หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

รัฐวิสาหกิจกำลังจะถูกขายอีกระลอกใหญ่ ความเป็นไทจะเป็นทาส
- ข้อมูลจากการอภิปรายของ ดร.วุฒิพงศ์ เพรียบจริยาวัตร และ ดร.อัมรินทร์ คอมันตร์

เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๕


ดร.วุฒิพงศ์ เพรียบจริยาวัตร
๑. ความเป็นไปอันน่าเศร้าของธุรกิจและรัฐวิสาหกิจไทย
กลุ่มธนาคารและบ.เงินทุนหลักทรัพย์
ธนาคารที่ถูกขายให้กับต่างชาติแล้ว คือธ.ไทยทนุ, ธ.นครธน(หวั่งหลี), ธ.สินเอเซีย,ธ.เอเชีย, บงล.รัตนสิน, บงล.ภัทรธนกิจ และที่กำลังจะถูกขายอีก คือ ธ.ศรีนคร,ธ.มหานคร, ธ.กรุงไทย, ธ.อาคารสงเคราะห์, ธ.ออมสิน

* ธุรกิจน้ำมัน
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดเกี่ยวกับการค้าน้ำมัน คือ SHELL, ESSO, CALTEX ส่วนการปิโตรเลียม แห่งประเทศไทย ขณะนี้ กลายเป็น บริษัทมหาชนจำกัด เรียบร้อยแล้ว (บมจ.ปตท.) โดยถูกนำหุ้น ๘ ร้อยล้านหุ้น มูลค่า ๒๘,๐๐๐ ล้านบาท ออกขายในตลาดหุ้น ใช้เวลาเพียง ๑ นาที ๗ วินาที ขายหมดเกลี้ยง รัฐบาลนี้ดีใจมาก ที่ทำสถิติ ใช้เวลาน้อยที่สุด หลังจากที่นำหุ้น ของบริษัทผลิตไฟฟ้าไทย ออกจำหน่ายมาแล้ว แต่นั่นหมายถึง ต่อไปนี้ไม่มี ปตท. ที่จะออกมาแทรกแซง ราคาน้ำมัน เมื่อบริษัทขายน้ำมัน รวมกันขึ้นราคา และท่านทราบ หรือไม่ว่า เงิน ๒๘,๐๐๐ ล้านบาทนั้น มิได้เข้ารัฐเลย เพราะทั้งหมด ถูกนำไปจุนเจือ โรงกลั่น น้ำมัน ที่บมจ.ปตท. ไปร่วมทุน กับต่างชาติ ซึ่งกำลังขาดทุน

* การไฟฟ้า
การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ปั่นไฟส่งขาย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รับซื้อ ประเทศไทย ใช้ไฟฟ้าสูงสุด ๑๔๐๐-๑๕๐๐ megawatt ยังเหลือกำลังผลิตอีก ๒๓,๐๐๐ megawatt ซึ่งยังอยู่เฉยๆ โรงไฟฟ้าบ่อนอก หินกรูด ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ๒,๑๐๐ megawatt ( megawatt ต้นทุนราคา ๓๕ ล้านบาท) คิดเป็นต้นทุน ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท แต่รัฐบาลต้องจ่ายเงิน ให้เอกชนไปสร้าง ถึง ๒ แสนล้านบาท จ่ายแพง แถมยังไม่มีความจำเป็นด้วย ขณะนี้มีกลุ่มบริษัท ที่เรียกว่า IPP ๗ ราย พยายามประมูล รัฐบาลอ้างว่า เพื่อจะทำให้ ราคาไฟฟ้าถูกขึ้น ถามว่าใครเป็นผู้กำหนดราคา ผู้บริโภคคนไทย หรือบริษัทเอกชน จริงๆ แล้ว หากไปดูข้อเท็จจริง จะพบว่ากลุ่ม IPP ๗ รายนี้ เป็นกลุ่มบริษัทซ้ำๆ กัน คนไทยใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ๑ แสนล้านหน่วยต่อปี หากขึ้นราคา เพียงหน่วยละ ๑ บาท คิดดู ก็แล้วกันว่า จะได้เงินเท่าไร

