เวทีความคิด
-
เสฏฐชน -
หยุดกันได้หรือยัง
ถึงเดือนตุลาคมทีไร ผู้เขียนรู้สึกปีติที่สุด เพราะเป็นเดือนแห่งเทศกาลกินเจ
เดือนแห่งเมตตาธรรม เดือนที่คนจะทำความดีได้สะดวกที่สุดในเรื่องการกิน
ซึ่งก่อบาปให้แก่คนมากที่สุดเช่นกัน มิฉะนั้นแล้ว พระพุทธเจ้าก็คงไม่ตรัสฝากมนุษยชาติว่า
"คนเอ๋ย ! อย่าทำบาปเพราะเห็นแก่กิน"
ตุลาคม เป็นเดือนแห่งความทรงจำอีกประการหนึ่ง
คือ ความวิปโยค ที่เคยมีม็อบประชาชน ออกมาต่อสู้ กับอำนาจเผด็จการ
แม้ปัจจุบันก็มีการจัดงานระลึกถึงความสูญเสียในครั้งนั้น และยังมีการ
ร้องเรียน ร้องเรียกทวงคืนชีวิตกันอยู่ ผู้ที่ถูกตราบาปกำกับไว้ในหัวใจของประชาชนที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ
ทำให้พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนฝูงต้องพลัดพราก สาบสูญหายไป ก็ยังเกิดอาการความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้นอยู่
เช่นเดียวกับผู้ที่มีอำนาจในยุคนั้น ที่ได้สั่งการไปจนเกิดผลเสียมาถึงปัจจุบัน
ก็ยังเป็น "จำเลยหัวใจของคนในสังคม"
อยู่ตราบเท่าที่คนกลุ่มนั้นไม่เปลี่ยนแปลงนิสัย ไม่เปลี่ยนแปลงความคิด
แน่นอนที่สุดว่านรกนั้นก็คงจะต้องสถิตอยู่ในวิญญาณของเขาตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ผู้กระทำความชั่ว ผู้เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น ผู้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอย่างไร
การกระทำชั่วเหล่านั้น ก็ยังตราตรึง วิญญาณ เขาอยู่ตราบนั้น ไม่มีใครแก้พันธนาการออกให้เขาได้
นอกจากตัวของเขาเอง
วันที่ ๖ ถึงวันที่
๑๕ ตุลาคม เป็นเทศกาลเจ เป็นวันเมตตาธรรม
ที่คนจะรู้โดยทั่วกันเป็นสากล ที่ไม่เคยกินก็หันมากิน ที่ไม่เคยถือก็หันมาถือ
เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง ควรขอบคุณเป็นที่สุด ที่ผู้มีปัญญา อันแหลมลึก
ในการช่วยกันกำหนดวันสำคัญนี้ไว้ในปฏิทิน เป็นวันเกิดอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ใช่จะเพียงเกิดมาคอหยักๆ เรียกว่าคน
หากไม่มีคุณธรรมเมตตากรุณาแล้วไซร้ จะมีประโยชน์อันใด
เพราะคน คือ
ผู้ทำให้ยุ่งเหยิง ผู้ยังสับสน ผู้ยังเป็นสัตวโลกธรรมดาๆ ที่มีสัญชาตญาณต่ำเลว
พร้อมที่จะทำตามสัญชาตญาณเหล่านั้น โดยไม่มีจิตใจคิดคำนึงถึงคนอื่น
สัตว์อื่นเลย
แต่มนุษย์
คือ คนที่ได้ฝึกฝน อบรมตนจนมีใจสูง มีใจประเสริฐ มีใจดี มีศีลธรรม
รู้จักควบคุมอำนาจ ฝ่ายต่ำแล้ว เพราะถ้าคนไม่ละทิ้งความเป็นสัตวโลก
แค่ว่าคน โลกก็จะเดือดร้อนไปทั่ว คนคือผู้รังแกสัตว์ ทั้งหลายในโลก
ทั้งที่เป็นคนด้วยกันและสัตว์อื่นที่ต่ำกว่าสงครามจึงไม่เคยสิ้นสุด
ตราบที่คน ยังไม่พ้น ความเป็นคน
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่คนรังแกสัตว์อื่นๆ
อย่างน่าสังเวช เช่น ตัวลิ่น หรือนิ่ม ซึ่งมีเพียงเกล็ด ที่จะป้องกันตัวเอง
สัตว์อื่นไม่อาจรังแกได้ เพราะมันขดตัวอยู่ในกลีบในเกล็ด แต่การหลบภัยเช่นนั้น
กลับเป็นหนทางให้คนจับมันได้เร็ว ขึ้น ด้วยการเอาหมาไปดมกลิ่นถึงรูที่อยู่อาศัย
แล้วก็จับมาได้ง่ายๆ จนป่าเขาใหญ่ นครราชสีมาจะหมดพันธุ์นิ่มอยู่แล้ว
ไม่ต่างจากเนื้อสมัน ที่ตกเป็นเหยื่อของคน จนหมดพันธุ์ไปแล้วเหมือนกัน
นิ่มเป็นสัตว์ที่คนจีน คนลาว คนอินโดนีเซีย
มาเลเซียชอบนัก คนไทยจึงนิยมจับส่งไปขาย เพราะได้ราคาดี กิโลกรัมละหนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
ทางการจับผู้ลักลอบขนสัตว์เหล่านี้ไปขายส่งต่างประเทศได้คราวละ
๕๐๐-๑,๐๐๐ ตัว ต่อไปก็มีแต่ จะสูญพันธุ์ แน่นอน เพราะไม่มีใครจะเอานิ่มไปเลี้ยงได้
เนื่องจากอาหารของมันคือมดและปลวก ซึ่งถ้าจะกล่าวว่าเป็นวัฏจักรของกรรมไม่ดีที่นิ่มกินมด
กินปลวก ซึ่งเป็นสัตว์เล็กๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้เหมือนกัน นิ่มจึงถูกคนกินสนองตอบตามกรรมมันทำมาก็ถูกอยู่
แต่ถ้าคิดอย่างนี้ว่าเป็นกรรมของนิ่มฝ่ายเดียว โดยไม่คิดถึงกรรมของคนผู้กระทำกรรมปาณาติบาตนั้นบ้าง
คนก็คงจะต้องเป็น ผู้รับกรรมของสัตว์โลก ทั้งหมด เพราะคนกินสัตว์ทุกอย่าง
สัตว์บางชนิดยังกินบางอย่าง คนจึงเป็นสัตว์โลกที่ทำบาป
เพราะการกิน มากที่สุด เพราะกินสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก
น้ำ อากาศ ในรู ในป่า ในถ้ำ ในเขา ฯลฯ แต่สัตว์กินเฉพาะอย่างที่มันอาศัยอยู่ใกล้ๆ
หรือที่กำหนดมาโดยชาติกำเนิด แต่คนกลับไม่ยอมรับ ความจริงข้อนี้ จึงต้องเป็นคนบาปต่อๆๆ
ไปและสืบทายาทของความเป็นคนบาปนี้ต่อไปเช่นกัน
ธรรมชาติจึงลงโทษ โดยให้คนมีเชื้อโรค เป็นโรคภัยไข้เจ็บมากกว่าสัตว์อื่นๆ
และต้องลำบากกว่าสัตว์อื่นๆ ทั้งโรคทางกาย โรคทางประสาทและโรคทางใจด้วย
รวมถึงได้รับภัยจากธรรมชาติมากที่สุด ทั้งอัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย
โรคภัย และภัยจากคน
ทุกวันนี้ พ.ศ.๒๕๔๕ เหตุการณ์จากภัยธรรมชาติทั่วทั้งโลก
ไม่ว่าทวีปไหน ล้วนเฉลี่ยรับไปถ้วนทั่ว ทั้งที่เป็นภัยจากน้ำมือคนและ
ภัยธรรมชาติ แต่คนก็ไม่รู้สึก
คนเลี้ยงหมา แต่ก็เอามาหมามากัดกันมาวิ่งแข่งกันเพื่อพนันเอาเงิน
จนกระทั่งกินหมาด้วย หมาตัวละ ๕๐๐-๗๐๐ บาท คนกินหมา คนกินเนื้อคน กินเนื้อสัตว์
