หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร


ความฝันสู่หลักธรรม
จ่าดำ เข้าเวรช่วงบ่ายที่ สภ.อ พอลงเวลามาทำงานได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ ที่เหน็บอยู่ กับเข็มขัด ก็ดังขึ้น

"ฮะโหล" จ่าดำตอบรับสาย

"พี่จ่าครับเมื่อตอนใกล้เที่ยงวันนี้ พวกกรรมการวัด สองสามคน มาถามหาพี่จ่า อยากจะพูด เรื่องที่ดิน แปลงที่อยู่ติดหลังวัด เพราะทางวัด ได้ตั้งโรงครัวหลังใหม่ขึ้น แล้วก็จะหา ที่ขุดบ่อ น้ำบาดาล มาไว้ใช้ ภายในวัด คณะกรรมการวัด และชาวบ้านเห็นว่า ควรซื้อที่เพิ่ม พวกเขา อยากให้พี่จ่า ตัดที่ดิน ที่ติดกับ หลังโรงครัว ขายให้ทางวัด สักห้าสิบตารางเมตร พี่จ่า จะว่าอย่างไรครับ" ลูกน้องคนงาน ที่เฝ้าสวน โทรแจ้งให้ทราบ

"เอ็งบอกพวกเขาไปเลยว่าที่ดินตรงนั้น ข้าไม่ขายก็แล้วกัน และเอ็งไม่ต้องพูดอะไรมากนะ"

จ่าดำรับเงินเดือนเต็ม มีบ้านที่พ่อตายกให้และให้คนเช่าอยู่หลายคูหา แถมยังมีที่ดิน อีกหลายแปลง เรื่องเงินทองนั้น ไม่ต้องไปพึ่งใคร ก็สบายไปตลอดชาติ

จ่าดำจึงไมค่อยใส่ใจ มองเห็นความสำคัญ ของหมู่พวกเท่าใดนัก หากว่าเรื่องใด ตนมีประโยชน์ ก็ร่วมด้วย ช่วยกันเต็มที่ หวังขั้นเงินเดือน แต่เรื่องไหน แม้จะเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม หากเจ้านาย ไม่รู้เห็น ก็มักจะวางเฉย จ่าดำรู้สึกภูมิใจว่า ตัวเองฉลาด มีอำนาจและเงิน เหนือกว่าผู้คน ในสังคม อีกมากราย ใครที่มีอำนาจ และร่ำรวย จ่าดำจะยอมรับ คบหา สมาคมด้วย ส่วนใครมีฐานะด้อยกว่า จ่าดำก็จะเมินเฉย ไม่สนใจคบคุ้นด้วย จ่าดำหลงตน ลืมตัว อยู่กับความสมบูรณ์พูนสุข ในครอบครัวของตน จนเป็นเป็นนิสัย เห็นแก่ตัว ผู้คน ในแวดวง ต่างก็รู้กันทั่ว

แปดโมงหลังจากเหล่าตำรวจที่เข้าเวรเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว สารวัตจำนง สารวัตรใหญ่ เข้านั่งประจำ ที่โต๊ะทำงาน จ่าดำเดินเข้ามา ทำความเคารพสารวัตรใหญ่ แล้วนั่งบน เก้าอี้รับรอง สำหรับผู้ติดต่องาน ที่ตั้งเรียงกัน เอาไว้อยู่สองตัว

"ท่านครับ ผมมีเรื่องความฝันที่แปลก มาเล่าให้ท่านฟัง เผื่อว่าท่าน จะได้ชี้แนะเรื่องดีๆ ให้ผม ได้รับไว้ เป็นวิทยาทาน ด้วยครับผม" จ่าดำ รู้จักอุปนิสัย ของสารวัตรใหญ่ได้ดีว่า เป็นคน ชอบพูด เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่ที่สำคัญ ท่านใส่ใจในเรื่องศีลธรรม ชอบการทำบุญ ทำทาน และเป็นกันเอง กับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งให้คำแนะนำ และเอาใจใส่ ไต่ถามถึงปัญหา ต่างๆ แล้วนำเอาไปแก้ไข อย่างเป็นธรรม อยู่เป็นประจำ

"มีเรื่องฝันแปลกๆ อย่างไร ลองเล่ามาซิ" สารวัตรจำนงยิ้มอย่างเป็นกันเอง สารวัตรก็รู้ประวัติ นิสัยใจคอ ของจ่าดำดี ว่าเป็นคนอย่างไร

"เมื่อคืนฝันว่า ผมไปเดินอยู่กลางทุ่งนาคนเดียว อากาศก็ร้อนอบอ้าว ใจแทบขาด ผมรีบเดิน มุ่งหน้า เข้าไปในหมู่บ้าน ที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล พอมาถึงหมู่บ้าน ผมเอ่ยปาก ขอน้ำชาวบ้าน มาดื่ม แต่ชาวบ้าน ไม่มีใครยอมเอาน้ำให้ บอกให้ไปขอจากบ้านอื่นๆ ต่อๆ ไป ผมเดินขอน้ำ จนสุดหมู่บ้าน ไม่มีชาวบ้าน เอาน้ำให้ผม สักคนเลย"

"เมื่อวานนี้มีอยู่เรื่องหนึ่ง ชาวบ้านที่เป็นกรรมการวัด ได้พากันมาติดต่อ ขอแบ่งซื้อที่ดิน ของผม แปลงที่ติด กับเขตวัด เพื่อจะขุดเจาะ บ่อน้ำบาดาล เอาไว้ใช้ภายในวัด แต่ผมก็ได้บอก ปฏิเสธไป เรื่องในตอนกลางวัน กับความฝัน ในตอนกลางคืน ท่านคิดว่า มันจะเกี่ยวกัน หรือเปล่าครับท่าน"

"เรื่องความฝัน ตามที่ผมได้ฟังพระท่านเทศน์ เมื่อคราวผม ไปร่วมงานปลุกเสก ที่ต่างจังหวัด พอจะสรุปได้ว่า ความฝัน ของคนเรานั้น จะเป็นสองทิศทาง หนึ่ง ความฝันที่เกิดจาก จิตวิญญาณ ฟุ้งซ่าน หรือ พะวักพะวน อย่างคนที่ชอบ เล่นหวยใต้ดิน เขาก็มักจะฝัน อยู่บ่อยแล้ว ก็ตีเป็นตัวเลขออกมา หรือบางคน คิดพะวงกับ การที่จะได้ไปเมืองกรุง พอนอนหลับ ก็จะฝันไปว่า ตัวเองได้เดินทาง มาถึงเมืองกรุงแล้ว

"และสอง ความฝันอันเป็นนิมิตหมาย เพื่อบอกเตือน ให้เราได้รู้ก่อนว่า จะเกิดเหตุ เรื่องดี หรือร้าย ที่เป็นจริงขึ้นได้ ซึ่งส่วนมาก ผู้ที่จะฝันไปเป็นนิมิต ที่ถูกตรงกับเรื่องราว ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะต้องเป็นผู้ที่ มีจิตวิญญาณ อยู่ในอาการสงบ มีสมาธิ หรือจิตวิญญาณ ที่มีศีลธรรม อันมั่นคง"

"เรื่องที่ฝันเมื่อคืน ก็อาจจะเกิดจาก จ่าเก็บความคิดกังวล ที่ปฏิเสธ ไม่ยอมขาย ที่ดินของตน ก็เป็นได้ แต่ความฝันของจ่า มันเหมือนกับได้ดูละคร ตอนท้ายเรื่อง ไปหาตอนจบ เพราะไม่รู้ ต้นสายปลายเหตุ ทำไมแม้เพียงน้ำดื่ม แค่อิ่มเดียว ชาวบ้านจึงไม่ยอมให้ แล้วจ่าคิดอย่างไร ในเรื่องความฝันนี้"

"ผมคิดว่าหากผมตายไป วิญญาณผม จะอดน้ำจริงๆ ครับผม" สารวัตรจำนงสังเกต ตลอดมาว่า จ่าดำ ไม่เคยสนใจ ศาสนาเลย ความโลภความหลง จึงเข้าครอบงำจิตใจ วันนี้ จึงเป็นโอกาสทอง ที่จะรับได้แค่ไหน ก็แล้วแต่บุญเก่า

"ที่จริงหลักศาสนาก็ไม่ได้สอนให้ชาวพุทธ ใส่ใจกับดวงวิญญาณ ที่ได้ออกจากร่าง ของคนตาย แต่จะย้ำเน้น ตรงจิตวิญญาณ ที่กำลังสถิต อยู่กับร่างกาย ของคนที่ยังเป็นๆ นี้ต่างหาก เพราะจิตวิญญาณ ที่อยู่ในคนเป็นๆ นี้สามารถพัฒนา จากความไม่ดี ไปสู่ความดีได้ หรือ พัฒนาจากปุถุชน ขึ้นไปสู่อริยชนได้ หากจิตวิญญาณ ของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้สร้าง คุณงามความดี สั่งสมเข้าไว้อย่างเต็มที่แล้ว เมื่อตายลง จิตวิญญาณ ที่ออกจากร่างไป ก็จะส่งผลเป็นกรรม ที่ดีมุ่งไปสู่ความเจริญที่ยิ่งๆ ขึ้นไป จิตวิญญาณ ที่อยู่ในร่าง ของคนเป็นๆ นี้จึงคือต้นตอ ของคนที่จะหักมุม ไปหาความชั่ว หรือมุ่งหน้า สู่คุณงามความดี"

"แต่ในยุคหลายปีมานี้ ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ไม่สนใจพัฒนาจิตวิญญาณ ที่สถิต อยู่ในคน เป็นๆ กลับพากันไปเชื่อว่า ดวงจิตวิญญาณ ที่ออกจากร่างไปแล้วนั้น ยังมีตัวตนอยู่ ยังสามารถ ส่งส่วนบุญ และ ข้าวของเงินทอง ไปให้ใช้สอยกันได้ ซึ่งจะเป็นความเชื่อ แบบศาสนา เทวนิยม วิญญาณยังมีตัวตน พร้อมทั้ง มีอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ แท้จริง พระธรรม คำสอน ในพระพุทธศาสนานั้น เป็นอเทวนิยม ดวงวิญญาณ จะก่อเกิด เป็นไปตามกรรม เท่านั้น.."

จ่าดำฟังอย่างตั้งใจแล้วนั่งสงบนิ่งอยู่นาน และก่อนจะทำความเคารพ แล้วเดินออกไป จ่าดำ ยิ้มด้วยสีหน้า อันชื่นบาน พร้อมพูดขึ้นว่า "ต่อไปถ้าท่านไปวัด ผมขอติดตาม ไปด้วยนะครับ"

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖)