หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

คิดคนละขั้ว * แรงรวม ชาวหินฟ้า
บ่อนกู้ชาติ หรือบ่อนทำลายชาติ


นับว่ามีเหตุผลมากมายของทุกๆ ฝ่าย ในการเปิดบ่อนและไม่เปิดบ่อน ฝ่ายหนึ่งมองเห็นว่า เป็นหายนะ เสมือนกงจักร แต่อีกฝ่ายกลับมองเห็นว่า จะทำให้ประเทศชาติ มีรายได้มหาศาล เสมือนดอกบัว ที่จะมา ช่วยกอบกู้ชาติได้ ในฐานะที่ประเทศไทย เป็นเมืองพุทธ ก็คงต้องลุ้นกันว่า เราน่าจะเป็น ศูนย์กลาง พุทธศาสนาของโลก หรือ ศูนย์กลางอบายมุข ของโลกกันดี?

ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
สนับสนุน เพราะศีล ๕ ศีล ๘ ไม่ได้ห้ามเล่นการพนัน
น.พ. วิชัย ชัยจิตวณิชกุล ส.ส.อุดรธานี พรรคชาติพัฒนา ประธานคณะกรรมาธิการ การศึกษา ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า โดยส่วนตัว สนับสนุน ให้เปิดบ่อนกาสิโน อย่างถูก กฎหมาย ในเมืองไทย จะได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และจะสามารถ ดูแลกลุ่มมาเฟียได้ แม้จะมีผู้มองว่า เมืองไทย เป็นเมืองพุทธ ไม่เหมาะที่จะเปิดบ่อนนั้น ความจริงในศีล ๕ หรือศีล ๘ ไม่ได้ห้าม เล่นการพนัน
(ข่าวไทยรัฐ ๒๙ ส.ค. ๒๕๔๕ ข่าวนี้ ชวนให้น่าสงสารเมืองไทย และการศึกษาไทย เพราะคำสอนของ พุทธศาสนา ในระดับต่ำสุด แค่ "อบายมุข" ท่านประธาน คณะกรรมาธิการศึกษา ศาสนาฯ ยังไม่รู้จัก)

การที่ ส.ส.ไปเล่นการพนันจะผิดหรือถูก
ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ ประธานสภาวินิจฉัย?
นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ถึงกรณีที่ คณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ไปศึกษาดูงาน บ่อนกาสิโน ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และมีบางคน ได้เล่นการพนันด้วย โดยอ้าง เป็นการ เก็บข้อมูลว่า เล่นแล้วผิดถูกอย่างไร เห็นว่าตรงนั้น เป็นที่ที่ให้เล่น ไม่ได้ห้ามเล่น แล้วไปเล่นนั้น จะผิดก็ต้องมองในแง่นี้ด้วย ว่าตรงนั้น เป็นที่ให้เล่น แต่ไม่ได้ไปส่งเสริมใคร ตอนนี้ประเทศต่างๆ ที่เจริญแล้ว กำลังพัฒนา หรือ ด้อยพัฒนา ก็ยอมรับ และอนุญาต ให้มีกาสิโน เพราะไม่เห็นว่า เป็นพิษภัยอะไร (มติชน ๒๘ ส.ค. ๒๕๔๕ )

จากคอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย
ลม เปลี่ยนทิศถึงบางอ้อ ทำไมอยากได้บ่อนกาสิโน ?
วันนี้ผมเพิ่งจะถึง "บางอ้อ" จริงๆว่า ทำไม "นักการเมืองไทย" จึงกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะให้ "ตั้งบ่อนกาสิโน" ขึ้นในเมืองไทย

เห็นคำตอบแล้วก็น่าขนลุกครับ

เพราะ "บ่อนกาสิโน" นอกจากจะเป็นสถานที่เล่นการพนันแล้ว สิ่งที่ซ่อนเร้น อยู่ใต้โต๊ะการพนัน สารพัด รูปแบบ ก็คือ "แหล่งฟอกเงิน" ดีๆ นี่เอง ไม่ต่างอะไรจาก "เกาะเคย์แมน" สวรรค์ของ นักฟอกเงิน ที่กล่าวขวัญกัน ทั่วโลก

คำตอบนี้ผมเพิ่งได้มาจาก "สมุดปกขาว" ของ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการ กระทรวง สาธารณสุข ที่ถูก ป.ป.ช. สอบในข้อหา "ร่ำรวยผิดปกติ" เป็นเงินกว่า ๒๙๕ ล้านบาท ซึ่งหนังสือพิมพ์ มติชน เอามาตีแผ่

นายรักเกียรติมีที่ปรึกษาชื่อ นายจิรายุ จรัสเสถียร ถูกศาลอาญาแผนกคดีการเมือง ตัดสินจำคุก ๖ ปี ในคดีทุจริตยา ๑,๔๐๐ ล้านบาท ของกระทรวง สาธารณสุข

ป.ป.ช. เชื่อว่า เงินฝากกว่า ๒๗๖ ล้านบาท ในบัญชีเงินฝากของนายจิรายุ จรัสเสถียร เป็นของ นายรักเกียรติ แต่มิได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.