* การประปา
กำลังจะขายแบบ "วิจิตรโจรกรรม" โดยแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ การประปาฝั่งตะวันตก และ การประปาฝั่งตะวันออก ใช้แม่น้ำเจ้าพระยาแบ่ง รัฐบาลอ้างว่า ราคาน้ำประปาจะถูก เพราะจะมี การแข่งขัน ราคากัน ซึ่งในความเป็นจริง การผูกขาดโดย ๒ บริษัท ก็สามารถ ทำได้ง่ายๆ เคยมีตัวอย่าง การขายแบบนี้แล้ว คือ ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ WORLD BANK ดำเนินการเอง ที่ต้องแบ่งขายเป็น ๒ ส่วนเพราะว่า ๒ บริษัทยักษ์ใหญ่ ตกลงกันไม่ได้ คือ บ.ออนดิโอ ของยุโรปกับ บ.เบ็ตเทล ของอเมริกา เลยต้องแบ่งเค้กกัน

* การสื่อสารและคมนาคม
DTAC ถูกบ.เทลเลโน ซื้อแล้ว, TA ถูก ORANGE ซื้อแล้ว กสท.และ TT&T ก็กำลังจะหมดไป เหลือเพียงของ บริษัทต่างชาติ กับกลุ่มชินคอร์ป

* สนามบิน
รัฐบาลจะขายสนามบินที่เชียงใหม่ ที่โคราช และต่างจังหวัด มีการต่อต้านกันมาก เลยคิด จะขาย การท่าอากาศยาน กรุงเทพ ขณะนี้จะมีการนำเอาหุ้นของ บมจ.การท่าอากาศยาน แห่งประเทศไทย จำนวน ๓๐ % มูลค่า ๑ หมื่น ๕ พันล้านบาท ออกมาขาย

๒. ยุทธวิธีการยึดประเทศของต่างชาติในปัจจุบัน
การยึดประเทศเดี๋ยวนี้ไม่ใช้การทำสงครามแบบเดิม แต่ใช้การเข้ายึดธุรกิจ และรัฐวิสาหกิจ หลักๆ ที่เปรียบเสมือน เส้นเลือดใหญ่ เช่น ธนาคาร, ไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำประปา, การสื่อสาร, การบิน เป็นต้น รัฐบาลไทยทำแล้ว สมบูรณ์แล้ว เพียงเหตุผลที่ว่า เป็นการปรับปรุง ประสิทธิภาพ ราคาจะได้ถูกลง เพราะมีการแข่งขันกัน มันจริง อย่างนั้นหรือ? ตอบว่าไม่จริงแน่ เพราะเท่ากับมอบอำนาจผูกขาด ไปให้บริษัทเอกชน (ทุนยักษ์ใหญ่ ข้ามชาติ) มอบอำนาจรัฐ ให้เอกชน มีอำนาจ ในการบริหารจัดการ อันนี้ไม่ใช่เมืองขึ้น จะเรียกว่าอะไร? หากต้องการ เข้ามา ปรับปรุง แก้ไขจริง ทำไม? จึงไม่ขายไม่ซื้อ รัฐวิสาหกิจ ที่มีปัญหาเล่า เช่น ขสมก.หรือ รฟท. สรุปได้ชัดๆ เลยว่า การดำเนินการ เหล่านี้เป็น "ธุรกิจการเมือง เป็นการปล้นชาติ"

๓. ผลประโยชน์ในการซื้อขาย
นักการเมืองไทยได้ประโยชน์อย่างไร?การดำเนินธุรกิจหรือกิจการที่ซื้อขาย ดังกล่าว ต้องมี ที่ปรึกษา ทางการเงิน ลองคิดดู ๑% สำหรับการให้คำปรึกษา, ๓% ค่าประกันขายหุ้น รวม ๔% รัฐวิสาหกิจทั้งหมด มีมูลค่า ๑ ล้านล้าน บาท ๔% คิดเป็นเงินเท่าไร หากซื้อขายเพียง ครึ่งเดียว ก็มีมูลค่า ๒ หมื่นกว่าล้านบาทแล้ว วันนี้บริษัทที่ปรึกษา ทางการเงิน บอกว่า มีนักการเมือง ติดต่อมาว่า อยากได้งานไหม? แต่ต้องแบ่งให้ ๔๐% คิดดูเท่าไร? ๘ พันล้านบาท นี่ไง การปล้นชาติ นี่ยังเป็นส่วนน้อย ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ยังอยู่ที่หุ้น จำนวนมหาศาล แสนๆ ล้านบาท ซึ่งซื้อได้ ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด จะได้กำไร อีกเท่าไร เมื่อเอาไปขาย ในตลาดหุ้น เงินกำไร ส่วนนี้ สามารถแบ่ง ให้นักการเมือง, ข้าราชการระดับสูง, หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ที่ยินยอม ขายตัว อย่างสบายๆ


