หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ฉลาดมั่วนิ่มๆ - วิมุตตินันทะ

นายกฯสั่งคลังเร่งผลักดันกาสิโน คาดเปิดดำเนินการได้ภายในปีนี้ "เวลานี้มีการหารือ เป็นการภายใน ระหว่าง ผู้บริหาร ที่ดูแลสำนักงานสลาก ว่าจะมีการดำเนินการ ในเรื่องการจัดตั้งกาสิโนในเมืองไทย ได้หรือไม่ และพร้อม ที่จะทำได้เมื่อไหร่ ที่ไหน หากมีจังหวะที่เหมาะสม และแนวโน้ม ของผู้ที่เห็นด้วย มีมากขึ้น เชื่อว่าภายในปีนี้ อาจจะเห็นกาสิโน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในเมืองไทย อย่างช้า ก็อาจไม่เกิน ปีหน้า" (ไทยโพสต์ ๒๐ ม.ค. ๔๖)

ไม่น่าเชื่อเลยว่า นายกฯทักษิณผู้คุยตัวว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นนักธุรกิจรวยล้น ในพริบตา โดยสุจริต จะมาเป็น คนคิดอ่านแผลงๆ เพื่อผุดมหานรกกาสิโนให้จงได้ ทั้งที่ยังไม่เคยมี รัฐบาลไหน ห่วยแตกยังไง ก็ไม่เห็นอุตริ ปานนี้เลย

แน่นอนว่า ครอบครัวชินวัตร ที่สร้างตัวเสวยสุขอยู่ได้ดี คงต้องห่างไกล ผีบ้ากาสิโนเป็นแน่แท้ แล้วเหตุไฉน ไม่คิดห่วงใย พี่น้องไทยอื่นๆ บ้างไยจะต้องเปิดขุมนรก อบายมุข ให้คนตกทุกข์ มากหน้า สาหัสเพิ่มพูน อีกทำไม หรือว่านรกเมืองไทยเล็กใหญ่ทั้งหลาย มันยังอยู่น้อยเกินไป ไม่เพียงพอ แก่ความต้องการ อันนับเป็นเศรษฐกิจ ขาดแคลน ต้องสนองอุปสงค์ตัณหา ราวกับ เป็นวาระแห่งชาติ ด่วนจี๋ จนผู้นำสั่งลุย งานนี้คงฉลุยไปโลด ทรท. ไทยรักทาส...

เอาง่ายๆ ลำพังโรงหวยรัฐบาล ๑๔ ตุลาอุตส่าห์เผา เสร็จแล้วล้มได้ที่ไหน มีแต่ผงาดก้าวหน้า ล้ำยุค ซ้ำโฆษณาทีวี มันได้ทุกวัน ไม่รู้จะมอมเมาอะไรกันนักหนา เงินช่างเหลือใช้จริงๆ จนต้องผลาญเล่น ขนาดนี้ ตลกร้ายไหม.....

นึกเป็นห่วง กระทรวงพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์ ที่ชาติคิดอ่านจะตั้งขึ้น แล้วมันไปด้วย กันกับ แผนส่งเสริม กาสิโน อย่างไรไม่ทราบ ใครไม่สับสนบ้าง ทียาบ้าจะปราบให้เหี้ยนในสามเดือน แต่ส่งเสริมให้คน เป็นผีบ้าพนัน ตกนรกทั้งเป็น ไปอีกแบบหนึ่ง มันไม่พิลึกไปหน่อยหรือ ตัวช่วยสำคัญ ที่ผลักดันแผนเปิดบ่อนอีกแรงหนึ่งคือ นายสังศิต พิริยะสังสรรค์ รองประธาน ที่ปรึกษา เศรษฐกิจ และ สังคม แห่งชาติ โดยเฉพาะได้ออกมา ปลุกผีพนันอีกครั้ง ด้วยการเปิดเผย ข้อมูลวิจัย ขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ ๑๘ ธ.ค.๔๕ ว่า การปราบปรามบ่อนพนัน เช่นทลายบ่อน เจ๊เป้า ไม่ประสบผลสำเร็จ อีกทั้งยังมี ประเพณีจ่าย "ส่วยล่วงหน้า" ให้แก่ตำรวจ ในกทม. ตก ๑,๕๐๐-๒,๑๐๐ ล้านบาทต่อปี ในภูมิภาคตก ๕๖๙-๒,๗๗๖ ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ดีในทัศนะผู้เขียนกลับเห็นว่า ตัวอย่างเล็กๆจากข้อมูลดังกล่าว รวมตัวเลขแล้วแค่ ๒,๐๐๐-๕,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ที่นับเป็นเก๋าเจี๊ยะ จะถือว่ามีนัยสำคัญคงไม่ใช่ ในเมื่อคุณภาพตำรวจไทย ยังเป็นโจร ในเครื่องแบบ อยู่เยอะตามจริง พันธุ์แท้ ส่วนตัวแต่ละท่าน มันจำนนต้องมีผิดตก หกหล่น เป็นธรรมดา สังคมไทย ซึ่งแม้จะเปิดบ่อนถูกกฎหมายขึ้นในที่ใด ใช่ว่าจะแก้ปัญหาส่วยได้ถึงไหน ในเมื่อคน ก็ต้องลักลอบ เล่นวันยังค่ำ ซึ่งเปิดที่เดียว มันไม่พอบริการแน่ๆ ต้องขยายผลอย่างไร ได้ตามไปเปิดทั่วไทย ปานนั้นไหม

"เมื่อถามถึงกระแสการคัดค้านการเปิดบ่อนถูกกฎหมาย นายสังศิต กล่าวว่า กลุ่มคนที่คัดค้าน ส่วนใหญ่ จะมองว่าการพนันคือบาป ขณะที่อีกกลุ่มมองว่า คือวัฒนธรรม ของมนุษย์ที่มีมากว่า ๕-๖ พันปี


คนที่(ไม่)เห็นด้วย เป็นกลุ่มคนที่มีการศึกษา เพราะทราบดีว่าสังคมไม่ได้อะไร มีแต่กลายเป็น แหล่งเงินทุน ของคนที่มีสีมาก(กว่า) แต่การจะเปิดบ่อนถูกกฎหมายได้หรือไม่ ควรจะนำ จุดมุ่งหมาย ก่อนว่า จะแก้เรื่องอะไร ส่วนตัวเห็นว่า น่าจะแก้ปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น รวมทั้ง จะทำอย่างไร ให้คนที่ค้านเห็นว่า การเปิดบ่อนถูกกฎหมาย ไม่ใช่บาป ในฐานะนักวิชาการ คงเป็นได้แค่ผู้ให้ข้อมูล ถึงข้อดีขอเสีย ของการเปิดบ่อน และคงต้องโยนคำถาม ให้กับสังคม ตอบเองดีกว่า"(ไทยรัฐ ๒๐ ธ.ค. ๔๕)


ครับ "เราคิดอะไร"น่าจะมีคำตอบด้วยบ้าง ยิ่งเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์เต็มตัวตรงๆด้วยแล้ว จะเฉยเมย ผ่านไปเลย ดูกระไรอยู่ นิคฺคฺณเห นิคฺคหารหํ ปคฺคฺณเห ปคฺคหารหํ พึงติเตียน เรื่องที่ควรตำหนิ พึงยกย่องเรื่องที่ควรชมชื่น

ลองมาจับประเด็น ไล่ไปตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจเลยก็ได้ ซึ่งมักจะถูกยกขึ้นเป็นเหตุผล ข้ออ้างใหญ่ เพื่อหนุนบ่อนกาสิโน ถูกกฎหมาย ในขณะที่นายสังศิตกลับข้ามช็อตไป โดยไม่ติดใจให้น้ำหนักอะไร

และจริงๆ แล้ว ด้วยหัวคิดพื้นๆ ไม่ต้องลึกซึ้งถึงสมองเปรื่องปราด เพียงฉลาดคิดด้วยหัวแม่เท้า ก็พอรู้เท่าทัน เศรษฐกิจ การพนันว่า เป็นเศรษฐกิจฟองสบู่จอมปลอมต่อให้สะพัดหมุนเวียนอย่างไร มันบ่อนทำลาย เศรษฐกิจ ตลอดสาย คิดดูมันจะมีอะไรงอกเงยสร้างสรรขึ้นมา เมื่อมีแต่เอาเงิน มาทุ่มกอง เพื่อยักย้ายถ่ายเท ดึงทึ้งหมุนเปลี่ยนมือกันไปๆ มาๆ โดยแต่ละคน ไม่ได้ทำข้าวยา ผ้าบ้านอะไรออกมาให้ได้กินอยู่ใช้สอยเลย แล้วเศรษฐกิจองค์รวม มันจะดีขึ้น ตรงไหนอย่างไร มันดีแต่ผลาญกับผลาญเท่านั้นเอง

คนที่เล่นพนันได้ มันเป็นเงินร้อน ได้มาง่ายก็ผลาญแหลก ไม่มีคิดเสียดายอะไรหรอก ซ้ำร้าย ไม่คิด ทำมาหากิน อย่างผู้คน เพื่อตนเอง ด้วยหยาดเหงื่อลำแข้ง คอยแต่จะดูดเลือด กินเนื้อ ล่าเหยื่อ แบบเสือพนัน ไม่ทันนาน ก็ตกสวรรค์จมนรก ยิ่งพวกเล่นเสีย ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ว่า จะเฮงซวยขนาดไหน

แม้กระทั่งบ่อนกัดปลา ชนไก่ นับวันขยายตัวไปเรื่อยๆ ยิ่งแหล่งพนันมากขึ้นเท่าไหร่ โจรผู้ร้าย อาชญากรรม ย่อมเจริญตาม เศรษฐกิจจะไม่ทรุดโทรมได้อย่างไร ท่านผู้เจริญ หรือต่อให้ไก่ชนแพง คนเลี้ยงรวย มันก็ฉาบฉวย ไม่ช่วยให้เกิดเศรษฐกิจบูรณาการอันยั่งยืนไปได้

เพราะฉะนั้น แม้จะอ้างกว้างไกล อย่างที่นายยุวรัตน์ กมลเวช อดีต ผวจ.ชลบุรีกล่าวให้ความเห็นว่า "เห็นด้วยกับ การเปิดบ่อนกาสิโน เพราะถือว่าเป็นธุรกิจแบบเมืองนอกที่ต้องการขยายรายได้ แต่เมืองไทย เป็นเมืองประหลาด ไม่มีทฤษฎีตรงกับที่ไหนในโลก ด้วยการไม่อยากให้คนต่างชาติ มาเล่นให้ประเทศ ได้เงินมากขึ้น แล้วป้องกัน ไม่ให้เงินคนไทยออกนอกประเทศ ถ้าถามว่า เมืองพัทยา เหมาะไหม สำหรับการเปิดกาสิโน ตอบว่าเหมาะสมที่สุด เพราะมีทุกอย่างพร้อม ตนสนับสนุน มาตั้งแต่แรก เพราะเมืองพัทยา อยู่ไม่ไกล เรื่องแบบนี้หนีความจริงกันไม่พ้น" (ไทยรัฐ ๒๐ ธ.ค. ๔๕)

ถูกเป๋งเลย ความจริงของคนที่มองแค่เม็ดเงินเป็นตัวตั้งลูกเดียว โดยไม่เหลียวแลผลข้างเคียง ทั้งผลกระทบตรง ในบริบทองค์รวม น้ำหนักของการเห็นเงินตาโต ทำให้ข้อเสียหาย รอบด้านอื่น ทั้งหลาย หมดความหมายไปทันที คำตอบสุดท้าย จึงออกมาอย่างที่แสดงภูมิ ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งคงจะมีเยอะ แถมเป็นพวกเบ้งๆ เสียด้วย

แต่ความจริงของคนที่มีศาสนาในหัวใจ ช่วยไม่ได้ที่จะต้อง มองลึกซึ้งกว่าทัศนะแยกส่วน การมองธุรกิจ เป็นเศรษฐกิจ ที่ไม่เกี่ยวกับบาปบุญกุศลใดๆ ถ้าเป็นไปตามแบบฉบับ เศรษฐศาสตร์ ทุนนิยม ที่ไม่เคย แยกแยะอะไร เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล ขอให้ได้กำไร ได้เงินยักย้ายถ่ายเท ไหลมากอบโกย กักตุนล้นๆ เป็นดีวิเศษทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผูกขาด รวยเละชั่วข้ามคืน การค้าอาวุธ ฆ่าแกง หรือ แม้แต่ยาพิษ ไม่ว่าจะเป็นยาบ้า ยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าหญ้า ล้วนเป็น ปัญหาทำลายทุกอย่าง ที่ขวางหน้า อบายมุข เช่นการพนัน จึงต้องนับเป็นธุรกิจทำเงิน อันโดนใจ ใครต่อใคร ที่เหี้ยนกระหือรือ เสียเหลือเกิน ธุรกิจผีบ้า เหล่านี้ ล้วนถือว่าเป็นการค้าต้องห้าม ตามธรรมวินัยพุทธ เรียกว่ามิจฉาวณิชชา ๕

และที่บอกว่า เมืองไทย เป็นเมืองประหลาด ไม่มีทฤษฎีตรงกับที่ไหนในโลก... ครับ สาธุ จริงๆ เมื่อไทย ไม่เหมือนกับ โลกทรามๆ ทั้งหลาย นับว่าแปลกดีก็ดีแล้ว อย่าประหลาดเลวก็แล้วกัน

ฉะนั้น วิถีไทยจะมีทฤษฎีเหมือนตรงกับพวกที่ไหนมากน้อย คงไม่สำคัญเท่ากับไป เหมือนเลว หรือ เหมือนดี กันแน่ ถ้าต้องชั่วร้ายแข่งเลว ตามพวกส่วนใหญ่ หรือทั้งโลกหมดเลย คิดว่าอย่าดีกว่า

ภูมิปัญญาพุทธของเรา สอนให้มีหิริโอตตัปปะ จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรมีกรอบทำนองคลองธรรม บาปบุญ คุณโทษ ให้พิจารณาอยู่ตลอดเวลา

ถัดจากประเด็นข้อถกเถียงด้านเศรษฐกิจแล้ว ลองหันมาดูประเด็นด้านสังคมกันบ้าง

จากตัวอย่าง ทัศนะส่วนตัวของอาจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ ท่านไม่ได้บอกว่า เห็นดีเห็นงามอะไร ในด้านผลประโยชน์ ตัวเงินตัวทอง แต่มองสิ่งสำคัญว่า จะช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ด้านส่วยตำรวจ เป็นต้น

ข้ออ้างดังกล่าว น่าคิดเหลือเกินว่า จำเป็นต้องลงทุนด้วยการเปิดบ่อนให้มันถูกกฎหมาย ไปเลยเชียวหรือ ในขณะที่ ปัจจุบัน บ่อนลักลอบกันเล่น ต้องหลบๆ ซ่อนๆ พวกผีพนัน ย่อมมีจำกัดประมาณหนึ่ง หน้าใหม่ จะไปร่วม ลงนรกด้วย ทำได้ไม่ง่าย ตลาดเศรษฐกิจ การพนัน มันขีดวงแคบๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว ถึงจะแอบเล่น ลอบส่งส่วย ๒,๐๐๐-๕,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ตามที่วิจัย ก็น่าจะเกาให้ถูกที่คัน โดยจัดระเบียบตำรวจ ให้เข้าแถว เข้าแนวเสียใหม่ ใช้ตำรวจดี มีคุณภาพถึงน้อยคน ดีกว่าเพิ่ม ตำรวจ ห่วยๆ บานเบิก เสร็จแล้ว เป็นโจรเสียเอง ตั้งเท่าไหร่ เชื่อถือ วางใจไม่ได้ ย่อมเจ๊งหมดท่า ข้ออ้าง ของตำรวจ ที่มักชอบอ้างว่า อาชญากรรม มันเยอะ เพราะตำรวจน้อย ดูแลไม่ทั่วถึง อยากให้ บ้านเมืองไร้โจร ต้องเพิ่มตำรวจ ของบประมาณอีก ปริมาณ มันช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่สร้างปัญหา มากกว่าถ้าไม่เอาคุณภาพมาก่อน

โดยเฉพาะ ปัญหาสังคม สิ่งผิดกฎหมาย จะใช้ตำรวจเปลืองเกินไป คงไม่ไหว จำเป็นต้อง สร้างเหตุปัจจัย ให้ชุมชนเข้มแข็ง ดูแลกันเอง ถึงจะดีสุดและถูกต้อง

และการลงทุนเปิดบ่อนอนุญาต เท่ากับขยายตลาดผีพนันให้สะดวกซื้อยิ่งขึ้น เมื่อผีบ้า ยิ่งระบาดหนัก ภูมิคุ้มกันสังคมถูกรุก ผลได้ประหยัดค่าส่งส่วยคอร์รัปชั่น มันคงไม่คุ้มเสีย เมื่อทรัพยากรมนุษย์ ถูกบ่อนทำลาย ผู้คนตกเป็นเหยื่อ ขุมนรกนี้มากขึ้น อย่างถูกระเบียบ กฎหมายเสียด้วย

อนึ่ง ข้อสรุปของอาจารย์สังศิต ยังน่าสะดุดใจอีกว่า "จะทำอย่างไรให้คนที่ค้านเห็นว่า การเปิดบ่อน ถูกกฎหมายไม่ใช่บาป"


เมืองไทย เป็นเมืองพุทธแค่ชื่อ เพราะผู้นำทั้งฝ่ายบริหาร ต่างไม่นำพาภูมิปัญญาพุทธ มาจัด ระเบียบชีวิต และสังคม บ่อนพนันผีสิง จึงเป็นบาปเวรเพราะขาดใบอนุญาต เพียงออก ใบตีทะเบียน โดยรัฐบาล อนุญาตเท่านั้น ก็ไม่เป็นบาปอกุศลอะไรแล้ว ใครๆใคร่เล่นไพ เชิญเล่นพนัน ตามสบาย เล่นแล้วหมดตัว เป็นหนี้ เดือดร้อน อย่ามาโทษรัฐบาลนะ จะเอากันอย่างนี้หรือ รัฐบาลไทย(ไม่)รักไทย!

