หน้าต่างความคิด
* ศิวกานท์ ปทุมสูติ
คนขี้ขลาด.....ที่รัก
คนขี้ขลาดที่รักของผม
คุณกำลังกลัวอะไรอยู่
คุณเคยสังเกตตัวเองไหม
ว่าบางครั้ง ที่คุณฟังความคิดของเพื่อน ที่คิดถูกต้องกว่า หรือดีกว่า
ความคิด ของคุณ ทั้งที่คุณเห็นด้วยอยู่ลึกๆ แต่คุณก็ยังมักจะเถียงจะยืนยันในสิ่งที่คุณคิด
หรือ ถ้าจะแสดง ความคิดเห็นด้วย ก็มักไม่เห็นด้วยทั้งหมด หรือไม่ก็จะยังไม่ยอมกระทำตามสิ่งที่เพื่อนคิด
คุณกลัว จะเสียเชิง เสียเหลี่ยม เสียศักดิ์ศรี หรือเสียฟอร์ม อะไรๆ
ทำนองนั้น....คุณรู้ไหมว่า นั่นเป็นการ เสียโอกาส อันมีค่า ของคุณไป
อย่างน่าเสียดายยิ่งนัก คือเสียโอกาส ที่คุณจะได้แสดง ความกล้าหาญ
ต่อการ ที่จะให้เกียรติผู้อื่น และโอกาสแห่งการก้าวข้าม ความขลาดกลัว
ในตัวตนของคุณเอง.....
ในที่ประชุม หรือในที่ชุมนุมชน
หรือในภาวะการขับเคลื่อนอะไรบางอย่างของกิจกรรมสาธารณะ คุณ (ด้วยใช่ไหมที่)
มักไม่ชอบยืน หรือนั่งอยู่แถวหน้า หรือ ก้าวเดินออกไปข้างหน้า หรือพูดก่อน
หรือ กระทำสิ่งใด สิ่งหนึ่งที่ดี ที่มีคุณค่าก่อนคนอื่น นี่ก็เพราะความขี้ขลาด
ของคุณอีกเช่นเดียวกัน คุณกลัว จะถูกมองว่า ทำตัวเด่น หรือชอบแสดงตัวออกหน้า
หรือไม่ก็กลัวจะตกเป็นเป้าอะไรบางอย่าง เช่นการถูกถาม ถูกทักหรือถูกให้ทำอะไรๆ
ที่คุณไม่มีความสามารถ หรือที่คุณไม่กล้าตอบ ไม่กล้าแสดง หรือไม่กล้าทำ
ประเด็นนี้ นอกจากคุณจะแสดงความเป็นคนขลาดแล้ว มันยังแสดงนัย ซุกซ่อนปมด้อย
อะไรบางอย่างในตัวของคุณไว้พร้อมๆ กับความเห็นแก่ตัวของคุณอีกด้วย
คุณอาจคิดว่าทำไมถึงได้หมิ่นน้ำใจของคุณถึงเพียงนั้น
ก็คุณลองพิจารณาด้วยใจกว้างๆ ซิครับ คนที่ไม่กล้า เปลืองตัว เพื่อเป็น
"ผู้นำ" กระทำหรือแสดงอะไรสักอย่าง เพื่อผู้อื่น หรือ เพื่อสาธารณะ
ที่แท้ ถ้าไม่ใช่ คนที่มีปมด้อย หรือมีแผล (หลังหวะ) หรือเป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไร
ที่จะแสดงแล้ว ก็คงจะเป็น "คนเห็นแก่ตัว" คนหนึ่งนั่นเอง
หรือบางที คุณก็อาจจะกลัวการสูญเสียประโยชน์...เช่นนั้น
คุณก็ยิ่งเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่ชั่วฉล หนักไปใหญ่เลย
คนขี้ขลาดที่รักของผม
คุณจะยังมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ถ้าคุณเป็นดั่งที่ผมว่า
หรือ คุณจะปฏิเสธ ก็เอาซิครับ พูดดังๆ ชัดเลย หรือกระทำอะไรก็ได้ ที่จะแสดงตัวตนของคุณ
ให้ผม และสาธารณะได้รับรู้ ว่าคุณไม่ได้เป็น เช่นที่ผมกล่าวหา แม้แต่น้อย
ผมว่าคุณไม่กล้าหรอก .....ก็คุณ มันคนขี้ขลาด! และที่สำคัญ....
คุณเป็น "ทองไม่รู้ร้อน"
มานานแล้ว
คุณเป็น "หนูต่อหน้าแมว" มานักหนา
"พูดไปสองไพเบี้ย" เสียเวลา
จึงรอท่าแต่จะทึ้ง....."ตำลึงทอง"
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๕๓ เมษายน ๒๕๔๖)
|