บ้านป่า นาดอย
- โดย จำลอง
"หมอยุ่น"
หมอชนบทดีเด่นชาวชุมพรซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนผู้นำคนหนึ่ง มีเรื่องสำคัญนัดพบผม
ที่บ้านสวนไผ่สุขภาพ หมอเล่าให้ฟังว่า เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ช่วยนายอำเภอหลังสวน
จัดงานใหญ่มาก "งานวันผลไม้ เมืองหลังสวน" ในระหว่างวันที่
๘ ถึง ๑๗ สิงหาคม ออกข่าวประชาสัมพันธ์ ทั่วประเทศ ได้รับคำยืนยัน
จากรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวว่า จะไปเป็นประธานเปิดงาน
พอใกล้วันงาน ก็ขอเลื่อน ต่อมาของด เพราะติดงานสำคัญ
คณะกรรมการจัดงานรีบประชุมด่วนให้
"หมอยุ่น" เชิญผมเป็นประธานแทน ผมเห็นว่า เวลาจวนแจเต็มที
เขาแก้ไขไม่ทัน เลยต้องรับ ทางสำนักนายกฯ รีบร่างหนังสือให้ท่านนายกฯ
ลงนามให้ผมไปเปิดงาน แทนท่านนายกฯ ผมกระซิบเพื่อนสนิทของ ดร.ทักษิณ
ว่าต่อๆ ไปคงไม่มี ถ้าผมต้องไปในพิธี "เปิด ปิด แจก รับ"
แทนบ่อยๆ ละก็ ผมคงไม่มีเวลาทำงานกันพอดี
งาน "วันสวนผลไม้เมืองหลังสวน"
เป็นงานประจำปีก็จริง แต่ปีนี้มีอะไรที่แตกต่าง จากปีก่อนๆ มาก เดิมลักษณะของงาน
เหมือนรวมตลาดนัดย่อยๆ มาเป็นตลาดนัดใหญ่ ขายของกินของใช้จิปาถะ ดูดเงินชาวสวน
อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
จะจัดงานหาเงินให้ชาวสวน ชักชวนผู้คนทั้งในจังหวัดชุมพร และจังหวัดอื่นๆ
ให้ไปเที่ยวชมสวน และซื้อผลไม้กัน อึกทึกครึกโครม นอกจากเกาะ และชายหาด
ที่สวยงามขึ้นชื่อแล้ว หลังสวนยังมีต้นผลไม้ ที่หาดูได้ยาก มีต้นมังคุด
๒๐๐ ปี ต้นทุเรียน ๒๐๐ ปี
นักท่องเที่ยวรวมทั้งตัวผมด้วย
ชอบไปยืนใต้ต้นมังคุด ใต้ต้นทุเรียน ต้องแหงนคอตั้งบ่า จึงจะมองสุดยอดไม้
ยืนยันได้ว่า ไร้สารพิษ ไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไป ฉีดยาฆ่าแมลงได้แน่
ภายในบริเวณงานมีการประกวดต่างๆ
เช่น ประกวดผลไม้ประกวดรถผลไม้ (เหมือนรถบุปผาชาติ แต่ใช้ผลไม้ประดับ
แทนดอกไม้) แข่งเรือโตนด และเอาลิงมาแข่งขัน เก็บมะพร้าว
เขาเอาต้นตาลโตนดทั้งต้น
มาขุดเป็นเรือ ใช้คนพายแข่ง ๒ คน พายด้วยมือเปล่าๆ แล่นได้ฉิว ทำให้คิดถึง
คำพังเพยเก่าๆ "มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ"
ทั้งๆ ที่ชาวใต้คุ้นกับการแข่งขันลิงเก็บมะพร้าวอยู่แล้ว
ก็ยังพากันยืนเป็นวงล้อมเวทีแข่งขัน ส่งเสียงลุ้นลิง ที่ตัวเองถือหาง
อย่างสนุกสนาน ผมสังเกตดูพบว่า ลิงแต่ละตัว ที่เข้าแข่งขัน ล้วนแล้วแต่เป็น
