หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ตอน บ้านนอกไปดูหนัง
น้อยหัวเราะเสียท้องคัดท้องแข็งอย่างปรีดาว่าจริงๆ ด้วย ในหนังนั้นมีชายอ้วนคนหนึ่ งผอมคนหนึ่ง เป็นเพื่อนกัน แล้วทั้งสองคน ก็ชอบทำอะไรตลกๆ ผิดๆ อยู่เรื่อยเลย จะสวมเสื้อ คนอ้วนก็หยิบ ของคนผอม ไปสวม คนผอม ก็เอากางเกง ของคนอ้วนไปนุ่ง จากนั้นก็พากัน เดินตุ่บตั่บ ไปด้วยกัน คนดูหัวเราะกันทั้งวิก บางตอน สองคน ถูกหมาไล่กัด ต้องวิ่งหนีลงน้ำมั่ง ขึ้นต้นไม้มั่ง ที่ลงน้ำก็ไปเจอจระเข้ ที่ขึ้นต้นไม้ ก็ถูกลิง แยกเขี้ยวใส่ โอ๊ย! น่าขำจริงจริ๊ง แค่ท่าทางเขาเดิน ก็ตลกแล้ว

เรื่องอ้วนผอมตอนที่น้อยชอบมากที่สุดในคืนนั้น คือตอนอ้วนผอมไปนั่งดูหนัง เหมือนกับที่เธอ และปรีดา นั่งกัน นั่นแหละ อากาศหนาวมาก จนผู้คนต้องสวมเสื้อหนาๆ อ้วนผอมก็สวม เสื้อผ้าเสียปุกปุย สักครู่ คนผอมกระซิบ บอกกับคนอ้วนว่า เขาร้อนมาก สักพักคนอ้วนบอกว่า เขาก็ร้อนเหมือนกัน ร้อนจนต้อง นั่งพัดกันสองคน คนอื่นๆ พากันหันมามอง และดุ สองเกลอ อ้วนผอม จนทีหลังจึงรู้ว่า ที่สองคน ร้อนกัน หนักหนา ก็เพราะเต่าตัวหนึ่ง มีเทียนไข ติดอยู่บนหลัง เดินสี่ตีนงุ่มง่าม มาตามทาง จนถึงที่อ้วนผอม นั่งกันอยู่ มันไปหยุดอยู่ ใต้คนผอมก่อน แล้วคลานเขยิบ ไปใต้คนอ้วน ในที่สุด สองเกลอร้อนหนักเข้า เพราะถูก เทียนไขลน จนกางเกงตรงก้นไหม้ไฟเป็นวง เจ้าตัวเข้าใจว่า ผีหลอก เพราะเห็นแต่เทียนเดินได้ ไม่เห็นเต่า จึงตะโกนว่า ผีหลอก! ผีหลอก! แล้วก็ออกวิ่ง เห็นกางเกงตรงก้นขาด เป็นวงกลม คนดูหัวเราะกัน เสียจนตัวโยน รวมทั้งน้อยด้วย

แล้วไฟก็เปิดอีกครั้ง คนบนขาหยั่งกรอแถบนั้นกลับอีกที ก่อนเอาออก และใส่ม้วนใหม่ เข้าไปแบบเดิม เสียงคนพูดกัน จ่อกแจ่ก ดังกว่าครั้งแรก เด็กขายของกิน ก็พากันร้องขายของกันขรม

ปรีดาบอกน้อยว่า

"เราไม่ต้องซื้อหรอก เดี๋ยวหนังเรื่องก็ฉายแล้ว พอหนังเลิกพี่นีย์เขาบอกดาว่า จะพาพวกเรา ไปกินนมเย็น แล้วก็กลับบ้าน นั่นไง หนังเรื่องมาแล้ว"

หนังเรื่องผจญไฟป่าที่น้อยดูคืนนั้นน่าตื่นตาตื่นใจมากเหมือนกัน พระเอกนางเอก ใส่เสื้อ กางเกง สีกากีทั้งคู่ สวมหมวกกะโล่ เหมือนของพ่อด้วย พวกเขาเดินทาง เข้าไปใน ป่าดงดิบ ที่ไหนไม่รู้ แต่ไม่ใช่ ป่าที่แว้ง เพราะมีสัตว์ต่างๆ มากมายหลายชนิด ที่น้อยไม่เคย เห็นมาก่อน ลิงก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ อย่างลิง ขึ้นมะพร้าว ตามบ้านแขกที่แว้ง แต่เป็นลิง ตัวใหญ่ มหึมา พวกมันตี หน้าอกตัวเอง ดังบึ่กๆ น่ากลัวมาก ช้างก็ตัวโตกว่าช้างที่แว้ง ใบหูของมัน ใหญ่มาก ในน้ำ ก็มีสัตว์ คล้ายควาย แต่ไม่ใช่ควาย เพราะปาก มันกว้าง และมันไม่มีเขา ปรีดาบอกว่า มันเป็นฮิปโป้

