หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

เรื่องสั้น - คืนวันเพ็ญ -

แตกกิ่งรัก


พิลาลังเลนิดหน่อย แต่เมื่อเสียงคะยั้นคะยอรอบข้างดังอึงอล พิลาจึงพยักหน้ายิ้ม พร้อมกับแบมือ ยื่นไปข้างหน้าพี่กันย์ ผู้ตั้งตนเป็นหมอดูประจำค่าย ซึ่งมีสมาชิก ทั้งชายหญิง มาออกค่าย อาสาพัฒนา คราวนี้ร่วม ๖๐ คน นับว่าคับคั่งทีเดียว

"ดูก็ดูค่ะ แต่พิไม่ค่อยนิยมเรื่องดูดวงทายลายมือเท่าไหร่หรอกนะคะ ดวงอาจลิขิตคน จะจริงหรือไม่จริง ก็ช่างเถอะ แต่พิเชื่อว่า ชีวิตอยู่ที่เราลิขิตมากกว่า"

พี่กันย์ไม่พูดตอบว่ากระไร แต่เพ่งมองลายมือของพิลาแล้วอุทานลั่น

"เฮ้! นี่เส้นอกหักนี่ เคยอกหักรึเปล่าฮึ บอกมาๆ พี่จะได้รู้ว่าทายถูกหรือเปล่า"

พี่กันย์ถามเอะอะ พี่ป้อม พี่ตู่ ตา น้อย ที่ล้อมวงอยู่ก็พลอยส่งเสียงถามเซ็งแช่

"พี่กันย์ดูดีๆ เส้นอกหักหรือเส้นหักอก" พิลาถามพร้อมก้มมองเส้นที่พี่กันย์บอกว่าเป็นเส้นอกหัก

"นี่ๆ เห็นมั้ย มันแยกจากเส้นหัวใจตรงนี้ แล้วพุ่งเข้าหาเส้นสมองเส้นนี้ เส้นอกหัก แต่เอ...มันยังไงๆ บอกไม่ถูกแฮะ หมอดูงง" พี่กันย์รำพึง

"โธ่เอ๊ย พิอย่าไปเชื่อนายกันย์มันนัก หมอดูคู่หมอเดา" เสียงพี่ศักดาตะโกนมาจากมุมห้อง

"ว่าแต่ว่า พิเคยอกหักหรือเปล่าล่ะ" พี่กันย์ยังคาดคั้น

"จะอกหักได้ไงคะ ยังไม่เคยมีแฟนเลยิ พิลาตอบตามตรง

"แต่เส้นมันมี ไม่อกหักตอนนี้ ตอนหน้าอาจจะอกหักก็ได้นะ" พี่กันย์ย้ำ

"เออ! พิระวังๆ ไว้ก็ดี ไม่เสียหาย ผู้ชายพายเรือเชื่อไม่ค่อยได้หรอก" พี่ศักดาส่งเสียงดังเตือนมา

"ขอบคุณค่ะ พิจะระวัง" พิลาหันไปตอบพี่ศักดา ซึ่งเป็นผู้นำค่าย พี่ศักดาท่าทาง เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุมีผล สุขุม เหมาะเป็นผู้นำค่ายที่สุด

จากนั้นพวกชาวค่ายก็ประชุมปรึกษาหารือแบ่งงานกัน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน

รงเรียนที่ชาวค่ายมาขอพักอาศัยนี้ เกิดจากพลังสามัคคีของชาวบ้านร่วมมือกันสร้างขึ้น มีห้องใหญ่ๆ เพียง ๒ ห้อง ชาวค่ายชายพักห้องหนึ่ง ชาวค่ายหญิงพักอีกห้องหนึ่ง

รุ่งเช้า พิลาและเพื่อนค่ายอีก ๔-๕ คน ซึ่งมีพี่กันย์รวมอยู่ด้วยต้องเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ กับชาวบ้าน ส่วนพวกที่อยู่ค่าย ก็แบ่งงานกันทำ เช่น ทำความสะอาดค่าย ทำอาหาร ตักน้ำ ฯลฯ การทำงานนี้ จะผลัดเปลี่ยนหน้า ที่หมุนเวียนกันไป เพื่อชาวค่ายจะได้ฝึกเรียนรู้งานทุกๆ อย่างเหมือนๆ กัน

พิลากับเพื่อนค่ายขึ้นบ้านนั้นลงบ้านนี้ จนมาถึงบ้านหนึ่งซึ่งก็คล้ายบ้านที่ผ่านๆ มา คือ โล่งกว้าง พื้นกระดาน มีคราบฝุ่น แต่ชาวค่ายก็ยังนั่งได้อย่างสนิทใจ เจ้าบ้านมีน้ำใจตักน้ำใส่ขันอะลูมิเนียม มองเห็น รอยคราบ จับผิวขัน รางเลือน แล้วเชื้อ เชิญอย่างกระตือรือร้นให้ชาวค่ายดื่ม

หากแต่ขันนำถูกส่งเวียนต่อมาเรื่อยๆ โดยไม่มีใครยกดื่มสักคน เมื่อมาถึงพิลาซึ่งนั่งอยู่ริมสุด พิลาถึงได้ ร้องอ๋อในใจ อย่างนี้นี่เล่า เพราะน้ำนั้นสีขุ่นขาว ชาวบ้านเขาดื่มน้ำกัน ทั้งขุ่นๆ อย่างนี้เอง ยิ่งหน้าแล้ง ชาวบ้านบอกว่า น้ำยิ่งแห้ง น้ำ ดื่มยิ่งหายาก พิลาได้แต่นึกเห็นใจ และซาบซึ้งในน้ำใจ โดยไม่รั้งรอ พิลา จรดริมฝีปาก ที่ขอบขัน พลันก็กระทบกับ กลิ่น คาวปลาจัด จนต้องชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะดื่ม และเมื่อวางขันลง ก็ยังทันเห็นยิ้มอย่างยินดี จากป้าเจ้าของบ้าน

"พิ พิกินน้ำได้จริงๆ เหรอ"พี่กันย์ถามขณะเดินกลับค่ายท่ามกลางเสียง เพลงอุดมการณ์ ที่กลุ่ม ชาวค่าย ช่วยกัน ประสานเสียง

"ดอกไม้..ดอกไม้จะบาน
บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ
สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่
แน่วแน่แก้ไข
จุดไฟศรัทธา..."

"อ้าว! พี่กันย์ก็เห็น กินจริงๆ น่ะซี กลัวป้าแกเสียน้ำใจว่า พวกเรารังเกียจ แต่พิว่า พวกเราก็ไม่ได้รังเกียจ อะไรหรอก กลัวน้ำมีเชื้อโรคมากกว่า"

"แล้วพิไม่กลัวเชื้อโรครึไง"

"กลัว แต่กลัวป้าแกเสียน้ำใจมากกว่า"

"อือม์ พิมีน้ำใจ ความมีน้ำใจอาจทำให้เจ็บปวดก็ได้นะ" พี่กันย์วกเข้าเรื่องที่ทายกันเมื่อวาน

"ค่ะ จะระวังอย่างที่สุด ไม่ ่เชื่อ ไอ้หนุ่มไหนทั้งนั้น ไม่ให้ใครมาหักอกได้ เป็นเด็ดขาดเลยพี่กันย์" พิลาตอบ แล้วยิ้มด้วย อารมณ์สดใส

อาจเป็นเพราะคำทายของพี่กันย์ละกระมัง กลับจากออกค่ายคราวนั้น ทำให้พิลาระมัดระวังเพิ่มขึ้น แม้จะไม่ค่อย เชื่อ เรื่องการดูลายมือก็ตาม แต่ไม่ประมาทไว้เป็นดีกว่า ใครจะถือคติ "อกหักดีกว่ารักไม่เป็นิ ก็ช่าง แต่พิลา ไม่เห็นเก๋ ๋ด้วย ที่จะต้องมีใจ ขื่นขมตรมตรอม แล้วก็ยินดีว่าได้ผ่านความรักมาแล้ว ก็ถ้าความรัก มันจะให้ผล เป็นความทุกข์ขนาดนั้น ละ ก็พิลา จะไม่ยอมพลาด ไปรักใครทีเดียว