๔. การเมืองไทยขณะนี้
ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ขายมาโดยตลอด ๖ ม.ค. ๒๕๔๕ พรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้ง อย่างถล่มทลาย ประชาชนดีใจ มีความหวังแล้ว แต่ท่านครับ การขายธุรกิจ และ รัฐวิสาหกิจ ขณะนี้ยิ่งรุนแรง กว้างขวาง และแยบยล กว่ามาก ดร.สมคิด ไม่ใช่ธารินทร์ ๒ จริงๆ ธารินทร์ คือ สมคิด ๒ ดร.สมคิดไม่ได้บอกว่า จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้บอกว่า จะขาย ดร.สมคิดบอกว่า จะพัฒนารัฐวิสาหกิจ แต่จริงๆ ดร.สมคิด ขายส่ง คุณธารินทร์ ขายปลีก โดยจะขายรวม เป็นบรรษัท รัฐวิสาหกิจของชาติ (บวช)

๕. คนไทยต้องช่วยกันอย่างไร
เราวิพากษ์นโยบายรัฐบาล มิได้โกรธเกลียดหรือรักเป็นการส่วนตัว เราไม่ต้องกลัว คนเลวจะกลับมา อย่างในช่วงที่ รัฐบาลท่านชวน บริหารประเทศ คนไทย ไม่กล้าแตะท่านชวน เพราะกลัว คุณชวลิต จะกลับมา คนที่ค้ำบัลลังก์ ท่านชวนจริงๆ ไม่ใช่องครักษ์พิทักษ์ชวน แต่เป็น คุณชวลิต เวลาท่านชวนไป คุณชวลิตไม่มา หากคุณทักษิณไป รับรองว่า ท่านชวน ไม่กลับมาแน่ เพราะการเมืองไทย เป็นแบบ RIVER OF NO RETURN (สายน้ำไม่ไหลหวนกลับ) แล้วใครจะมา? ขอตอบว่า ๑. ผมไม่ทราบ ๒. ผมไม่แคร์ เพราะไม่เคยเห็น ความแตกต่าง ของพรรคการเมือง
สิ่งดีงาม มิได้มาจากนักการเมืองเอง แต่เป็นเพราะเกรงใจ ประชาชน เท่านั้นเอง วิธีเดียวคือ ทำให้รัฐบาลรู้ว่า ประชาชน เป็นคนตั้งรัฐบาล และล้มรัฐบาล แล้วตั้ง รัฐบาลใหม่ และจะล้มเมื่อ ประชาชน เลิกศรัทธารัฐบาล ใครจะมาก็ตามที ต่อไปนี้ เขาจะเกรงใจ ประชาชนมากขึ้น

คนไทยเราเวลาทำสิ่งที่ดีให้แก่สังคมใช้เวลานานมาก ไม่สามารถหักล้างสิ่งชั่วร้าย ที่ผู้มีอำนาจ จะสร้างเพียง ๑ วัน จึงต้องร่วมกัน ใช้ความดี ยับยั้งความชั่วร้ายด้วย.


ดร.อัมรินทร์ คอมันตร์
๑. ความเป็นชาติเป็นเรื่องราวของคนรักชาติกับคนขายชาติ
"คนชาติใดที่ไม่คิดถึงประวัติศาสตร์คนชาตินั้นไม่มีอนาคต"
ในประวัติศาสตร์พม่า ตีเมืองแล้ว ให้สุกี้พนายกอง อยู่ปล้นสมบัติ ของชาติไทย มีคนไทยทรยศ ชื่อนายทองอินทร์ สมัยนี้ เราก็ยังมีศัตรู คือ ยอร์ช โซรอส ทำลาย ค่าเงินบาท จากนั้นให้ IMF ร่วมมือกับ นักการเมือง ขายชาติ ทำการปล้นสมบัติ โดยออกกฎหมาย ๑๑ ฉบับ เมื่อเปลี่ยน รัฐบาลแล้ว ก็ยังทำการ ปล้นชาติอีก การขายทรัพย์สิน แก้ปัญหาได้จริงหรือ หรือเพียงต้องการ จะอยู่ในอำนาจ อีก ๑๘ ปี

๒. ผลประโยชน์ของการซื้อขาย

๑. เริ่มตั้งแต่การตั้งที่ปรึกษา ๔-๕ คณะ ยกตัวอย่าง กรณีโรงงานยาสูบ ค่าจ้างที่ปรึกษา ๗๐ ล้านบาท ได้เอกสารมา ๑ เล่ม คณะที่ปรึกษา มีการดำเนินงานอย่างนี้ มาแล้วหลายประเทศ ทำจนชำนาญ