และหาวิธีกินแปลก หรูหราไปเรื่อยๆ ป'จจุบัน มีเนื้อวัวชนิดหนึ่งจากญี่ปุ่นกำลังเป"นที่นิยมกันในประเทศไทย
ชื่อเนื้อ "มัตซูซากะ"
เป็นเนื้อเด่นดังกว่าเนื้อ "โกเบ"
วัวชนิดใหม่นี้ ต้องใช้เวลาเลี้ยงถึง ๓ ปีกว่าจะกินได้ และการเลี้ยงก็ต้องทำอย่างดี
อาหารจำพวกถั่วเหลือง ข้าวโพด ฟาง และอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เพื่อให้เนื้อนิ่ม
น้ำดื่มก็ต้องเป็นน้ำผลไม้ น้ำแร่ น้ำแอปเปิ้ล เบียร์ชั้นดี ราคาวัวชนิดนี้ตัวละถึง
๑๕ ล้านบาท สำหรับตัวที่ชนะการประกวดมาแล้ว
ถ้าติดอันดับ ๕๐ ก็จะได้ราคาตัวละ ๔ ล้านบาท หากจะเอามาทำอาหารแล้ว
๔ ชิ้นบางๆ ราคา ๑,๖๐๐ บาท
กบภูเขาจากเบตง ราคากิโลกรัมละ ๗๐๐- ๑,๐๐๐
บาท
จิ้งจก ตุ๊กแก สัตว์มีปีก จิ้งหรีด แมงปอ
ตั๊กแตน ฯลฯ ทอดจากร้านแมลงอินเตอร์ ส่งขายเป็นกล่องสวยงาม ติดยี่ห้อหรู
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ฯลฯ ...ฯลฯ
ในเทศกาลกินเจ เดือนตุลาคมนี้ จะเป็นเดือนแห่งเมตตาธรรมกันได้บ้างไหม?
คนดีท้อแท้การทำดี เพราะคนดีมีน้อย คนเลวมีมาก ไม่ต่างจากน้ำมันกับน้ำบริสุทธิ์
คนดีจึงถูกดูถูกเหยียดหยามว่าโง่
ไม่ต่างจาก "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" เป็นความท้อแท้ที่น่าตำหนิล่ะหรือ?
ในเมื่ออัตราส่วน ถ่างห่างกันมากถึงปานฉะนี้ ดั่งคำตรัสของพระพุทธองค์ที่ว่า
"ธรรมะของบัณฑิตอริยะกับปุถุชนนั้น
ต่างกันดุจฟ้ากับดิน" แล้วคนดีจะทำดีมากปานใดจึงจะเพียงพอแก่การพยุงโลกนี้ไว้
ใครๆ ก็ต้องการคนดีอยากให้คนดีเกิดขึ้นในแผ่นดิน แต่คนก็ไม่คิดจะช่วยเหลือคนดี
ไม่คิดจะอุปถัมภ์ค้ำจุนคนดี ไม่คิดจะส่งเสริมคนดี
เพราะแม้แต่คนดีสอนให้คนทำดี ก็ยังยาก ยังลังเลในการทำ
แม้จะรู้ว่าดียอมรับว่าดีแล้ว ก็ยังไม่ทำ ชักช้าที่จะทำ หรือปล่อยเลยทำเลย
ปล่อยให้คนดีทำดีต่อไป ส่วนฉันก็คงทำไม่ดีต่อไปเหมือนเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้
โลกนี้จะดีขึ้นได้อย่างไร
เช่นเดียวกัน เทศกาลกินเจในแต่ละปี การหากินก็ง่ายแสนง่าย
คนขายเจก็มากขึ้น บางคนมาขายเจ เพราะต้องการเพิ่มรายได้พิเศษ หลังถูกออกจากงาน
หรือว่างงาน แต่คนขายเพิ่มมากขึ้น ส่วนคนกินไม่ได้ เพิ่มสักเท่าไหร่
บางแห่งไม่เพิ่มเลย ทั้งยังถูกเฉลี่ยไปซื้อตามที่ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นไปอีก
เหตุผลที่ว่า กินเจ ไม่สะดวก ก็ไม่ใช่ เพราะวาระนี้กินสะดวกที่สุดแล้ว
ก็ยังไม่กินกัน แล้วจะรอกินตอนไหน
ท้องไส้ในพุงของคนเราเต็มไปด้วยของโสโครก
ขี้ทั้งนั้น เรารังเกียจขี้ฟัน ขี้ไคล ขี้ตา ทั้งที่ขี้ทุกอย่างมันไหลออกมาจากข้างใน
เพราะร่างกายคือถังขี้ แต่เราก็กินขี้เข้าไปอีก คือ ขี้ขยะ ไก่ตาย
เป็ดตาย หมูตาย กุ้งตาย ปลาตาย หอยตาย ฯลฯ คือขี้ขยะทั้งนั้น เป็นทั้งขี้ขยะ
เป็นทั้งศพ รวมถึงเลือด และขี้วัว (ขี้เพี้ย)ด้วย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเราเหม็นจากอะไร
ต้องไปถูกเครื่องสำอางดับกลิ่นหลอกลวงอีก ดับกลิ่นตัว ดับกลิ่นในที่ลับ
ดับกลิ่นปาก ดับกลิ่นเหงื่อไคล ดับกลิ่นเต่า ฯลฯ ราคาก็แสนแพง สินค้าต่างประเทศทั้งนั้น
หรือไม่ก็ต้องจ้างคนต่างประเทศมาประดิษฐ์ ปรุงแต่ง ทำ สอนให้ ดุลการค้าเมื่อไหร่จะถอนหนี้ได้สักที
พูดตรงๆ
บอกกันซื่อๆ ก็ว่าไม่มีมารยาท
บอกเลียบๆ เคียงๆ อ้อมๆ แอ้มๆ ก็ไม่รู้เรื่อง
นี่คือมายาของคนที่น่าสงสารที่สุด และไม่มีวันจะเพิ่มความฉลาดขึ้นมาได้
ตราบใดที่ยังหลอกตัวเองอยู่
ก็ไม่ต้องหวังที่จะรอดพ้นไปจากการถูกคนอื่น สิ่งอื่นหลอก
ความยุติธรรมที่คนร้องขอกันนัก แม้แต่ร้องขอชีวิต
หากจะต้องผิดหวังจากการร้องขอ ก็อย่าแปลกใจเลย
เพราะว่า แม้สัตว์จะร้องขอชีวิต คนก็ยังไม่ให้เลย แล้วคนจะร้องขอชีวิต
จากใครได้อีก คนด้วยกันเองก็ยังรังแกกัน คนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
คนตัวใหญ่รังแกคนตัวเล็ก คนเงินใหญ่ รังแกคนไม่มีเงิน คนมีมากรังแกคนมีน้อย
คนรู้มากรังแกคนรู้น้อย ฯลฯ
แต่เมื่อคนบาปเหล่านั้น จะต้องประสบกับเคราะห์กรรมอันเลวที่ตนกระทำไว้สนองตอบ
ก็ยังไปร้องขอ ให้เทวดาฟ้าดินช่วยเหลือ มิหนำยังแช่งชักร้องด่าเทวดาฟ้าดินอีก
หากไม่ได้ดังใจ ไม่ได้สำนึกเลยว่า
ตนนั่นแหละคือเทวดาฟ้าดินที่มาให้คำตอบสุดท้ายแก่ตนเอง เพราะมัวแต่มองความผิดจากสิ่งอื่น
คนอื่น ไม่ได้มองความผิดที่ตัวเองเลย คนจึงต้องประสบกับปัญหา และภัยอันตรายรอบด้าน
เพราะคน ไม่แก้กรรมของคนเอง
แม้โอกาสมี จังหวะให้ ช่องทางเปิด แต่คนก็ไม่ทำ
ไม่รู้ ไม่รีบแก้ไข เช่นกับเดือนเทศกาลกินเจ เทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งเป็นโอกาสแห่งการแก้กรรม
ให้คนมาหยุดกรรมเลว หยุดกรรมชั่ว หันมาทำกรรมดี เพียง ๓ เดือน เพียง
๑๐ วัน ยังมีเวลาทำชั่วอีกมากมาย เพียงแค่นี้ก็คานดุลกันไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อไหร่จะหยุดกันสักที อย่าให้คนด้วยกันมาหลอกกันต่อไปด้วยการให้พร
หลังจากทำปลานึ่งไปถวายพระ ทำแกงไก่ไปถวายพระ ทำเนื้อทอด ทำกุ้งเผา
ฯลฯ ไปถวายพระ เพราะการกระทำเช่นนั้น
ยิ่งเป็นการเพิ่มบาปขึ้นไปอีก
สู้ไม่ทำเสียดีกว่า เพราะนอกจากเพิ่มข้อโกหกแล้ว ยังเป็นการเพิ่มข้อหลงผิดขึ้นไปอีกด้วย
หยุดกันได้หรือยัง?
สำหรับบาปกรรมที่ทำกันมาชั่วนาตาปี
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับความหลงผิดที่หลงกันมาตั้งแต่เกิด
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับคำปลอบใจที่ไม่เป็นธรรม
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับคำแนะนำที่ผิดหนทาง
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับความเกรงใจอันเป็นมิจฉาทิฐิ
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับความเป็นคนที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับความเป็นชาวพุทธแต่เพียงเปลือกๆ
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับการเป็นคนโลกเก่า ไม่พาตนก้าวหน้าเจริญในกุศล
หยุดกันได้หรือยัง? สำหรับความไม่พอทั้งหลายในโลก
เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า
"แม้ภูเขาทั้งหมดในโลกนี้จะเป็นทอง ก็ไม่อาจสนองตัณหา ของคนได้ทั้งหมด
โลกลุกเป็นไฟอยู่แล้ว แต่ไฉนคนไม่คิดแสวงหาแสงสว่าง"
ทุกข์ โศก โรค ภัย ล้วนมาจากอกุศลกรรมของคนด้วยกันทั้งสิ้น หากไม่ช่วยกันละ
อกุศลกรรม ไม่ช่วยกันทำกุศลกรรมคือ ถือศีลกันให้มากๆ ถือศีลกันให้จริงๆ
จังๆ แม้เพียงศีล ๕ หรือข้อใดข้อหนึ่งให้โดดเด่น ทุกข์ โศก โรค ภัย
จะสลายหาย ไป ได้อย่างไร เพราะทำกรรมใด ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ไม่มีใครฝืน
บิดเบือนสัจจะนี้ไปได้
ผู้แสวงหาสิ่งอันดีงาม อันประเสริฐ พึงหันมาปรับปรุงตน
แก้ไขตน ทำสิ่งที่ดีๆ ให้กับตนเสียที ภัยธรรมชาติ กำลังโลดแล่นเข้ามามากขึ้นๆ
เพื่อสอนคนให้สำนึก หากมัวล่าช้าอยู่ จะสายเกินการ อภัยเสียเถอะ ให้ชีวิต
ให้ความสุข ให้สิ่งดีๆ แก่คนด้วยกัน แก่สังคม เป็นหนทางเดียวที่เราจะได้รับสิ่งดีๆ
ด้วย
อย่าลืม! เดือนตุลาคม เป็นเดือนเมตตาธรรม
เพื่อแก้ไขเคราะห์ร้ายต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และที่เคย เกิด มาแล้ว
ตุลาวิปโยคเอย น้ำกำลังท่วมเอย โรคร้ายแรงใหม่ๆ กำลังเกิดขึ้นเอย ฯลฯ
เป็นสัญญาณอันตราย เป็นเทวทูต ที่เมตตา มาบอกกล่าวแก่เรา ผู้มีปัญญาฉลาดพึงเฉลียว
แล้วรีบกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ทำสิ่งที่ดีๆ ให้แก่ตน คือ ทาน ทั้งวัตถุทาน
อภัยทาน ทานชีวิตให้สัตวโลกด้วยกัน รวมถึงทาน สิ่งอันเป็น อบายมุขต่างๆ
ด้วย แม้จะใกล้ออกพรรษาแล้ว ปลายพรรษาก็ยังไม่สายเกิน แม้หวิดเส้นยาแดงก็ตาม
ยังดีกว่าไม่ได้คิด ไม่ได้ทำเลย เพราะจิตที่ตั้งไว้ดีแล้ว
ย่อมนำความสุขมาให้ การทำดีแม้ชั่วลัดมือเดียว เหมือนไก่ปรบปีก
งูแลบลิ้น ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ
พูดกันชัดๆ
เตือนกันตรงๆ อย่างนี้แล้ว จะหยุดกันได้หรือยัง
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๔๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)
|