นักกีฬา อาชีพทั้งนั้น รู้กติกาการแข่งขันดี เอาใจจดใจจ่อ ที่จะใช้มือปลิด
ใช้เท้าช่วยถีบ ให้มะพร้าว หล่นจากต้น เอาชนะคู่แข่งให้ได้ ตัวชนะเดินยืด
ตัวแพ้เดินหงอย เหมือนคนไม่มีผิด
ปีนี้ผลไม้ของอำเภอหลังสวนทุกชนิด
ราคาต่ำหมด ต่ำจนน่าเป็นห่วง ผู้สันทัดกรณี ให้ความเห็นว่า มีผลมาจากการ
แย่งชิงทางการเมือง ถ้านักการเมือง ออกนอกพื้นที่ไปเสีย
๗ วัน รับรองว่า ผลไม้ราคาแพง ขึ้นแน่
ผมไปชมสวนผลไม้โบราณเดิมเจ้าของชื่อ
"รวย" เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน คุณสำเริงผู้เป็นบุตร รับดูแลต่อ
วันหนึ่งๆ มีคนไปชมมาก โดยเฉพาะในช่วง "งานวันผลไม้เมืองหลังสวน"
คุณสำเริงยืนยัน กับผมว่า ผลไม้จะราคาถูกเท่าไร เขาก็อยู่ได้ เพราะไม่ต้องเสียเงิน
ซื้อปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และ ยาฆ่าหญ้าเลย ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ที่ทำเอง
"หมอยุ่น"
และนายอำเภอหลังสวนมั่นใจว่า วิธีการช่วยพยุงราคาผลไม้ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ได้ผลแน่ และใช้จังหวัดอื่นได้ด้วย ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้
มีเวลาเตรียมรับสถานการณ์ อย่างเพียงพอ ก่อนผลไม้จะออกชุก ในปีต่อไป
ผมบอกว่าปีหน้าหากผลไม้ล้นตลาด
ถ้าเป็นผลไม้ไร้สารพิษ ให้ขนไปขายที่บ้านสวนไผ่บ้าง รับรองว่า ขายได้แน่
จะปิดประกาศตัวโตๆ ริมถนนพหลโยธิน ให้พากันไปอุดหนุน เพื่อช่วยชาวสวน
กลางเดือนสิงหาคม
หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงข่าวหน้า ๑ "ไม่ไหวแล้ว! สุนัขจรจัด มหาจำลอง-วัด
ยกธงขาว" พอข่าวออกไปได้ไม่นาน ผมเจอเศรษฐีนั่งรถ ราคาคันละหลายล้านบาท
พากันนั่งไป ๒ คัน พบผมที่ สวนสัตว์เลี้ยง (สถานที่ที่เลี้ยงสุนัขมากที่สุดในโลก)
โดยบังเอิญ
คหบดีแต่งกายภูมิฐาน
ซักถามผมด้วยความห่วงใย หลังจากอ่านข่าวนั้น อุตส่าห์เดินทาง จากเมืองกรุง
ไปดูให้รู้แน่ ด้วยตาตนเอง ดูแล้วรู้แล้ว ต้องใช้ปีละกว่า ๔ ล้านบาท
ต่อไปถ้ารับสุนัข เพิ่มเรื่อยๆ จะอยู่ไม่ได้จริงๆ พูดให้ความเห็นใจ
ขับรถคันงาม ออกจากสวนสัตว์เลี้ยง โดยไม่ช่วยบริจาคเลย เราไม่ว่าอะไร
เพราะไม่เรี่ยไรอยู่แล้ว ใครมีความเมตตาต่อสัตว์จริงก็ช่วย ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย
สถานสงเคราะห์สัตว์
หรือสวนสัตว์เลี้ยงชื่อปัจจุบัน ตั้งขึ้นและอยู่มา ๑๕ ปี โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ
จากหน่วยราชการ หรือองค์กรเอกชนเลย พวกเราคณะกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์