ประเด็นนี้แหละครับ ที่นายรักเกียรติทำสมุดปกขาวชี้แจงข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ว่าเงินฝาก ๕ บัญชี รวม ๕๐ รายการ เป็นเงินกว่า ๒๗๖ ล้านบาทนั้น

"มีทรัพย์สินของข้าพเจ้า ที่นายจิรายุนำฝาก เพื่อเรียกเก็บเงิน ที่ข้าพเจ้าได้จาก การเดินทาง ไปเล่นกาสิโน ที่ต่างประเทศเพียง ๘ รายการ เป็นเงิน ๑๔๙,๗๘๐,๐๐๐ บาท แต่การที่นายจิรายุ มีการนำเงิน เข้าออกบัญชี หลายครั้ง ก็เพื่อสร้างเครดิต ให้กับตนเองว่า มีฐานะร่ำรวย"

แล้วนายรักเกียรติก็สรุปความเกี่ยวข้องทางการเงินกับนายจิรายุว่า

"ข้าพเจ้ามีความสัมพันธ์ทางด้านการเงินกับนายจิรายุ ล้วนแต่มีที่มา และที่ไป เกี่ยวข้องกับ การเล่นการพนัน ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าไม่เคยมีความสัมพันธ์ ทางการเงินอื่นใด กับนายจิรายุ นอกจาก การพนันอย่างเดียว"

อนิจจา นี่หรือครับ เสนาบดีเมืองไทย ทั้งรัฐมนตรีว่าการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี ล้วนแต่ผีพนัน ทั้งสิ้น แล้วจะบริหารประเทศ ไปตลอดรอดฝั่ง ได้อย่างไร

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มี "นักการเมือง" ออกมาสารภาพว่า มีเงินทองร่ำรวย มาจากการเล่น การพนัน ก่อนหน้านี้ ก็มีมาแล้ว แต่ข้อเท็จจริง จะมีใครเชื่อสักกี่คนว่า นักการเมืองไทย ที่มีตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการ ให้คุณให้โทษ ให้ประโยชน์ใครต่อใคร ได้มหาศาลนั้น ร่ำรวยจาก การเล่นพนัน ในบ่อนกาสิโนจริง

ยิ่งมีการนำเงินจำนวนมากกว่า ๑๔๙ ล้านบาท ไปฝากในบัญชีคนอื่น ทั้งๆ ที่เป็นเงินตัวเอง ก็ไม่รู้ มีใครโง่ พอจะเชื่อว่า เป็นความจริง

เมื่อวานซืนนี้เอง นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพิ่งให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ บอกว่า จากการพูดคุย กับคนไทย ที่ไปเล่นการพนัน ในบ่อนกาสิโน ในฝั่งเขมร พบนักเล่น การพนัน ทุกๆ ๒๐ คน มีคนเล่นได้กลับมาเพียง ๓ คนเท่านั้น อีก ๑๗ คนเสียหมด

ผลร้ายมันเห็นตำตาอยู่อย่างนี้ รัฐบาลยังอยากจะส่งเสริม ให้คนไทยทั้งประเทศ หมกมุ่นเป็นผีพนัน ที่เต็มไปด้วย หนี้สิน แทนที่จะขยันทำมาหากิน เพียงเพื่อแก้ปัญหา คนไทยข้ามแดน ไปเล่นการพนัน ที่บ่อนเขมร พม่า อย่างนั้นหรือ น่าเศร้าใจเต็มที ( ไทยรัฐ ๒๘ ส.ค. ๒๕๔๕)

กาสิโนจะแก้ปัญหาเงินตราไหลออกได้จริงหรือ ?
ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์ เฉลยในคอลัมน์ โลกกว้าง-ทางแคบ
หลังจากมีข่าวยืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังเคลื่อนไหวที่จะเปิดกาสิโนแน่นอน ผมบังเอิญ ได้มีโอกาส พูดคุยกับ นายตำรวจ ยศชั้นนายพันตำรวจเอกผู้หนึ่ง เป็นนายตำรวจ สายงานข่าว เฉพาะอย่างยิ่ง งานข่าวด้าน บ่อนการพนัน และบุคคลสำคัญ ที่เป็นนักการพนัน ที่ชอบเดินทางเข้าออก ไปเล่นการพนัน ในต่างประเทศ เสมอๆ

ข้อมูลและความคิดเห็นของนายตำรวจผู้นี้ เป็นเรื่องที่น่ารับฟัง เพื่อประกอบ การพิจารณาว่า สมควร จะเปิดกาสิโน ในบ้านเราหรือไม่

เริ่มต้นนายตำรวจผู้นี้บอกว่า เราจะต้องทำให้กระจ่างกันเสียก่อนว่า เราจะเปิดกาสิโน เพื่อหวังผล อย่างใดกันแน่?

