อภิมหาอำนาจทำลายวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน
' ณ ชุมชนราชธานีอโศก ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ ต่อจากฉบับที่ ๑๕๓

ถาม - เรื่องยิวมีพฤติกรรมดังที่เล่ามานี้ คนอเมริกันรู้เรื่องของคนยิวบ้างไหมครับ ?

ตอบ - คนอเมริกันไม่รู้เรื่องคนยิว เพราะว่าคนอเมริกันรับรู้เรื่องโดยการผ่านสื่อ สื่อหนังสือพิมพ์ เจ้าของ ต้องยิว สื่อโทรทัศน์ เจ้าของต้องยิว สื่อภาพยนต์เจ้าของต้องยิว เคยมีอยู่คนหนึ่ง ที่ตั้งซีเอ็นเอ็นมา ชื่อ เค็ท เทอร์เนอร์ คิดซีเอ็นเอ็นขึ้นมา แต่คนคนนี้ไม่ใช่ยิว พอสร้างซีเอ็นเอ็นเสร็จปุ๊บ ก็ไปไม่รอด ตอนหลัง ถูกบังคับ จากหลายฝ่าย สุดท้าย ต้องขายซีเอ็นเอ็น ต้องเป็น Merz ต้องรวมหุ้นกัน แล้วตัวเอง ต้องมานั่ง เป็นรองประธาน เพื่อให้ยิวขึ้น เป็นประธาน ที่ผมเคยเขียนไปแล้ว ครั้งหนึ่ง เขาเองไม่ใช่ยิว เขาถูกกัน ออกนอกวงการ เขาถือว่าเป็น Outsider ถือว่าเป็นคนนอก ทั้งๆที่ เป็นคนอเมริกันแท้ๆ เกิดในอเมริกา เป็นคนอเมริกัน แล้วก็สร้างบริษัท จากกระจอกงอกง่อย กลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่ง ของโลก ในด้าน สื่อสารมวลชน แต่เพราะสื่อสารมวลชน เจ้าของไม่ใช่เป็นยิว เขายังไม่ยอม สุดท้าย ต้องขายหุ้น และ ตัวเอง มานั่งเบอร์สอง ดังนั้น ไม่มี ทางสู้เขา

ถาม - ทำไมซัดดัมถึงปกครองอิรักได้ยาวนาน แสดงว่าต้องมีอะไรดี ประเทศอิรัก ความเป็นอยู่ของประชาชน ปัจจุบัน นี้เป็นเช่นไร?

ตอบ - ผมไปมาเมื่อปีกลาย เกือบเดือนท่านคงจะได้ดูหนังเกี่ยวกับอิรัก ผมไปเป็นแขก ของซัดดัม ฮุสเซ็น ไปงานวันเกิด ของท่าน ผมว่าซัดดัมปกครองประเทศอิรักได้ เขาต้องมีความดี อยู่พอสมควร คนเราจะมี สองแบบ คนที่ใช้สื่อมากๆ นี้คนใกล้ตัวมักจะไม่ค่อยรัก แต่คนไกลตัว มักจะรัก เพราะไม่ค่อยรู้ ธาตุแท้ แต่ในกลุ่มชน เช่นกลุ่มของชาวอโศกนี่ ท่านทั้ง เคารพ รัก ศรัทธา พ่อท่าน แต่บางคน อาจจะไม่เข้าใจ เพราะอยู่ไกล และไม่ได้เห็นพฤติกรรม แต่เพราะสื่อเขา อาจจะมองไป ในภาพลบ ซัดดัม อย่างนั้นจริงๆ ผมอยู่ในประเทศอิรัก ไปถามใคร โดยไม่มีการเตี๊ยม นึกจะถามใคร ก็ถาม เวลาพูดถึงซัดดัม ฮุสเซ็น คนจะพูดถึง ด้วยความรัก น้ำตาคลอเบ้า แล้วเรียกซัดดัม ฮุสเซ็นว่า "พ่อ" ทุกคน แล้วไม่ใช่เฉพาะ คนประเทศอิรัก เรียกว่าพ่อ ผมไปประเทศจอร์แดน คนในจอร์แดน ก็เรียกซัดดัมว่า พ่อเช่นกัน ก็แสดงว่า ต้องใช้ได้ ที่คนเขานับถือว่า พ่อ ผมก็ว่าเขาคงจะต้องมีดี ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาชวนผมไป ผมไปรับประทาน อาหารบ้านเขาไป เที่ยวบ้านเกิดซัดดัม แล้วเชียร์เขา แต่ผมดูจาก สภาพความเป็นจริง