พระเอกนางเอกเดินทางเข้าไปในป่าลึกมากขึ้นทุกที ไปพบพวกคนป่าไม่สวมเสื้อผ้า แล้วก็ เดินทาง ไปหา คนที่สูญหาย น้อยเคย อ่านพบ ในหนังสือของพ่อ เรื่องแม่มดหมอผี ในหนังเรื่องนี้ ก็มีเหมือนกัน แล้วก็มี การต่อสู้ ระหว่างคนป่า พวกพระเอก กับคนป่า อีกพวกหนึ่ง พอจะเริ่มสู้กัน เสียงเด็กๆ ในวิกพากันตะโกน อะไรสักอย่าง ที่น้อยไม่เคย ได้ยินมาก่อน ดังคล้าย ตี๊ตาต่าตี๊ อะไรทำนองนั้น พอฝ่ายพระเอกชนะ ก็ตบมือ ให้กันทั้งโรง ตอนหลังของเรื่อง เกิดมีไฟป่า น่ากลัวมาก ทั้งคนทั้งสัตว์ ต้องวิ่งหนี กันจ้าละหวั่น หลงกันไป คนละทิศละทาง พระเอกต้องออก ตามหานางเอก แล้วทั้งสองคน ก็พบคน ที่เขาตั้งใจ ไปตามหา รวมทั้ง ได้พบขุมทรัพย์ ที่เก็บสมบัติ เป็นพวกทองคำ และเพชรนิลจินดามากมาย

พอหนังฉายจบแล้วพี่นีย์ก็พาน้องๆ เดินออกจากวิก ขาออกต้องเบียดคนที่เข้าไปใหม่ ดูเหมือน จะมากกว่า ตอนหัวค่ำเสียอีก น้อยถูกเบียด เซไปเซมา เธอถามพี่นีย์ว่า

"เขาจะไปไหนกันคะ ทำไมต้องเบียดกันด้วย?"

"เขาเบียดเพื่อจะได้ไปนั่งเก้าอี้ ไม่งั้นต้องยืนดู" พี่สุนีย์ตอบ

"ดูอะไรคะ?" น้อยถามด้วยความอยากรู้

"ก็ดูหนังที่เราดูแล้วนั่นไง เดี๋ยวเขามีฉายอีกรอบนึง" ปรีดาบอกน้อย

วูบหนึ่งของความคิด น้อยนึกถึงทาร์ซาน และตลกอ้วนผอม ที่เธอชอบมากๆ นั่น ทำให้เธอพูดขึ้นว่า

"งั้นเราก็นั่งดูอีกดีกว่า ไม่ต้องออกไป"

พี่สุนีย์กับปรีดาหัวเราะเพราะทราบดีว่าน้อยไม่เข้าใจ จึงตอบว่า

"ไม่ได้น้อย คนที่เขาเบียดเข้ามาเขาต้องซื้อตั๋วหนังรอบดึก ของเรารอบหัวค่ำ ดูจบแล้วก็ต้องออกไป ถ้าจะดูอีก ก็ต้องไปซื้อตั๋วใหม่ พี่ว่าไปกินนมเย็นกันดีกว่า"

นมเย็น เป็นของแปลกสำหรับน้อยอีกแล้ว อยู่ที่แว้งไม่มีน้ำแข็ง ได้รับประทานนมร้อนนานๆที ก็ว่าอร่อยแล้ว นมเย็นนี่ ยิ่งอร่อยกว่า ไปเสียอีก ทั้งหอมทั้งหวาน และเย็นชื่นใจเป็นที่สุด ทุกคนได้รับประทานกัน คนละ แก้วใหญ่ๆ น้อยมองดูแก้วของเธอ เห็นน้ำนม เป็นสีขาว มีน้ำแข็งเป็นก้อนเล็ก ใสเหมือนแก้ว ปนอยู่ด้วย ความเย็นของน้ำแข็ง ทำให้นอกแก้ว มีหยดน้ำเป็นละออง เหมือนละอองน้ำค้าง ตามยอดหญ้า เธอลอง จับมัน มันทำให้ มือเธอเปียก แล้วสักครู่ ละอองเหล่านั้น ก็รวมตัวไหลเป็นทาง ลงไปในจาน ที่เขารองแก้วมาให้ ส่วนบน ของนมเย็น เป็นสีชมพูแก่ แล้วก็มีเม็ดอะไรเล็กๆ ลอยอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง

เธอเห็นปรีดาเอาหลอดสำหรับดูด ปักลึกลงไปในแก้วแล้วก็คน จึงลองทำตามบ้าง คนไปได้ นิดหนึ่ง สีชมพูแก่ข้างบนนั้น ก็ปนเข้ากับ น้ำนมสีขาว ทำให้นมเย็นทั้งแก้ว กลายเป็น สีชมพูอ่อนสวย แล้วยังมี เม็ดอะไรเล็กๆ นั่นลอยปนอยู่ด้วย ยิ่งสวย และ น่ากินใหญ่เลย พอดูดเข้าไปหน่อยหนึ่ง น้อยถึงกับอุทานว่า

"อร่อยที่สุดเลยนะพี่แมะ หอมด้วย"

"ที่หอมน่ะเป็นกลิ่นน้ำนมแมว" พี่สุนีย์บอก "น้อยชอบหรือ? แมะล่ะ ชอบไหม?"