ถ้าหวังว่า การเปิดบ่อนกาสิโนจะได้เป็นการกำจัดกวาดล้างบ่อนเถื่อน ที่มีอยู่มากมาย ทั้งใน กรุงเทพฯ และ ตามหัวเมืองต่างๆ ให้หมดไป ความหวังอย่างนี้ ไม่เป็นจริงขึ้นมาได้ เปิดกาสิโนแล้ว บ่อนเถื่อนทั้งหลาย ก็ยังเฟื่องฟูต่อไป เดี๋ยวจะอธิบาย ขยายความเห็น ข้อนี้ของเขาต่อไป

ถ้าหวังว่า เมื่อเปิดกาสิโนแล้ว นักพนันในบ้านเราจะเลิกขนเงินไปเล่นในกาสิโน ในต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่ง ในบ่อนกาสิโน ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกัมพูชา และพม่า หรือแม้แต่ บ่อนกาสิโน ในระดับโลก ความหวังดังกล่าว ก็ไม่มีทาง เป็นจริงไปได้ เปิดบ่อนกาสิโน ในบ้านเราแล้ว แต่นักพนันคนไทย ก็ยังขนเงินไปเล่น ในบ่อนต่างประเทศ ต่อไปอยู่ดี !

คราวนี้ลองฟังเหตุผลของเขาในข้อสรุปทั้งสองประการ !

เมื่อเราเปิดบ่อนกาสิโนในบ้านเราแล้ว ก็ย่อมต้องมีข้อจำกัด ประเภทบุคคล ที่เป็นคนไทย ที่จะเข้าไปเล่น การพนัน ในกาสิโนได้ เช่น ต้องมีรายได้ ปีละเท่านั้นเท่านี้ หรือ เสียภาษีรายได้ ในระดับสูง พอสมควร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกัน ไม่ให้คนไทย ที่เป็นชาวบ้าน รายได้น้อย หรือปานกลาง เข้าไปเล่นพนัน ในสถานกาสิโน

เมื่อมีข้อจำกัดอย่างนั้น จะมีนักพนันคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ไม่สามารถ ผ่านเข้าไปเล่นการพนัน ในสถาน กาสิโนได้ เพราะมีรายได้ ไม่ถึงเกณฑ์ หรือเสียภาษีรายได้ ไม่ถึงระดับ ที่กำหนดไว้ หรือไม่ต้องการ แสดงรายได้ หรือหลักฐาน การเสียภาษี คนเหล่านี้ ก็คงต้อง เป็นลูกค้า ของบ่อนเถื่อน ต่อไป หรือ ถ้าเป็นคน เบี้ยน้อย หอยน้อย ก็เล่นหวยปิงปอง ตามตรอก ตามซอย อย่างเดิม

นักพนันคนไทยก็ยังคงไปเล่นบ่อนต่างประเทศตามบริเวณชายแดน เพราะจะได้รับ ความสะดวกกว่า มาเล่นการพนัน ในสถานกาสิโน ในประเทศ ซึ่งจะต้อง มีการตรวจสอบรายได้ หรือแสดงหลักฐาน การเสียภาษี

นายตำรวจผู้นั้นเล่าให้ฟังว่า อย่างบ่อนปอยเปตที่กัมพูชานั้น เขาห้ามคนเขมร เข้าไปเล่นเด็ดขาด แต่สำหรับ คนไทย เพียงมีใบผ่านแดน หรือแม้เพียงบัตรประจำตัว ประชาชนไทยเรา ซึ่งแสดงว่า เป็นคนไทย สามารถ เดินเข้าไป เล่นการพนันได้เลย เขาเปิดบ่อนไว้รับคนไทย โดยเฉพาะนั่นเอง !

คิดดูก็แล้วกัน ถ้าเล่นการพนันในสถานกาสิโนประเทศ จะต้องผ่านการตรวจสอบรายได้ หรือ หลักฐาน การเสียภาษีรายได้ แต่ถ้าข้ามไปเล่น บ่อนเขมรบ่อนพม่า ไม่ต้องถูกตรวจสอบ เพียงเป็นคนไทย ไม่ใช่คนเขมร คนพม่า ก็เดินลอยชาย เข้าไปเล่นการพนันได้แล้ว!