คนอิรักยากจนมาก ผมสงสารคนอยู่สามประเทศ ประเทศหนึ่งคืออิรัก คนไม่มีอะไรจะกิน เพราะเขา ถูกจำกัด จะซื้ออาหารได้ ต้องซื้อผ่าน สหประชาชาติ จะซื้อยาได้ ต้องผ่านสหประชาชาติ แม้แต่เพนนิซิลิน เม็ดเดียว ก็ต้องรายงาน สหประชาชาติก่อน ต้องกรอกใบซื้อยา ส่งไปที่กระทรวง สาธารณสุข แล้วกระทรวงสาธารณสุข ก็นำไปยื่น สหประชาชาติ แล้วรอจนกว่า จะได้รับอนุมัติ บางทีตาย ไปแล้วก็มี

ที่ผมเคยเล่าให้ท่านฟังว่าเอกอัครราชทูตไทยประจำอิรัก สองปีตายสองคนแล้วครับ ปี ๒๕๓๘ ทูตไทยซี ๑๐ เรามี เอกอัครราชทูตไทยซี ๑๐ ตัวแทน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปอยู่ที่อิรัก แล้วท่าน ก็ป่วยขึ้นมา ก็ไปรักษาที่ โรงพยาบาลกลาง ของประเทศอิรัก ในขณะที่รักษา ก็ขออนุญาตซื้อยา แต่สหประชาชาติ ก็ยังไม่อนุมัติ สุดท้ายจาก ป่วยเล็กน้อย ก็กลายเป็นป่วยมากขึ้น ก็เลยให้ภรรยา บินมาเอายา ที่เมืองไทย เพราะถ้ารอ สหประชาชาติเจ๊งแน่ ภรรยา ก็บินมาเมืองไทย พอบินกลับไป ปรากฏว่า สามีตายเสียแล้ว จากคนที่ไม่ได้ป่วย เป็นอะไรมากมายเลย ความขาดยา มันทำให้โรค ลุกลาม ไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้าย ก็ตาย เขาไม่ใช่คนอิรัก เป็นคนไทย ที่ไม่ใช่คนไทยธรรมดา เป็นถึง เอกอัครราชทูต ซี ๑๐ นั่นคือ เหตุการณ์ปี ๒๕๓๘

ในปี ๒๕๓๙ ทางประเทศไทยเห็นว่า เราจะต้องส่งคนที่บึกบึน ร่างกายใหญ่โตแข็งแรง หนุ่มแน่น ไปเป็น ที่กรุงแบกแดด แต่เพราะอเมริกาไปบังคับว่า ห้ามเครื่องบินลงในอิรัก คนที่จะบินน่านฟ้าอิรัก ต้องเป็น คนอเมริกัน กับอังกฤษเท่านั้น ต้องเป็นเครื่องบิน ตรวจการณ์เท่านั้น อิรักเอง ห้ามมีเรือบิน ดังนั้น ใครก็ตาม ที่จะไปอิรัก จะต้องไปลงที่ ประเทศจอร์แดน แล้วนั่งรถ จากกรุงอัมมาน เมืองหลวง ของจอร์แดน มาที่กรุงแบกแดด ระยะทางประมาณ หนึ่งพันกว่ากิโลเมตร เอกอัครราชทูตท่านนี้ พึ่งไปปี ๒๕๓๘ เราเสียเอกอัครราชทูตแล้ว ก็ว่างมาพักหนึ่ง ปี ๒๕๓๙ ก็ส่งไปใหม่ พอไปแล้ว วันหนึ่ง ต้องมา รายงาน กระทรวง ที่เมืองไทย ขับรถทางไกล ระยะทาง พันกว่ากิโลเมตร ขับรถคว่ำ ตายคาที่ ที่อื่นก็ตาย ทูตศรีลังกาก็ตาย ทูตจีนก็มีเรื่อง แม้แต่ท่านที่เป็น เอกอัครราชทูต ที่มีเงิน มีอำนาจ มีกฎหมายต่างๆ นานา มีแรงเสริมหนุน จากต่างประเทศ ยังเป็นขนาดนี้

แล้วท่านลองคิดถึงคนอิรักซิครับ ที่ไม่มีอะไรเลยแม้แต่จะกิน ไม่มียา ตายไปก็เป็นหมูเป็นหมา เหมือนเป็นสัตว์ นี่คือ สภาพคนอิรัก

ผมไปตามโรงพยาบาลแล้วปรากฏว่า ต่อไปจะไม่มีชาวอิรักแล้ว เพราะว่าเด็กจะโดนอาวุธเคมี กับชีวภาพ เด็กแค่อายุ สอง-สามขวบ ก็เป็นมะเร็ง ในเม็ดเลือดแล้ว เป็นพันๆ คน ผมถ่ายรูปมา ตามโรงพยาบาล ยังมีเทป อยู่เลย ขอออกไอทีวีแล้ว แต่เขาบอกว่า ภาพมันดูแล้ว สังเวช เขาขอร้อง อย่าเอาภาพนี้ออก เด็กตัวเล็กๆ สองขวบสามขวบ ห้าขวบ โดนหมดเลยครับ ต่อไปก็คงจะไม่มีคนอิรัก คงจะเป็น คนประเทศอื่น ที่เข้าไปตักตวง น้ำมันบ้าง อะไรบ้าง

ผมเพิ่งไปสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน และอิตาลี เห็นแล้วสงสารประเทศไทย นักท่องเที่ยวไทยไป ผมเพิ่งจะออก โทรทัศน์ไป แทบทุกร้าน ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องจ้างพนักงาน ของคนไทย อยู่สองคน สามคน และบางร้าน ถึงเจ็ดคน เพราะคนไทย ไปซื้อของ นาฬิกาเรือนละ สองแสน สามแสน ห้าล้านบาท เจ็ดล้านบาท ก็ยังมี แล้วพอไปถึงปั๊บ ไกด์เขาจะพูดเรื่อง ประวัติศาสตร์ ไม่ฟัง เขาจะคุยเรื่อง การศึกษา ไม่ฟัง ถามอย่างเดียวว่า ร้านอยู่ตรงไหน อย่างไร แล้วก็ไปซื้อของกันมา บางคนหิ้วนาฬิกา มาสามเรือน ถ้าเรือนละ สองแสน ก็คนละหกแสนบาท แล้วช็อคโกแลต ก็ซื้อใส่กล่อง กันมาเลยนะครับ แล้วพวก คริสตัล ต่างๆ นานา ผมว่าแต่ละคน ใช้สตางค์กัน ไม่ต่ำกว่าสองแสน หรือ สามแสนบาท ปีที่แล้วคนไทย ไปถึง สามหมื่นคน เฉพาะประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเดียว

แล้วไปที่ประเทศฝรั่งเศส คนไทยไปเข้าคิวซื้อหลุยส์ วิตตอง ใบละ สองสามหมื่นบาท แล้วไปยืน เข้าคิว กันยาว และเจ้าของร้าน ก็ไม่ได้ขายง่ายๆ ด้วย เขาก็เอาใบคิวมาให้ คิวหนึ่ง ซื้อได้สองใบเท่านั้น ถ้าอยาก ได้หลายใบ ก็ต้องเข้าคิวใหม่ กระเป๋าธรรมดา ใบละสองหมื่น สามหมื่นบาท และถ้าซื้ออย่างเต็มที่ คนละสองใบ สตางค์หายไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผมว่า ชาวอโศก ไม่ว่าสวิส หรือฝรั่งเศส หรือเยอรมัน มันไม่ได้ กินสตางค์ ท่านหรอกครับ เพราะว่าท่านไม่ได้ตามกระแส บริโภคนิยม เขาต้องการ มาศึกษา รายละเอียด ลึกซึ้งว่า ท่านมีเครือข่ายอย่างไร ท่านคิดอย่างไร ถ้าเขาตามวิถีชีวิต ของท่านได้ รู้ว่าใครบ้าง ที่เป็นหัวๆ เขาก็ออกข่าวเสียๆ ได้ ทำลายหัวเสียก่อน เพื่อให้เลิกศรัทธา

ถาม - ขณะนี้บิน ลาดินยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?

ตอบ - ตอบจริงๆ ก็ไม่ทราบ แต่ถ้าให้ทาย ก็คิดว่าน่าจะมีชีวิตอยู่

ถาม - ผมคิดว่าเรื่องท่อแก๊สที่จะนะ ที่รัฐบาลมีโครงการมุ่งมั่นจะดำเนินต่อไปนี้ ในความคิดเห็น ของท่าน คิดว่ามีผลดี ผลเสียอย่างไร?

ตอบ - ผมอาจจะมองในแง่นี้ ไม่ทราบว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็แล้วแต่ แก๊สมันเป็นทรัพยากร ร่วมกัน ระหว่าง ไทย กับ มาเลเซีย การปกครองของมาเลเซีย ยังไม่นิ่งเท่าที่ควร มีพรรคอัมโนปกครอง แต่บนที่ติด ชายแดนไทย พรรคมีอิทธิพล เป็นฝ่ายค้าน ชื่อพรรคปาส พอพ้นเขตยะลาไป เป็นเขตอิทธิพลของ พรรคปาส ในประเทศมาเลเซีย ปกครองเป็นรัฐๆ สิ่ง ใดก็ตาม ที่เป็นรายได้ ถูกแบ่งหมด ภาษีต่างๆ ถูกแบ่งออก เป็นสองส่วน ส่วนแรก เป็นภาษีกลางให้รัฐ อีกส่วนเป็นภาษี กลางให้ประเทศ เพราะอย่างนี้ จึงมีความพยายาม ไม่อยากให้เกิด ท่อแก๊สขึ้นมา ในเมืองไทย เพราะว่า ถ้าแก๊สไม่ขุดใน เมืองไทยนี้ แก๊สต้องไปขุด ทางฝั่งมาเลเซีย แล้วภาษีต่างๆ ส่วนน้อย ก็จะส่งเข้ารัฐบาลกลาง แต่ส่วนใหญ่ จะตกอยู่ที่ รัฐบาล ของรัฐ ซึ่งรัฐบาลของรัฐ เป็นพรรคฝ่ายค้าน ของรัฐบาลกลาง เพราะเขาแบ่งการปกครอง ออกเป็นอย่างนี้ ดร.มหาเธร์ กลัวมาก ว่าท่อแก๊ส จะเกิดในเมืองไทย ถ้าท่อแก๊ส ไม่เกิดในเมืองไทย พรรคฝ่ายค้าน ของมาเลเซีย จะได้ประโยชน์ ถ้าผมเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในมาเลเซีย แล้วผมจะต้องได้ภาษี อย่างมากมาย ผมอาจจะต้องไปขอร้อง ใครสักคนหนึ่ง ให้ไปต่อต้าน อย่าให้มีท่อแก๊ส ในเมืองไทย ผมจะได้ภาษี บานเบอะ ไปหมดเลย รัฐของผม จะได้เจริญ ผมมองใน แง่นี้นะครับ อาจจะผิด อาจจะถูก ก็แล้วแต่ มองจากคนที่ ไม่ได้ไปสัมผัส แต่มองจาก คนที่ได้ข้อมูลมา

ถาม - ที่ท่านพูดว่าอเมริกาต้องเล่นอิรักแน่นอน แล้วก็จบภายในระยะเวลาอันสั้น ถ้าหากเราจะคิด อีกแง่หนึ่งว่า อเมริกาไม่กล้า ถล่มอิรัก เพราะกลัวอิรัก จะถล่มอิสราเอล แล้วยังเชื่อว่า อิรักมีอาวุธ ชีวภาพ หรือ แม้กระทั่งว่า หาก อเมริกาถล่มอิรัก ด้วยเหตุผล เพียงแค่นี้ นั่นคือความไม่ชอบธรรมของโลก ที่จะเกิดขึ้น แล้วในที่สุด สงครามศาสนา อันศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเกิดขึ้น แล้วตอนนั้น ฝรั่งทั้งหลาย ก็คงจะยุ่งยากมาก ต่อการที่จะไปไหน ในโลกนี้ เป็นไปได้ไหมครับ ?

ตอบ - เป็นไปได้ครับ ทีนี้ผมจะมองว่า เรื่องความชอบธรรม เขาเลิกคิดกันไปนานแล้ว ทางอเมริกา สร้างความชอบธรรมเทียมขึ้นมา ด้วยการกระจายข่าวก่อน เวลาที่เขาจะตีใคร เขาจะสร้างข่าว ขึ้นมาก่อน คนนั้นเลว คนนี้เลว แล้วจะเข้าโจมตี จนคนคิดว่าเลว แล้วเขาก็จะมีความชอบธรรม ในการตี ผมว่าตอนนี้ อิรักไม่มี อาวุธอะไร ถูกตรวจ ถูกแก้ผ้า ตรวจหลายรอบ หลายซับหลายซ้อน ผมว่าคงไม่มีอะไรแล้ว อเมริกาคงรู้ว่า ไม่มีอะไรแล้ว มีเหลือแต่น้ำมัน เท่านั้น ผมว่าอเมริกา เอาแน่ๆ

ถาม - ข้อหนึ่ง อเมริกากับอิรักมันไกลตัว ถ้าจะเล่นแบบหมาป่ากับลูกแกะ หรืออย่างไร ผลมาถึง บ้านเรา คงจะเบาบาง ไม่รุนแรง ในบ้านเรา ลูกไก่อย่างไทย แล้วจะมีหมาตัวไหน มาเล่นบท หมาหยอกไก่ แล้วจะหยอก แบบวงจรอุบาทว์ ให้มันตีกลับหรือเปล่า หรือจะมีโรค ต้มยำกุ้ง รอบสอง

ข้อสอง บทบาททางจีน เขามีท่าทีอย่างไร เขานับแบงก์เพลิน หรือนั่งนับแบงก์ดีกว่า เรื่องนอกตัวไม่สน หรืออย่างไร

ข้อที่สาม คุณนิติภูมิ มีบทบาทค่อนข้างเด่นชัด อยากเรียนถามว่า มีคนเขามอบของขวัญ ที่เป็นดอกไม้ ลูกปืน หรือ เป็นดอลล่าร์

ตอบ - เรื่องจีน คงจะเปลี่ยนบทบาทไปไกลแล้วนะครับ ผมมองดูจีน ไม่เหมือนเมื่อก่อน ใจของจีน ไปทาง ทุนนิยม เพียงแต่หลอกโลกว่า เป็นสังคมนิยม หรือพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นพรรค ที่แปลกมาก ที่ยอมให้คน ที่เป็นทุนนิยม เข้ามาบริหารพรรค และจัดการ การประชุมที่ผ่านมา

ดังนั้น จะเห็นว่าในอนาคตอันใกล้นี้ พ่อค้านักธุรกิจข้ามชาติต่างๆ จะเข้ามากุมอำนาจ พรรคคอมมิวนิสต์ ของจีน ชื่อว่า เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ความจริงไม่ใช่ ผมว่าเป็นทุนนิยมนี่เอง เพราะจีนเดี๋ยวนี้ ผมไป เซี่ยงไฮ้มา สองสามครั้ง ในรอบปีนี้ ความเป็นจิตวิญญาณ เริ่มหายไป ผมเรียนมาหลายครั้งแล้วว่า ต่อไปจีน ก็จะแย่ลงไป ทุกวัน เพราะเด็กจีนรุ่นใหม่ ไม่เหมือนจีนรุ่นเก่าๆ

จีนรุ่นแรกหลังจากเหมาเจ๋อตุง คนที่สองเติ้งเสี่ยวผิง คนที่สามเจียงเจ๋อหมิน พอมารุ่นนี้ เริ่มมีปัญหา หนุ่มสาวจีนรุ่นนี้ ไม่มีจิตวิญญาณ ในการพัฒนาประเทศชาติ รุ่นต่อไป ต่อจากรุ่นนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ ปัญหาเกิดจาก คนจีนให้มีลูก ได้แค่คนเดียว ในบางมณฑล จะมีลูกคนที่สอง จะถูกปรับ ในราคา ที่แพงมาก อย่างเช่น ที่เมืองซ่างไห่ มีลูกคนที่สอง ถูกปรับเป็น หมื่นๆ หยวน หยวนหนึ่ งก็หลายบาท ถ้ามีลูกคนที่สอง ก็ต้องเสียเงินเป็นแสน ตามชนบทห่างไกล ค่าปรับจะถูก

พอมีลูกคนเดียวภาษาฝรั่งเรียกว่า spoil คือเด็กถูกเอาใจมากเกินไป ตากับยาย มีแม่ได้คนหนึ่ง ปู่กับย่า มีพ่อได้คนหนึ่ง พ่อกับแม่มาเจอกัน ก็มีลูกได้คนหนึ่ง เด็กจีนทำผ้าเช็ดหน้า ตกลงที่พื้น คนหกคนหัวแตก เพราะแย่งกัน เก็บผ้าเช็ดหน้า ให้หลาน ทั้งครอบครัว มีเด็กได้คนเดียว เด็กจีนจึงเป็นกุมาร ที่ร้ายกาจมาก ถูกเอาใจ เสียจนเคยตัว คนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ซักผ้าก็ไม่ต้องซัก อาหารก็ป้อนถึงปาก อะไรก็ได้รับ การเอาใจหมด คนพวกนี้ แม้แต่คิดเพื่อตนเอง ทำเพื่อตนเอง ยังทำไม่ได้ แล้วในอนาคต จะทำเพื่อ ประเทศชาติ ได้อย่างไร นี่แหละครับ ที่ผมคิดว่า ต่อไปจีน จะแย่ลง ซึ่งผิด จากอินเดีย ซึ่งต่อไป นับวัน จะดีขึ้น

แล้วจีนเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องแปลก ทำไมเขาปล่อยให้ร้านแม็คโดนัลด์ เต็มจีนไปหมด เงินมันไหลออก ตลอดเวลา ถ้าเปรียบเทียบ กับบ้านเราแล้ว ว่าเงินบ้านเรา ไหลออกมากแล้ว จีนเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่า ผู้นำจีน กำลังทำอะไรอยู่

ต่อไปเรื่องได้อะไร เรื่องขู่เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ก่อนจะไปสวิตเซอร์แลนด์ ก็มีผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง แต่งงาน จากบริษัทมิตซูบิชิ ผมก็ได้รับการ์ดเชิญ จริงๆ งานแต่งงานระดับนี้ ไม่น่าจะมี นักการทูตไป แต่มีนักการทูตไปจาก สถานทูตเดียวครับ คือ สถานทูตอเมริกัน แล้วโต๊ะที่เจ้าภาพ เชิญผมนั่ง ก็เป็นโต๊ะเดียวกับ เลขานุการทูต ก็นั่งคุยกัน ก็ คุยกันไปคุยกันมา เขาก็อยากเชิญผม ไปถ่ายทำ ที่อเมริกา ผมก็ถามว่า ทางสถานทูต อยากจะเชิญผมไปถ่ายทำอะไร ในอเมริกา เขาบอกว่า อยากให้ผม ไปถ่ายทำ มุสลิม ในอเมริกาคือพยายามจะบอกมุสลิม ในเมืองไทยว่า ประเทศ อเมริกา ดูแลชาวมุสลิม ในประเทศ อเมริกาดีมาก ดูจากอาจารย์นิติภูมิ เขาไปถ่ายทำมาสิ แต่ผมก็ปฏิเสธ ไม่ได้ไป

หรืออย่างที่ผมเรียนไปแล้ว เรื่องลูกชายคนโตของผม หลังจากที่ผมเจอกับ คุณเฮนรี่คิสซิงเจอร์ ลูกชาย ก็ได้ทุน ไปเรียนที่ สหรัฐอเมริกา คือตอนนั้น เขาจะไปรัสเซียก็ไปได้ ไปที่ประเทศจีน ก็ไปได้ ที่เซี่ยงไฮ้ ก็เสนอเข้ามา สุดท้าย ลูกชายของผม ก็ได้ทุนไปเรียนที่อเมริกา แล้วก็มีขบวนการ ที่ทำให้เขาต้องไป แล้วเขาไป ก็ไม่เคยกลับมาเลย ยกเว้นในช่วงที่เผาศพย่า ที่กลับมา แล้วตอนนี้ เขาก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ก็หมายความว่า ทางอเมริกาดูแลเขาดี มาตลอด

ทำไมถึงให้ลูกไป เอ้านิติภูมิ เอ็งให้ลูกไปเรียนอเมริกา งั้นเอ็งก็ถูกอเมริกา ซื้อไปแล้วสินี่ ผมคิดในแง่เดียวกับ ฮุนเซ็นของ เขมร คือ ฮุนเซ็นนี่ เขาต่อต้านอเมริกา แต่ไม่ได้ต่อต้าน เปรอะไปทั่ว อะไรเลว ถึงจะต่อต้าน เขาเป็นนายกฯ ของประเทศเขมร มีอยู่วันหนึ่ง ญี่ปุ่นเขาเอาลูกของเขา ไปเรียนหนังสือ แล้วสิงคโปร์ ก็เอาลูก ไปเรียนหนังสือ แต่ต่อมา เขาต้องเรียก ลูกเขากลับหมดเลย เพราะอเมริกา ขอลูกชายฮุนเซ็น ที่ฉลาดที่สุด ไปเรียนที่โรงเรียน นายร้อยเวสต์ปอย ที่อเมริกา ก็มีการถกเถียงกันในเขมร ในคณะรัฐมนตรี ว่าจะให้ลูกไป หรือไม่ไปดี เขาก็บอกว่า ถ้าต้องการให้ฮุนเซ็น ยังด่าอเมริกาได้ ทุกเมื่อ หรือว่ายังต้องการ ทำตาม นโยบายตัวเอง ก็ควรจะให้ไป เหมือนไปเป็นตัวประกัน ทำตัวอ่อนหน่อยหนึ่ง ถ้าแข็งทุกเรื่อง หรือ เป็นประเภท แข็งทุกอย่าง แบบนั้น มันหักง่าย เพราะงั้น ก็เลยต้องมีโอนบ้าง ยอมบ้าง อันนี้แหละครับ เป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์ จากทางสหรัฐอเมริกา แต่พอผมคุยกับลูกชาย คุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่า ลูกชายผม กลับต่อต้าน อเมริกาเข้าไปใหญ่ ส่วนลูกชายคนที่สองนั้น ทุกวันนี้ ไม่กินแม็คโดนัลด์ เพิ่งอยู่ ม.๒ หลังจาก ที่อ่าน คอลัมน์ของพ่อทุกวันๆ ฟังผมทุกวันๆ ทั้งโรงเรียน ไม่กินแม็คโดนัลด์เลยครับ อายุแค่สิบสี่ สิบห้าขวบ เริ่มจะรณรงค์แล้ว คนนี้ผมถามว่า ถ้าอเมริกาให้ทุนมา จะไปเรียนไหม เขาบอกว่า ไม่ไป ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด แต่ไม่รู้ว่า จะโดนอะไร อย่างพ่อหรือเปล่า ก็คงจะเรียน ให้ท่านฟัง อย่างนี้แหละครับ

ในเมืองไทยก็ไม่มีอะไรหรอกครับ นอกจากถอนสปอนเซอร์

อ่านต่อฉบับหน้า

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๔ พฤษภาคม ๒๕๔๖)