เคยคาดหวังไว้ว่า หากเรากลุ่มเล็กๆ ทำสำเร็จในการเลี้ยงสุนัขจรจัด
นับพันตัว คงจะมีที่อื่นทำบ้าง ปรากฏว่า เวลาผ่านมา ๑๕ ปีก็มีอยู่ของเราที่เดียว
ที่จริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่า
เพราะมีสุนัขจรจัด จึงยังมีโรคพิษสุนัขบ้า ใครถูกสุนัขกัด จะบ้าหรือไม่บ้า
ต้องรีบ ฉีดยาไว้ก่อน ยาชุดเก่าราคาถูกหน่อย แต่ต้องฉีดรอบสะดือถึง
๑๔ เข็ม ทรมานขนาดไหน ปีหนึ่งๆ คนไทยที่ถูกสุนัขกัด ต้องไปฉีดยาไม่ต่ำกว่า
๒ แสนคน คนต่างชาติ จะมาเที่ยวเมืองไทย ต้องฉีดวัคซีน ป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าก่อน
สุนัขจรจัด ทำความเดือดร้อนเรื่องอื่นๆ
อีกมากมาย ถ้าสืบสาวราวเรื่อง จะพบว่า แรกทีเดียว คนต่างหาก ที่ทำให้สุนัขเดือดร้อน
เขาอยู่ดีๆ ในป่าก็ไปจับมาขังจับมาเลี้ยง เพาะพันธุ์กันต่อๆ มา แล้วปล่อยปละละเลย
เป็นสุนัขจรจัด
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้
เรามั่นใจว่า จะลดพิษสุนัขบ้า ลดจำนวนสุนัขจรจัด ให้ได้ผลนั้น การจับสุนัขมาฆ่า
(ซึ่งทำกันอยู่ทั่วประเทศ ในขณะนี้) ไม่ได้ผลแน่ ต้องเลี้ยงควบคู่กันไป
กับการทำหมัน ฉีดยาคุมกำเนิดสุนัขจรจัด และใช้กฎหมาย กับเจ้าของสุนัข
ที่เลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน
ทันทีที่มีข่าว
ส.ส.ขอขึ้นเงินเดือน ผมถูกผู้ข่าวถามในฐานะที่เคยเป็น ส.ส. และ ส.ว.มา
ผมตอบทันที โดยไม่รั้งรอว่า ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง ตอนนี้ประเทศเรายากจน
มีหนี้สินล้นพ้นตัว มาขอขึ้นเงินเดือน ได้อย่างไรกัน ฝ่ายขอขึ้นเงินเดือนอ้างว่า
เงินเดือนน้อยไม่พอใช้จ่าย น้อยที่ไหน เดือนละ ๗ หมื่นเศษ ได้เงินเดือนหลายเท่า
ของค่าแรงขั้นต่ำ ยังบินฟรี ขึ้นรถไฟชั้นหนึ่งฟรีอีก
การขอขึ้นเงินให้
ส.ส. และ ส.ว.คราวนี้ ประธานรัฐสภา ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย คงทำด้วยความจำเป็น
ถ้าไม่ช่วยพวกเดียวกัน แล้วจะไปช่วยใคร ประธานฯ ให้สัมภาษณ์ว่า น่าเห็นใจ
ส.ส.และ ส.ว. ที่ยากจน จะได้มีเงินใช้บ้าง ให้เงินเดือนน้อยๆ อีกหน่อยคนดีๆ
ใครเขาจะอยากมาเป็น ส่วนผู้ที่รวยแล้ว เขาขึ้นเงินเดือนให้ ตนเองไม่อยากรับ
ก็ส่งคืนหลวงไป ถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุน นายกรัฐมนตรี จะถูกตำหนิเรา ว่ารวยแล้ว
เลยไม่คิดช่วยคนอื่น
เรื่องนี้ นายกฯ
ทักษิณคิดอะไร ท่านพูดกับผมว่า เพื่อความรอบคอบต้องให้ ส.ส. และ ส.ว.
ลงนาม มาให้หมด ว่าใครต้องการ ขอขึ้นเงินเดือนบ้าง แล้วรัฐบาลจะรับไปพิจารณา
ใครๆ ก็คาดการณ์ถูก เล่นวิธีนี้ นักการเมืองคนไหนจะกล้า เพราะมีผล
ถึงการเลือกตั้ง คราวหน้า อย่างแน่นอน
พรรคการเมืองอื่นๆ
เงียบงัน มี "พรรคเพื่อฟ้าดิน" พรรคเดียว ที่พากันไปประท้วง
ซึ่งเป็นพรรคเล็กๆ พรรคใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันนัก คนในคณะรัฐบาลถามผม
ผมก็ชี้แจงให้ฟังว่า เป็นพรรคอุดมคติ พรรคเดียวในโลก ถ้าต่อไปภายภาคหน้า
(อีกกี่สิบปีไม่รู้) ได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะไม่ขอรับเงินเดือน
เป็นอันขาด
อีกเรื่องหนึ่ง
ผมฟังจากปาก ของท่านนายกฯ ก่อนจะเป็นข่าว คือการแปลงทรัพย์สินให้เป็นทุน
ประเทศ ที่ฐานะ ดีกว่าประเทศไทย คนของเขา มีอะไรนิดอะไรหน่อย ก็ยอมรับกันว่า
เป็นทุน เป็นหลักทรัพย์ ที่จะขอกู้เงินได้ เช่น มีกระดาษแผ่นเดียว
ที่เป็นหลักฐานว่า เป็นเจ้าของ สิ่งประดิษฐ์อะไรสักอย่าง ก็ไปขอ กู้เงินได้แล้ว
คนไทยเป็นเจ้าของแผงลอย เจ้าของสิทธิ์ ที่จะตั้งวางขายของ ไม่ถือว่าเป็นทุน
เอาไปแสดง เพื่อกู้เงินไม่ได้ ถึงเวลาจะต้องแก้ไข เพื่อให้คนจนๆ มีสิทธิ์กู้เงิน
ผมติงนายกฯทักษิณว่า
หาทางให้ชาวบ้านกู้เงินได้หลายทาง กู้ได้มากๆ ระวังจะกู้ไปใช้ อีลุ่ยฉุยแฉก
กลับจะเป็น การเพิ่มหนี้ให้ แทนที่จะเพิ่มรายได้ นายกฯ บอกว่ามั่นใจ
ธนาคารคงรอบคอบ พิจารณา ก่อนให้กู้ และหลังจากกู้ไปแล้ว ธนาคารคงติดตามผล
รัฐบาลอยู่มาปีครึ่ง
ผมเพิ่งออกความเห็น วิจารณ์นโยบายบางอย่างกับนายกฯ คือนโยบาย กองทุนหมู่บ้าน
กับนโยบาย เกษตรกร พักชำระหนี้ ถ้ามีการพูดจา ทำความเข้าใจ หรือมีการฝึกอบรม
ให้เรียบร้อยเสียก่อน ที่ชาวบ้าน จะเข้าสู่โครงการ จะได้ผลมากกว่านี้เยอะ
แต่ก็เห็นใจ ที่ไปประกาศทั่วเมือง ก่อนการเลือกตั้งว่า จะทำทันที มัวจดๆ
จ้องๆ คงถูกโจมตีแหลก
ผมเล่าให้นายกฯ
ทักษิณฟังว่าโครงการฝึกอบรมเกษตรกรพักชำระหนี้ ที่ผมและคณะ เปิดศูนย์ฝึกอยู่
๑๙ ศูนย์ ในขณะนี้ ซึ่งได้รับการอุดหนุน จากธนาคาร ธ.ก.ส. ได้ประโยชน์ช่วยปลดเปลื้องหนี้ได้
ยกตัวอย่างหนึ่ง ในหลายๆ ตัวอย่าง คณะผู้ช่วย ครูโรงเรียนผู้นำ ออกเยี่ยมเกษตรกร
ที่ผ่านการอบรมไปแล้ว เกษตรกร รายหนึ่ง เป็นหนี้ ธ.ก.ส. สามหมื่นเศษ
มั่นใจว่าภายใน ๗ เดือน จะใช้หนี้หมด เคยดื่มเหล้าจัด ก็เลิก โดยเด็ดขาด
เคยซื้อหวยงวดละพันก็หยุด ทั้งเหล้าทั้งหวยเลิกมา ๓ เดือนเต็มๆ แล้ว
ไม่คิดจะหวนกลับ ไปยุ่งเกี่ยวอีก
ระยะนี้มีเรื่องการส่อไปในทางทุจริต
ปูดที่นั่นที่นี่มีทั้งเรื่องในอดีตและในปัจจุบัน เช่น เรื่องการโกง
นมนักเรียน เรื่องการซื้อเรือขุด ของกรมเจ้าท่า และเรื่องการซื้อที่ดินตาบอด
ที่บางซื่อของ กทม.
ครูเสรี ครูคนหนึ่งของโรงเรียนผู้นำ
เคยเล่าให้นักเรียน (คนอายุ ๒๕ ถึง ๕๕) ฟังในการบรรยายเรื่อง "สงครามชีวิต"
ว่า ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นประธาน สอบสวนกรณี กทม.ซื้อที่ดินตาบอด
เป็นอยู่ได้ไม่นาน พ่อของจำเลย ซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโส ปลดท่านออก
จากตำแหน่งประธาน เพื่อช่วยลูกให้พ้นผิด เรื่องเลย เงียบมานาน เพิ่งมาปัดฝุ่นกันอีก
เมื่อเร็วๆ นี้
เรื่องที่เข้าใจกันว่าหมดหวัง
ทั้งแผ่นดิน ไม่มีใครยื่นมือ เข้าช่วยห้างค้าปลีกของคนไทย ให้รอดพ้น
จากการเป็นเหยื่อ ของห้างต่างชาติได้นั้น กลับมีความหวังขึ้นมา เมื่อข่าวกลางเดือนสิงหาคม
แพร่สะพัด ทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า นายกเทศมนตรี เมืองปทุมธานี เปิดเผยถึงมติเป็นเอกฉันท์
ของที่ประชุม สภาเทศบาล ให้ร่างเทศบัญญัติ ห้ามห้างยักษ์ทำการก่อสร้าง
เพื่อคุ้มครองร้านเล็กร้านน้อย ไม่ให้ถูกทำลาย เป็นเรื่องที่ คนไทยทั้งปวงชื่นชม
แต่ก็น่าฉงน ว่าทำไมเทศบาลอื่นๆ ทั่วประเทศ ไม่ทำบ้าง ปล่อยให้ เทศบาลเมืองปทุม
กล้าอยู่รายเดียว
ผมมีเรื่องหนึ่งที่จะรำพึงรำพันกับท่านสมาชิก
"เราคิดอะไร" ว่านับตั้งแต่ท่านนายกฯ ให้ผมเป็นที่ปรึกษา
ใครต่อใคร ส่งการบ้าน ให้ผมทำเยอะแยะไปหมด เช่น ให้ช่วยจัดการ เรื่องสมาชิกสภา
อบต. แห่งหนึ่ง ในภาคอีสานโกง การประพฤติมิชอบ ของข้าราชการ และ พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ชาวเนปาล ที่เข้ามาทำงาน ในเมืองไทย หลายสิบปีมาแล้ว ยังไม่ได้สัญชาติไทย
ก็ขอให้มาช่วย บางเรื่อง ศาลตัดสินไปแล้ว ก็ส่งรายละเอียด ไปให้ผมอ่าน
ให้ผมช่วย
แต่ละเรื่องที่ส่งไปให้ผม
หนาเป็นปึกๆ เพียงแต่อ่านเรื่องย่อๆ ก็หมดเวลา แล้วยังช่วยอะไรไม่ได้เลย
เพราะผมเป็นที่ปรึกษา ไม่มีอำนาจสั่งการ และเป็นที่ปรึกษา ด้านเดียวเท่านั้น
คือด้านการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ไม่ใช่เป็นทั้งที่ปรึกษา เป็นทั้งผู้สั่งการทุกเรื่อง
หากทราบว่า มีบางคนกำลังเตรียมส่งการบ้านให้ผม
ถ้าท่านผู้อ่าน "เราคิดอะไร" จะช่วยอธิบายแทนผม ก็จะช่วยลดเวลา
ผมได้มาก
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ก็เก่งเหลือเกิน
บางครั้งจ่าหน้าซอง เขียนชื่อผม นามสกุลผม และชื่อจังหวัดเท่านั้น
จดหมาย เรื่องร้องเรียนต่างๆ ก็ส่งไปถึงผม ได้เหมือนกัน
(เราคิดอะไร
ฉบบที่ ๑๔๖ กันยายน ๒๕๔๕) |