ฉะนั้น จะหวังว่านักพนันคนไทยจะเลิกขนเงินไปเล่นบ่อนกาสิโน ในประเทศ เพื่อนบ้านนั้น ไม่มีทาง เป็นจริงไปได้

คราวนี้นายตำรวจผู้นั้นยังให้อรรถาธิบายต่อไปด้วยว่า ส่วนนักพนันขาใหญ่ ซึ่งมักเป็นนักพนัน ประเภทไฮโซ หรือนักการเมืองนั้น เขาติดในรสนิยม ไปเล่นกันที่ บ่อนใหญ่ๆ ระดับโลกกันเสียแล้ว

เขาบอกว่านักพนันคนไทยกลุ่มนี้ เดี๋ยวนั้นแม้แต่บ่อนที่มาเก๊าก็ไม่ไปกันแล้ว ต้องไปเล่นที่ ออสเตรเลีย ที่ลาสเวกัส หรือไปเล่นตามคลับ การพนันในลอนดอน หรือ สถานกาสิโน ชั้นนำในยุโรป อย่างโมนาโก กันทีเดียว !

นักพนันขาใหญ่เหล่านี้ก็เหมือนกัน คงไม่พอใจ ที่จะต้องถูกตรวจสอบรายได้ หรือแสดงหลักฐาน การเสียภาษี เพื่อเข้าไปเล่น ในสถานกาสิโน ซึ่งจะเปิดในประเทศ

สู้ไปเล่นในบ่อนระดับโลกในต่างประเทศดีกว่า เสียค่าเครื่องบิน เสียค่าที่พัก ซึ่งคนพวกนี้ เห็นว่า เป็นเรื่องเล็ก แต่ได้ความสะดวก เดินเข้าไปเล่นได้เลย ไม่ถูกจู้จี้ตรวจประวัติ อย่างสถานกาสิโน ที่จะมี ในบ้านเราเอง! (น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน ๓ กันยายน ๒๕๔๕)

มอมเมาชาวบ้าน-ดร.เจิมศักดิ์ค้าน
ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. ได้เขียนบทความแจกจ่าย ส.ว.และสื่อมวลชน ต่อเรื่อง การเปิดบ่อน ถูกกฎหมาย ในเมืองไทย มีใจความว่า ขอชื่นชนคนที่กล้าเสนอ เรื่องนี้ขึ้นมา แต่เหตุผล ที่อ้างเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อเปิดบ่อนแล้ว จะมีแต่ได้ ไม่มีเสีย รวมถึงเพิ่มจุดขาย ด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดให้เข้ามา เล่นพนันในไทย ส่วนตัวแล้วเห็นว่า ไม่ควรเปิด บ่อนถูกกฎหมาย เพราะมันเป็น การโอนเงิน จากคนหนึ่ง ไปสู่อีกคนหนึ่ง ไม่ใช่การผลิตสินค้า และไม่มีหลักประกันว่า เมื่อเปิดแล้ว คนไทย จะไม่ไปเล่นพนัน ในต่างประเทศ การพนันเป็นสิ่งที่ผิดกฎ หลักคำสอน ทางศาสนา เป็นการมอมเมา ประชาชน บ่อนพนัน เป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นงานของ องค์กรอาชญากรรม การทุจริต ทางการเมือง เป็นเส้นสายหล่อเลี้ยง อิทธิพล นอกกฎหมาย (ไทยรัฐ ๒๐ ส.ค.๔๕)

บทสรุป สภาพสังคมไทยในปัจจุบัน นับว่ามีภาวะวิกฤติอยู่หลายๆ ด้านด้วยกัน นับตั้งแต่ปัญหา ยาบ้า ยาเสพติด วิกฤติธรรมชาติ ปัญหาโกงกิน คอรัปชั่น ปัญหาอนาคตชาติ ที่อาจารย์จุฬาฯ ออกมาเตือนว่า ให้เตรียมรับมือ เด็กไทยรุ่นใหม่ คุณสมบัติ ใกล้เคียง กับโจร หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศฯ ล้วนแล้วแต่ มีสาเหตุ มาจากความเสื่อมต่ำ ทางคุณธรรม ศีลธรรม จะปั๊มเงินออกมา มากมายแค่ไหน ก็แก้ปัญหา เหล่านี้ไม่ได้ สุดท้าย ก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหา แบบวัวพันหลัก เหมือนยิ่งปราบยาบ้า หนักเท่าไหร่ ยาบ้าก็ทะลัก เข้ามามากเท่านั้น การแก้ปัญหา ด้วยการทำให้ศีลธรรม เสื่อมต่ำลง ย่อมไม่ต่างอะไร กับการเอาน้ำอุจจาระ ไปชำระน้ำครำ ที่ติดกาย จะช่วยก็กลายเป็น ซ้ำเติมสังคม ให้หนักหนาสาหัส ยิ่งขึ้นไปอีก


(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๗ ตุลาคม ๒๕๔๕)