พิลาเริ่มพิจารณาเหล่าหนุ่มน้อยที่เข้ามาในแวดวง นายตุ๊กก็ไม่ใช่ ไม่เห็นมีทีท่า เชียรก็คงไม่ ชอบมาคุย สนุกๆ มากกว่า นายตุ๋ง ที่เรียนคณะใกล้กัน แม้จะเคยมาขอรอ อยู่หน้าห้องสอบ ครั้งหนึ่ง ทั้งที่พิลา ก็บอกว่า จะรอไปทำไม มันนาน จะไปไหน ก็ไปเถอะ แต่นายตุ๋ง ยังยืนยัน พิลาก็เลยขี้เกียจพูด เอ้ารอก็รอ แต่ครั้งนั้น ครั้งเดียว ก็ไม่มีอะไรอีก ยังมี พันชัย อีกคน แต่พิลาไม่เห็นว่า เขาจะมีทีท่า ให้ต้องระวังระแวง แต่อย่างใด เอาละตกลงว่า ไม่มีใครน่าสงสัย เป็นอันว่า ปลอดภัย

ยิ่งไปกว่านั้น พิลาก็เริ่มศึกษาทางด้านศาสนา ที่ใครส่วนใหญ่ว่า น่าเบื่อหน่ายด้วย เพื่อเป็นหลักประกันว่า พิลาจะไม่ ่อกหัก เพราะรู้ว่า ผู้ชายไม่ค่อยอยากมาวอแว กับผู้หญิง ที่สนใจธรรมะนัก เพราะคล้ายกับ จีบแม่ชี หนุ่มไทย ก็กลัวบาป เหมือนกัน

เมื่อได้ศึกษาเรียนรู้ พิลาก็เริ่มเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความรัก เพิ่งรู้ว่า พระพุทธเจ้า ไม่สนับสนุน การแต่งงาน แม้แต่เจ้าชายนันทะ ซึ่งเป็นน้อง ท่านก็จัดการ เอาไปบวช หลังพิธีแต่งงาน เลยทีเดียว โดยยังไม่ทัน ได้เข้าห้องหอ ยิ่งศึกษาก็ยิ่งทึ่ง ใคร่จะมีชีวิต ที่สะอาดสะอ้าน อย่างนี้บ้าง

พิลาเริ่มถือศีล กินมังสวิรัติ พระที่วัดท่านสอนว่า การกินเนื้อสัตว์มันเกี่ยวเนื่องกับการฆ่า คนกินมาก เขาก็ต้องฆ่ามาก

"สัตว์ทุกชนิด รักชีวิตทั้งนั้นแหละโยม"

ในเรื่องที่พิลากลายมาเป็นนักปฏิบัติธรรมนี้ พันชัยเพื่อนผู้ชายที่พิลาไว้ใจมาก และให้ความสนิทสนม ด้วยที่สุด แม้เขา เรียนคนละ สถาบันกับพิลา ก็ตาม แต่บ้านของพันชัย อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ของพิลานัก ความคุ้นเคย จึงมีมาก เขาถึงกับ ให้ ฉายาว่า "แม่ชีกายสิทธิ์"

"ปฏิบัติธรรมดูจริงจังเหลือเกินนะพิ" พันชัยพูดขึ้นในวันหนึ่ง

"ฮื่อ เรากลัวอกหัก ไปค่ายคราวที่แล้ว พี่ที่ค่ายเขาทายว่า จะต้องอกหัก เส้นมันชัดแจ๋ว มาถือศีลนี่ คงช่วยได้มาก"

"แล้วพิรักใครหรือยังล่ะ ถึงได้กลัว"

"เปล๊า ไม่ได้รักใคร แต่ระวังไว้ก่อน อกหักเขาว่ามันเจ็บนักละพันชัย มันเจ็บกว่าตกต้นตาล ขื่นขมชะมัด เลยไม่อยาก เจอ แล้วก็จริงๆ นะพันชัย เราเห็นว่าคนไปแต่งงานมีครอบครัวนี่ หาเรื่องทุกข์ใส่ตัวเปล่าๆ อยู่ดีๆ ก็ไปตั้งฟาร์มเลี้ยงเหา โธ้ มันเหนื่อยจะตาย แค่เลี้ยงลูกนี่ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ไหนจะส่งลูก เรียนอีก""อือ จริง ผู้หญิงมักเป็นฝ่ายเหนื่อยมากกว่า ต้องเป็นแม่บ้าน ต้องเลี้ยงลูก"

"อีกอย่างหนึ่ง เห็นมาหลายคู่แล้ว ตอนแรกๆ ก็จี๋จ๋าจ๊ะจ๋า นานๆ ไปก็จืดจาง เซ็งกัน เสียความรู้สึก ดีงาม ต่อกันหมด บางคู่เตะเข้าฝา แล้วบอกว่า เลี้ยงด้วยลำแข้ง หมดท่ากันเลย พันชัยว่ามั้ย"

"บางคู่ สามีกลัวภรรยาน่าดู บางทีหลงเมียลืมแม่ไปเลย อย่างเรา ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ ต้องเลือก ช่วยเหลือ คนใดคนหนึ่ง ต้องเลือกแม่ไว้ก่อน เมียจะโกรธก็ยอม"

"ดีแล้วละ เพราะแม่เป็นผู้มีพระคุณมาก" พิลาพูดอย่างชื่นชม ก็พันชัยเป็นคนดี ซื่อตรง เปิดเผย อย่างนี้แหละ พิลาถึงไว้ ้ใจมาก

เวลาผ่านไปๆ พิลาก็ยิ่งสนุกในการปฏิบัติธรรม สนุกกับการลดละนั่นนี่ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มฝึก กินมื้อเดียว

"พิ จะทำอยางนี้ไปนานแค่ไหน

"ไม่รู้สิ ทำไปเรื่อยๆ วันนี้ทำ และพรุ่งนี้ก็คิดว่า จะยังทำอยู่ ดีมั้ยพันชัย"

"ดี ทั่วบางนี้ มีอยู่คนเดียวนี่แหละ"

"พันชัยลองมั่งมั้ย เรื่องมังสวิรัติน่ะ"

"ว่าแล้ว ว่าต้องชวน ตอนแรกก็ให้หนังสือเกี่ยวกับมังสวิรัติไปอ่าน แล้วก็ให้ตำราอาหาร บอกว่า เอาไปอ่านดู เฉยๆ มาวันนี้ พิก็ชวนเลยนะ" แล้วพิลากับพันชัย ก็หัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน

"เราไม่ได้บังคับอะไรนะ แต่เห็นว่าดีน่ะ ก็อยากให้ทำด้วย"

"เรารู้ว่าหวังดี ก็พยายามทำ แต่เราคงไม่เก่งเท่าพิมั้ง ถึงทำไม่ค่อยได้ มันยากอยู่นะ"

พิลากับพันชัยยังคงติดต่อคบหากันมาเรื่อยๆ จนเวลาล่วงผ่านม าอีกหลายเดือน แล้วก็มาถึงวันหนึ่ง ซึ่งพิลา ไม่มี วันลืม

เมื่อพี่ชายของพิลา จะแต่งงาน แม่อยากจะให้ร้อยมาลัย ให้คู่บ่าวสาว แต่พิลาก็ไม่อยาก จะมานั่งร้อยเอง จึงไปเดิน ท่อมๆ ดูมาลัยสองชาย แถวปากคลองตลาด ปรากฏว่าแพงมาก มาลัยแบนพวงเล็กๆ ราคากว่า ๒๐๐ บาททีเดียว พิลาเลยคิด จะร้อยให้สักครั้ง ถือเป็นน้ำใจ จากน้องด้วย

คืนวันนั้น ขณะที่พิลา นั่งร้อยมาลัย พันชัยก็แวะมาคุยด้วยตามเคย เมื่อเขาว่าง หรืออยากจะมา ถกปัญหา แลกเปลี่ยน ความเห็นกัน เขาก็มักจะมาเสมอ

"พันชัย อุบะนี่ ดอกรักมันไม่พอ ช่วยไปขอบ้านป้าจวงให้หน่อย เก็บมาเยอะๆ นะ" พิลาขอร้อง เมื่อเห็นว่า ดอกรัก ที่เตรียมไว้ จะไม่พอ

"ย่อมได้ พิ เดี๋ยวจะไปเก็บมาให้"

พันชัยหายไปครู่ใหญ่ ก็กลับมาพร้อมดอกรัก หลายสิบช่อ

"ไม่พอบอกได้อีกนะ จะไปเก็บให้"

"ขอบคุณมาก"

"พิรู้มั้ย ไม่เคยเก็บดอกรักให้ใครเลยนะ" พันชัยคุยต่อ

"อ้อ เหรอ งั้นก็ต้องขอบคุณมากละซี ที่อุตส่าห์ไปเก็บมาให้ มืดด้วย เก็บลำบากมั้ย"

"ไม่ลำบากหรอก ก็เก็บมาให้พิน่ะ"

"ขอบคุณ แหมบุญคุณครั้งนี้ จะจำไว้นะ" พิลาพูดเย้าๆ

พันชัยเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า

"พิ จะปฏิบัติธรรมอย่างนี้ไปตลอดจริงๆ น่ะหรือ"

"ก็งั้นซี ทำไม ไม่แน่นาพันชัย เราอาจบวชก็ได้ ในอนาคต"

พิลาตอบอย่างรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่ปฏิบัติธรรมมา จนถึงเดี๋ยวนี้ พิลารู้ว่าตนเอง เปลี่ยนแปลง จากเดิมมาก ขนาดเวลา โหนรถเมล์ไปเรียนหนังสือ พิลาก็รู้สึก ไม่อยากให้แขนหนุ่มคนไหน มาเสียดสี กับแขน ของพิลา ในคราวที่รถแน่น จนนึกอยากจะใส่เสื้อแขนยาว ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเสื้อ นักศึกษา ต้องแขนสั้น

"ถ้าบวชละก็ คงมีหนุ่มร้องไห้ตามหลังเยอะละมั้ง"

เมื่อพันชัยกระเซ้า พิลาเลยย้อนอย่างสนุก ฉันเพื่อนสนิทมานาน

"เออน่า ใครๆ หนุ่มไหนจะร้องก็ช่างเถอะ อย่าเป็นพันชัยแล้วกัน"

พิลาคาดว่า คงได้ยินพันชัยตอบทำนองว่า "โธ่เอ๊ย อย่างเราเรอะ จะอนุโมทนาสาธุ ไปเลยแม่ชี หรือไม่ก็ "โธ่เอ๊ย พูดเชยๆ"

แต่เปล่า ไม่มีคำตอบใดๆ จากปากพันชัย บรรยากาศเงียบงัน จนพิลารู้สึกได้ จึงเงยหน้า จากการร้อยอุบะ แลดูพันชัย แล้วก็ต้องสะดุ้งในใจ เมื่อเห็นพันชัย มองนิ่งอยู่แล้ว ดวงตานั้นเปิดเผยนัก

"พิลา เรา..."เสียงพันชัยแห้ง และหายเงียบ เข้าลำคอ

พิลามองพันชัย อย่างไม่อยากจะเชื่อ ความรู้สึกรื่นรมย์ หายวับ

"พันชัย..." เสียงพิลาก็คงแห้งปานกัน หมดแรงจะล้อเล่นอะไรได้อีก

พิลายังคงเงียบ นึกคำพูดไม่ออก รู้สึกสับสน หัวสมองวุ่น แต่มือยังคงร้อยดอกรัก... ดอกรัก ที่พันชัย บอกว่า ไม่เคยเก็บให้ใครเลยนะ

จะทำอย่างไร ก็พิลาไม่ได้นึกชอบพันชัยอย่างหนุ่มสาวสักนิด แล้วสมมุตินะว่า พิลาจะทำใจ ให้ชอบ ก็คงทำตัว ให้สอด คล้องไปด้วยกัน ได้ยาก เพราะพันชัย ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติธรรมด้วยซ้ำ แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าพันชัย จะหันมา ปฏิบัติธรรมบ้าง เพื่อให้เข้ากันได้ พิลาก็เดินผ่านรั้ว ที่ล้อมสวนดอกรัก ที่ใครมัก หลงติดกักนั้น มาไกลเกินกว่า จะถอยไปร่วม ปลูกต้นรัก เช่นใครอื่นได้แล้ว พิลาทนเสีย ความรู้สึกดีๆ ของตนเอง ที่อุตส่าห์ ปฏิบัติธรรมมา ตั้งนานไม่ได้ งั้นพิลา ก็ต้องทนเห็น ความผิดหวัง ของพันชัย ให้ได้ซินะ พิลารู้สึกเหนื่อยล้าทันที

"ไม่นึกว่าพิจะเคร่งขนาดนี้ กินมังสวิรัติก็ใจหายแล้ว ยิ่งกินมื้อเดียวอีก ก็ยิ่งใจหาย แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งดี... เราบอก เตือนตัว เองเสมอว่า พิคือเพื่อน แต่..." แล้วพันชัยก็เงียบ ก่อนเอ่ยถาม "โกรธมั้ย"

"ไม่ได้โกรธ พันชัย เราไม่ได้โกรธนะ แต่ยังนึกอะไรไม่ออก และคิดว่า เราก็คงผิดด้วย เพราะเรา เป็นกันเองมาก จนพันชัย อาจเข้าใจผิด บอกหน่อยได้มั้ยว่า เราทำให้พันชัยเข้าใจผิดหรือเปล่า"

"เปล่า ขอให้สบายใจ เราเข้าใจดี ถึงต้องปิด... กลัวว่า ถ้ารู้อาจสูญเสียความเป็นกันเอง เราก็อยากเป็น คนดีมากๆ ในสาย ตาของพิ ก็ไม่ได้หวังให้พิเลิกปฏิบัติธรรม เพื่อเราหรอกนะ เพราะรู้ว่า ถ้ามุ่งมั่น พิจะทำจริง มีมานะ ไม่ถอย แต่ความรู้สึก นี่ มันห้ามกันไม่ได้นะพิลา"

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น พิลาก็สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลง พันชัยจงใจหลบ ไม่มาพูดคุย เช่นเก่าก่อน ราวจะตัด อยู่คน ละโลก เขาคงเจ็บ และพยายามลืม และอาจรู้สึกผิด ต่อความเป็นเพื่อน ก็พันชัย เป็นคนดีนี่นะ สิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงถือเป็น ความผิดฉกรรจ์ หรือไม่เขาอาจรู้สึก เสียศักดิ์ศรี ที่จิตใจเขา อ่อนไหวกว่าพิลา ในเรื่องนี้

ฝ่ายพิลาเล่า ถ้าจะให้พูดคุยฉันเพื่อนเหมือนเก่า ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจพิลาได้ไหม การพูดคุย อาจเป็นการ ทำให้เขา เจ็บไม่รู้หาย ลืมไม่ได้หรือเปล่า

พิลารู้สึกวกวน ไม่รู้จะทำทีท่าอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้แต่นิ่งเงียบ และเสียดาย ความเป็นเพื่อน ยิ่งนัก เมื่อ หวนนึกถึง วันคืนเก่าๆ ที่ล่วงผ่านเลย พิลาก็ใจหายไม่รู้แล้ว

คราวใด ที่เจอกันโดยบังเอิญ ที่ป้ายรถเมล์ แม้จะยิ้มให้กัน แต่รอยยิ้มจืดเจื่อน เหลือหลาย ชีวิตห่างเหิน คล้ายเดินคนละ ฟากฝั่งฟ้า พิลานึกไม่ถึงเลยว่า คนที่เคยคุยกัน อย่างเบิกบาน โต้แย้ง หัวเราะด้วยกัน จะเปลี่ยนไป ราวคนแปลกหน้า ได้ถึงปานนี้

นึกถึงพี่กันย์ เออ...ถ้าเจอพี่กันย์ คงต้องบอกให้ทราบว่า เส้นอกหักที่พี่กันย์ ฉงนฉงายนั้น พิลารู้แล้วว่า คืออะไร พิลาอกหักแล้วนะพี่กันย์ อกหักเพราะ เขาไม่ได้รู้สึกต่อพิลา เหมือนที่พิลา รู้สึกต่อเขา เราเด็ด ดอกรัก ร่วมต้นเดียวกัน แต่มันกลับกลายเป็น คนละก้านกิ่ง แต่เมื่อใด พิลาก็ไม่อาจรู้ได้

ความรัก... ใครๆ ก็ชื่นชมต้องการ อยากจะรักใครสักคน หรือถูกใครสักคนรัก

แต่กับพิลาแล้ว ความรักฉันหนุ่มสาวดูช่างเป็นสิ่งน่าห่างไกลโดยแท้ พิลาเห็นความน่ากลัวนั้น ชัดกระจ่าง มันเยื้องย่าง มาเงียบๆ พร้อมกับดึงเพื่อน ที่แสนดีให้จากไปไกล...ไกลนัก...

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๔ พฤษภาคม ๒๕๔๖)