"ชอบค่ะ" ทั้งสองพี่น้องตอบพร้อมกัน พี่แมะถามต่อว่า "เม็ดดำๆนี่อะไรคะ?"

"เม็ดแมงลัก" ปรีดาตอบ

ทุกคนรับประทานนมเย็นนั้นอย่างช้าๆ เพื่อให้น้ำแข็งละลายออกมาอีก น้อยกำลังนึกเสียดาย ที่ไม่ได้เอา เศษสตางค์ ที่อุตส่าห์แคะ จากลูกน้อยหน่า ของเธอติดมาด้วย ไม่อย่างนั้น เธอจะสั่งซื้อนมเย็น ไปฝาก พ่อกับแม่ ก็พอดีพี่สุนีย์ ร้องบอกเด็กในร้านว่า ให้เอานมเย็น ใส่กระป๋องไปอีกสี่กระป๋อง

เป็นอันว่าคืนนั้นทุกคนได้รับประทานนมเย็นแสนอร่อยนี้ น้อยจะไม่มีวันลืม รสของมันเลย ตลอดไป

ระหว่างเดินกลับ ปรีดาถามน้อยว่า "น้อยชอบหนังไหนมากที่สุดที่ดูคืนนี้?" น้อยนิ่งคิดอยู่ ครู่หนึ่ง ก่อนที่ จะตอบว่า

"น้อยชอบหมด แต่ชอบไม่เหมือนกัน น้อยชอบทาร์ซานอะไรที่ดาชอบนั่นที่สุดเลย แล้วน้อย ก็ชอบ อ้วนผอมด้วย ชอบที่สุดเหมือนกัน ตลกจังนะ แล้วเรื่องผจญไฟป่า ก็สนุกมาก แหม! ถ้าในป่าที่แว้ง มีสมบัติ อย่างในหนังนั้นมั่ง ก็ดีหรอก"

"ก็ต้องรบกับคนป่าที่เฝ้าสมบัติน่ะซี" ปรีดาว่า ก่อนที่จะพึมพำต่อว่า "ตี๊ตา ต่าตี๊ ๆ"

"อะไรน่ะดา ที่ดาว่าน่ะ ตี๊ตา อะไร? น้อยไม่เคยได้ยินมาก่อนเล้ย สอนให้น้อยว่ามั่งซี"

"อ๋อ! ตอนนั้น มีหนังจีนมาฉายนะ นางเอกต่อสู้เก่งมากเลย ชื่อโอลี่จู พระเอกชื่อแซ่จูเล้ง พอจะรบ กันทีนึง ก็จะมีเสียงดนตรี ดังอย่างนี้แหละ ตี๊ตา ต่าตี๊ นี่แหละ ใครๆ ก็เลยจำได้ อีทีนี้ก็เวลาดูหนัง ไม่ว่าเรื่องอะไร พอจะสู้กัน พวกเราเด็กๆ ก็จะร้องกันก่อนไง อยากฟัง ที่ร้องทั้งหมดไหมล่ะ น้อยน่ะ?"

"ดาว่าซี น้อยจะจำไว้ไปว่าให้เพื่อนที่แว้งฟัง" น้อยขอร้อง ปรีดาจึงท่องให้ฟังว่า

"เขาว่างี้ ฟังนะ 'ตี๊ตาโม่งเช่ง แซ่จูเล้งกับโอลี่จู ผู้ร้ายมาเป็นหมู่ โอลี่จูก็ม่องเท่ง' ไม่ยากหรอก เดี๋ยวเดียว ก็จำได้แล้ว"

คืนนั้น เด็กทั้งสามคน นอนในมุ้งเดียวกัน น้อยท่อง "ตี๊ตาโม่งเช่ง แซ่จูเล้ง กับโอลี่จู ผู้ร้าย มาเป็นหมู่ โอลี่จู ก็ม่องเท่ง" ได้ขึ้นใจก ่อนที่จะผล็อยหลับไป อย่างเป็นสุข


๘. ผู้เขียนจำชื่อภาษาไทยของภาพยนต์เรื่องนี้ได้ กับยังติดตาภาพบางตอนอยู่ แต่ไม่ทราบว่า ชื่อเรื่อง ภาษาอังกฤษ ว่าอย่างไร สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรื่องในชุด Allan Quartermain ของ H.R.Haggard

*เขียนเสร็จเวลา ๑๒.๑๕ น.วันที่ ๒๗ พ.ย.๔๕ ที่บ้านซอยไสวสุวรรณ ช้าไปหลายวัน ด้วยเหตุที่เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ ของ นศ.มธ.
-
ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์เรืองอุไร กุศลาสัย ที่เพิ่มเติมข้อมูล เรื่องภาพยนต์สมัยโน้นให้ โดยเฉพาะ คำร้องเล่น ของเด็กไทย จากเรื่องโอลี่จู ที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ดู

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๐ มกราคม ๒๕๔๖)