๒. การปั่นหุ้น ได้หุ้นเข้าตัวเองอย่างมหาศาล (รวมทั้งญาติพี่น้อง) ภาษีอากร ของคนไทย นำไป ปั่นหุ้น กับบริษัท หุ้นต่างชาติ ปั่นหุ้นหลอกคนไทย แล้วเอาสมบัติของชาติไปขาย นำกำไร มาเลี้ยง นักการเมืองชั่ว ทำกันในต่างชาติ ทั้งที่อเมริกา, ยุโรป มากมายมาแล้ว เมื่อถาม ชาวต่างชาติ เหล่านั้นว่า ทำไมไม่มีการต่อต้าน ทำไม ๔-๕ ปี ไม่ออกมา ประท้วง เขาตอบว่า เพราะเขาถูก ปิดหูปิดตา ในเมืองไทยกฎหมายทุนวิสาหกิจ (ขายชาติ) ออกมาปี ๒๕๔๒ รัฐวิสาหกิจ ของเมืองไทย ผู้ที่ประทานให้แก่คนไทย คือ รัชกาลที่ ๕ นี่กำลังจะถูกขายไป

๓. การทุจริตคอรัปชั่น โดยใช้เงินซื้อนักการเมือง, ข้าราชการ, นักวิชาการ หรือ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เห็นด้วย โดยการให้เงิน, ให้หุ้น

๓. หลอกลวงประชาชนว่าขายแล้วจะดี
รัฐบาลกล่าวอ้างว่า เมื่อมีการแปรรูป เมื่อขายแล้วจะทำให้เกิดการปรับปรุง รัฐวิสาหกิจนั้น มีประสิทธิภาพ มากขึ้น ราคาจะถูกลง ซึ่งไม่จริง ขณะนี้ไปรษณีย์ถูกแปรรูป กำลังจะขาย ขึ้นราคาค่าบริการไปแล้ว ๑ บาท การประปา ต่างชาติ กำลังศึกษา เพื่อให้เกิด ความเชื่อมั่นว่า ซื้อแล้วหุ้นจะขึ้น จึงขอขึ้นราคาก่อนหน่วยละ ๕ บาท ยกตัวอย่าง ในประเทศ อาร์เจนตินา เมื่อขาย ประปาแล้ว ราคาแพงขึ้น, รวมทั้งไฟฟ้าด้วย อาร์เจนติน่าผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังน้ำ ราคาถูก แต่พอขายให้ต่างชาติ ขึ้นราคาเป็นหน่วยละ ๖.๐๐ บาทกว่า อาร์เจนติน่า มีบ่อน้ำมัน ของตนเอง ขณะนี้ ประชากร ๒๕ ล้านคนจาก ๓๗ ล้านคนยากจน, เด็กในเมือง ๓ ล้านคน ไม่มีอาหาร ๑ ล้านคน ไม่ได้เรียนหนังสือ คนตกงาน มากมาย สุภาพสตรี ชาวนิคารากัว บอกว่า พ่อเขาเก็บเงินไว้ ในธนาคาร ๑๐ ล้านบาท ตอนนี้มีค่าเพียง ๔ หมื่นบาท ดังนั้น หากจะกล่าวว่า ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพ ก็ควรปรับปรุง แต่ยังเป็นของชาติอยู่ก็ได้ นอกจากนี้ รัฐบาล มักแก้ตัวว่า นำหุ้นมาขายเพียง ๒๐-๓๐% รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ อย่าลืมว่า เมื่อรัฐวิสาหกิจ เปลี่ยนเป็น บริษัทเอกชนแล้ว บริษัทจะบริหารจัดการเอง อย่างไรก็ได้ จะขาดทุน จะกำไรก็ได้ แต่ พ.ร.บ.รัฐวิสากิจเดิมนั้น มีความรัดกุม สามารถแก้ไขปรับปรุงรัฐวิสาหกิจได้ โดยไม่จำเป็น ต้องขาย หรือเปลี่ยนไปเป็นเอกชน

๔. รัฐวิสาหกิจสร้างรายได้เข้ารัฐมากมาย แต่มักถูกโจมตี บิดเบือน
รัฐวิสาหกิจ ๘๐-๙๐ แห่งสร้างกำไรเข้ารัฐเป็นแสนล้านบาท แต่เมื่อต้องการจะขาย ก็มัก ถูกโจมตี บิดเบือนต่างๆ นานา เช่นมีการโกงกิน มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีการทุจริต เพื่อต้องการ ทำลาย รัฐวิสาหกิจ ต้องการให้สังคมเกลียด อย่างสายการบินไทยนั้น ติดอันดับโลก ทำกำไร ส่งกระทรวงการคลัง พอมีนักการเมืองเข้ามา ก็โจมตี แล้วจะขาย แต่ไม่แก้ไข

๖. ผลประโยชน์ที่ต่างชาติได้รับ
จำธนาคารกรุงเทพได้หรือไม่ แต่ก่อนตระกูลโสภณพานิช มีหุ้นเพียง ๑๐-๒๐% ต่อมาซื้อหุ้นได้ เพิ่มจนครอง ธนาคารกรุงเทพ มาโดยตลอด ก็เช่นเดียว กับบริษัทต่างชาติที่เดิม อาจมีหุ้น เพียงเล็กน้อย แต่ความที่เป็นยักษ์ใหญ่ ก็สามารถ ซื้อได้อีก องค์การโทรศัพท์ ขายไปแล้ว เมื่อมีการปั่นหุ้น พอหุ้นขึ้น ใครจะไม่ขาย การปั่นหุ้น ทำให้เงินไหล ออกไปนอกประเทศ เหมือนเสียเลือด ออกไปจากร่างกาย ไฟฟ้า ๒ แสนล้านหน่วย หากขึ้นราคา เพียงหน่วยละ ๑ บาท เงินจะออกไปนอกประเทศ อีกเท่าไร ยกตัวอย่าง ประเทศอาร์เจนติน่า ขายโทรศัพท์ ให้บริษัท ของประเทศสเปน สเปนกลับประกาศ ขาดทุน ๑.๘ พันล้านดอลล่าร์ เป็นข้ออ้าง ที่จะขึ้นราคา การขายรัฐวิสาหกิจ จึงไม่ใช่แก้ปัญหา กลับเป็นการสร้างปัญหา

๗. คนไทยต้องตื่นตัวแล้วออกมาปกป้องสมบัติของชาติ

อย่าให้นายทองอินทร์ทรยศต่อชาติไทยอีก คนไทยยังตั้งตัวอยู่ในความประมาทมาก ในวันที่ ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๕ กลุ่มพนักงาน รัฐวิสาหกิจต่างๆ จะรวมตัวกันที่พระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงพระราชทาน รัฐวิสาหกิจ ให้แก่คนไทย


ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยาวัตร
การ PRIVATIZATION ไม่ใช่การแปรรูป แต่มันคือ การขายให้เอกชน เป็นการทุจริต อย่างถูก กฎหมาย การคอรัปชั่น ที่น่ากลัวที่สุด คือการคอรัปชั่น อย่างถูกกฎหมาย เพราะคน คอรัปชั่น คือ คนออกกฎหมาย และแก้กฎหมาย เดี๋ยวนี้ การคอรัปชั่น ไม่ได้กินหัวคิวจากการซื้อ เป็นกินหัวคิว จากการขาย และ เป็นการปล้นชาติ ขายชาติ ไม่ใช่ คอรัปชั่น ธรรมดา

นักการเมือง, ข้าราชการระดับสูง และ นายทุนใหญ่เรียกว่า "แก๊งไตรภาคี" "ชั่วสามประสาน" "สามเหลี่ยมทรราช"

เร็วๆ นี้ จะมีการขายรัฐวิสาหกิจอีก ๑๘ แห่ง ขายไปเรื่อย จนหมด ภายในปี ๒๕๔๗


ดร.อัมรินทร์ คอมันตร์
การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ในหลวงทรงแนะนำ ให้พึ่งตนเอง มีเศรษฐกิจ แบบพอเพียง เมื่อไม่มีอะไร? เป็นของตนแล้ว จะมีเศรษฐกิจ พอเพียงได้อย่างไร? ส่วนพวก สถาบันวิจัย ก็มักเป็น เครื่องมือ ของต่างชาติ เราต้องติดตามเขาให้ทัน

ก่อนที่รัชกาลที่ ๓ จะทรงสวรรคต ทรงเรียกพระยาสุริวงศ์ เข้าไปพบ แล้วตรัสว่า "ศึกทางพม่า ก็คงจะไม่มีแล้ว จะมีก็แต่ ทางตะวันตกเท่านั้น เราเรียนวิชาเขาได้ แต่อย่าได้เลื่อมใส" หากตก เป็นทาสเศรษฐกิจแล้ว จะเป็นร้อยๆ ปี
..........................................................................................................
ท่านผู้อ่านสามารถติดตามรายละเอียด ได้จากหนังสือ ของ "สถาบันสหัสวรรษ" ที่จำหน่ายตามร้านหนังสือ ชื่อเรื่อง "ซื้อรัฐวิสาหกิจแถมประเทศไทย"

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๑ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖)