้จักเราจะเข้าไปคุยกับผู้ปกครองของเด็กอนุบาลจนถึงประถมสาม
ส่วนเด็กประถมสี่ ถึงมัธยม ก็จะเข้าไปคุยไปกับเขาโดยตรง เด็กๆ ชอบความสนุกสนาน
เราก็ใส่สิ่งที่เขาชื่นชอบ พร้อมกับถ่ายธรรมะลงไป ในการบรรยาย
* มีโครงการในอนาคตอย่างไร
คิดจะสร้างเว็บไซด์(webside)ในโครงการสร้างโลกสวยผ่านลูกรักและโครงการพัฒนาชีวิตเพื่อสันติภาพ
ตอนนี้กำลังมองลู่ทางอยู่ คือถ้าไม่อยากคุยทางโทรศัพท์หรือเจอตัวกัน
ถ้าอยากให้เราช่วยทำอะไร เกี่ยวกับการพัฒนา คุณภาพชีวิต ก็เข้ามาทางเว็บไซด์
* งานอาชีพของคุณจันทิมาค่อนข้างเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเรื่องทุน
(จันทิมา) ดิฉันเป็นนักกฎหมายสายการเงิน ยิ่งอยู่กับมันยิ่งเห็นอย่างนั้น
ยิ่งได้บทสรุปของชีวิต ที่ถูกต้อง มากขึ้น ดิฉันไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงเวียนของมัน
เราเข้ามาทำงาน เพราะเราต้องการ ปัจจัยกลับไป แต่เราก็เห็นภาพว่า ขณะนี้ตลาดทุนกำลังทำอะไรอยู่
มันไม่ใช่สิ่งที่แท้จริงของชีวิต เราอยู่ด้วยความแตกต่าง แต่ก็อยู่อย่างเข้าใจ
ไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนของมัน อะไรที่เป็นความถูกต้อง ตามกฎหมาย
เราก็บอกไป แนะนำไป ที่จริงระบบทุนนิยมนั้น ถ้าเราใส่ธรรมะเข้าไปสักนิด
มันก็จะลดกำไร ในตลาดทุนลงไป แต่ตอนนี้เราไม่มีธรรมะ ในตลาดทุนเลย
คำว่า "กู๊ดโกเวอร์แนนซ์" (good governance)
ที่นักวิชาการ พูดกันอยู่ ก็คือธรรมะ ในเรื่องการบริหารจัดการตนเองและคนอื่น
หรือหลัก ทศพิธราชธรรมนั่นเอง ถ้านำหลักธรรมมาใช้ ในการบริหารจัดการ
ความเห็นแก่ตัวของนายทุน จะลดน้อยลง การอยู่กับลูกจ้าง หรือนายจ้าง
ก็จะอยู่ในระนาบเดียวกัน คือเอื้อเฟื้อกัน ถ้าทำไปได้ถึงที่สุด อาจจะได้สังคมแบบสันติอโศก
ซึ่งดิฉันเห็นว่า เป็นตัวอย่างที่ดี ของการบริหารกิจการองค์กร และหากมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
ตลาดทุน ก็จะหายไปเอง
* การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มตรงจุดไหน
ผมว่าคนไทยนั้นตามผู้นำ หากหัวแถวมีธรรมะทำให้ต่อเนื่องและเด็ดขาดมันจะไหลไปเอง
สรุปว่า ถ้าเรามี ความถูกต้อง หน่วยงานหลายๆ แห่ง เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทุจริตก็ไม่ต้องมี
แม้กระทั่งศาล ก็ยังเลิกได้ เมื่อคนมีความถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน
ในที่สุดแม้ศาสนาก็เลิกได้ ศาสนาเกิดมา เพื่อทำให้สังคมที่อยู่กันอย่างไม่ถูกต้อง
ให้เกิดความถูกต้อง
ความชัดเจนในแนวทางที่มุ่งสู่สันติภาพแห่งเพื่อนมนุษย์ซึ่งเริ่มจากตนเอง
ทำให้ยุทธนา เพียรเวช เคียงคู่กับภรรยาพากันก้าวไปข้างหน้าอย่างหาญกล้าและทรงพลัง
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๔๕ สิงหาคม ๒๕๔๕)
|