ออกเป็นห่วง ความพยายามที่จะปั่นหัวคนให้เข้าใจเสียใหม่ว่า การเปิดบ่อนถูกกฎหมายไม่บาป ดูจะนอกรีต เกินคาด หรือว่าปราชญ์ก็พลาดไม่เข้าท่า 0ได้เหมือนกัน ระวังนะจะเจอข้อหา ทำธรรมวินัย ให้วิปริต ด้วยการตีความ กลับตาลปัตร กับพระพุทโธวาท


น่าเสียดาย นักวิชาการทั้งกลาย มักจะขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม คล้ายกับจะไม่เป็น ตัวของตัวเอง หรือไร้จุดยืนหยัดยืนยัน ดังเช่นอาจารย์สังศิต เหมือนไม่กล้าฟันธง ลงไปเต็มตัวว่า ควรหรือไม่บังควร อย่างไรไฉนบ้าง แค่ออกตัวถ่อมตนว่า เป็นคนให้ข้อมูลดีเสียสังคมต้องตอบเอง

วิสัยคนมีภูมิปัญญา น่าจะบอกเต็มปากเต็มคำไปได้เลยว่า มันดีมากกว่าเสียยังไงหรือเปล่า ไม่ใช่แทงกั๊ก ลอยๆ อะไรๆ ในโลกล้วนมีดีมีเสียทั้งนั้น ใครๆ ก็มีเหตุผล แต่มันอยู่ที่น้ำหนัก การให้ค่าอันไหน สำคัญ กี่มากน้อย วิจารณญาณอันนี้แหละที่เป็นเรื่องยาก แต่จำต้องตัดสิน เลือกเอาอันใดอันหนึ่ง

แม้กระทั่งข้อมูลข้อดีข้อเสียของบ่อนที่วิจัยกันหลายอาจารย์ ทั้งในสำนักจุฬาฯเอง แต่เสียดาย ไม่เห็นตามไปวิจัย คนเล่นพนัน มันเจริญสร้างสรรตรงไหนบ้าง มีกี่คนที่ดวงเฮงเล่นได้อย่างอดีต รมต.นายหนึ่งรวยเละ หลายสิบนับร้อยล้าน จนเอามาอ้างว่าเ ป็นลาภได้มาโดยสุจริตชอบธรรม ฉันเปล่าโกงนะ........


รวมความบ่อนกาสิโนที่ผู้นำทุกระดับใคร่อยากจะหนุนส่งให้แจ้งเกิดให้จงได้โดยเร็ว หากไม่ห่วง ทรัพยากรมนุษย์ ไม่ถือบรรทัดฐานภูมิปัญญาพุทธ เพื่อเศรษฐกิจพอเพียง เป็นสรณะ หวังแต่จะดูด เงินทุกอย่าง ที่ขวางหน้า ถ้าไม่ผิดกฎหมาย ถือเป็นชอบธรรมแล้ว ตามแบบทุนนิยม อันนี้ คงเป็นไป ตามประชาธิปไตย ที่ไร้ธรรม เพราะเอา อำนาจเป็นธรรม ไม่ถือธรรมเป็นอำนาจ ประชาพิจารณ์บ่อน เมื่อถามคนพัทยา แน่นอนพวกนั้นย่อมเฮ ในขณะที่ ประชาชนทั่วประเทศ คงหมดท่า จะไปขวางได้ นี่คือสภาใดไร้สัตบุรุษ สภานั้นไม่ใช่สภาตามนัยพุทธพจน์ จะกล่าวไปไย กับสภา ที่ถูกยึดเสียง ข้างมาก ตายตัวโดยรัฐบาลเผด็จการผ่านการเลือกตั้งธนาธิปไตย

ยิ่งไม่เห็นศาสนธรรมอยู่ในสายตาโดยไม่รู้กุศลอกุศล แล้วจะคิดใหม่ทำใหม่อะไร คงมั่วนิ่มพิลึก ทั้งหลงตัว นึกว่า ฉลาดกว่าเพื่อน ใครอย่ามาเถียงเด็ดขาด! หวาดเสียวจัง เมื่อเห็นใครประมาท ชักอวดดี จนไม่มีใคร กล้าแตะ

(เราคิดอะไร ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๕๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖)