>เราคิดอะไร

คนเช่นไรที่สังคมควรนิยม

มษาหน้าร้อน มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียน ยุทธนาได้กลับบ้านมาช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่หลายวัน

แม้จะเป็นหน้าร้อนแต่เช้าๆ ก็ยังเย็นสบายพาสดชื่น

สุภัค ชวนน้องชายเดินเท้าออกกำลังกายจุดหมายคือ สวนผลไม้ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านไม่ถึงสองกิโลเมตร เพื่อจะได้ช่วยกัน ถางหญ้า และตัดแต่งกิ่ง เพราะอยากจะให้ยุทธนา เกิดความสำนึกว่า ค่าเล่าเรียน ที่ใช้จ่ายกิน อยู่ทุกวัน ในวิทยาลัย ได้มาจากการขายพืชผัก ผลไม้ ที่ต้องใช้หยาดเหงื่อ แรงงาน ใช่จะได้มา ง่ายเลย

ถนนลูกรังตัดผ่านป่าสาธารณะที่ยังคงความอุดมซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ๆ ยืนต้นโดดเด่น ให้คนรุ่นหลังๆ ได้รู้เห็น ถนนตัดผ่าน ที่สวนไปเชื่อมกับอีกหมู่บ้านหนึ่ง การขนส่งผลิตผลจาก ในสวนเข้าตลาด จึงสะดวกขึ้นกว่า เมื่อสามปีก่อน สุภัคหยุดยืน แล้วชี้มือไปที่ริมทาง "เมื่อเดือนก่อนตอนบ่าย พี่กลับมาจากสวนตรงนี้ พี่มองเห็น งูตัวใหญ่เท่าท่อนแขน ยาวเป็นวา มันเลื้อยผ่านถนน เข้าไปในป่า ในช่วงนั้น พอดีลุงบูรณ์ ขี่จักรยาน ผ่านมาเห็นงู เหมือนกัน ลุงบูรณ์ทิ้งจักรยาน วิ่งเข้าไปในป่า ห่างจากจุดที่งูเลื้อยเข้าไป สิบห้าเมตร ไม่นาน ลุงบูรณ์ก็วิ่งอ้อม ทะลุป่าอีกด้านหนึ่ง "วันนี้โชคดีจะได้งูตัวใหญ่ ไปต้มทำอาหารมื้อเย็น" ลุงบูรณ์ พูดออกมา ด้วยความดีใจ พร้อมกับเดินเข้าป่า ตรงที่งูเลื้อยเข้าไป พี่นึกอยู่ในใจว่า ไม่มีทาง จะได้งู ตัวนั้นเลย เพราะมันเลื้อยเร็ว และ ป่าก็รกด้วย แต่ก็ผิดคาด ไม่นานลุงบูรณ์ แกเดินกลับออกมาจากป่า พร้อมกับ เจ้างูโชคร้าย แกบอกพี่ว่า "ครูภัคครับ ไม่ว่าผมเจอะงูที่ไหน ผมจะจับได้ทุกตัวเลย เพราะพวกงู มันจะกลัวคน และกลิ่นของคน พอผมวิ่งรอบไว้แล้ว งูมันจะไม่กล้าเลื้อยผ่าน จะรีบหาที่หลบซ่อน ขดตัวอยู่ในแถวนั้นเอง" ลุงบูรณ์ ชอบกินงูแทบทุกชนิด ขนาดงูสามเหลี่ยมน่ากลัว แกยังจับไป ต้มกินเลย

"ตั้งแต่พี่ได้เห็นลุงบูรณ์แกมีความสามารถเฉพาะตัว จับงูได้ง่ายๆ ก็เลยสนใจเรื่องชีวิต แต่ละคน หรือ กลุ่มคน ที่ต่างก็มีความสามารถ หลากหลายแตกต่างกัน หลายคนเก่ง ในทางวาดเขียน แต้มแต่ง หลายคน ชำนาญ ในงานแกะสลักลวดลาย ตามแผ่นไม้ แผ่นเงิน แผ่นทอง ดูวิจิตรงดงาม มีชาวบ้านบางคนเก่ง ในการปีน ขึ้นไปเก็บลูกมะพร้าว และลูกตาล ด้วยมือเปล่า ขึ้นๆ ลงๆ วันละหลายสิบต้น มีหลายคนขยัน ทำงานหนักทั้งวัน ตกเย็นกลับถึงบ้าน ก็ยังมีรอยยิ้ม แสดงความสุขใจ ให้เพื่อนบ้าน ได้รู้เห็น และ มีอีกหลายคน แม้ฐานะจะยากจน มีที่นาไม่ถึงสิบไร่ เขาก็ฉลาด รู้จักการทำปุ๋ยหมัก ปรับปรุงดิน จึงปลูกข้าว ได้มาก ทั้งได้แบ่งขาย และเก็บใส่ยุ้งฉางไว้กิน ได้ตลอดปี คนเหล่านี้เกิดมา เพื่อดิ้นรนหาอยู่ หากิน พอให้ชีวิต อยู่รอดไปได้ ก็มีความสุขแล้ว

"ที่จริงคนเราแม้จะเรียนสูงมีความรู้มาก มีลาภมียศยิ่งใหญ่สักปานใด หากไร้ศีลธรรม ประจำใจ เสียแล้ว จะไม่มีทาง ได้พบกับความสุข ที่แท้จริงเลย เพราะหวั่นไหวกลัวลาภยศ ที่ได้มานั้น จะเสื่อมถอยไป คนเหล่านี้ จึงต่างยังมีความทุกข์ ร้อยแปด สุมอกอยู่ไม่เว้นวางเลย

"แต่ภาพหน้าฉากอันสวยหรูของคนกลุ่มนี้ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ ในสังคมคิดว่า อุดมพูนสุข ไปเสียทุกอย่าง คิดว่านั่นแหละ เป็นความสุดยอด ที่ได้เกิดมาเป็นคน ทั้งที่มากราย ที่ได้ลาภและยศ นั้น มาจาการทุจริต ฉ้อฉล ยากนักที่ผู้คนในสังคม จะล่วงรู้ได้

"ยุทธคิดว่าคุณค่าของคนที่สังคมควรนิยมเอาเป็นแบบอย่างนั้นควรเป็นเช่นไร" เป็นคำถามสั้นๆ ที่ไม่มีอยู่ ในตำราเรียน แต่จะหาคำตอบได้จากความจริง ในสังคม ยุทธนาเดินคิดหาคำตอบ ไปเรื่อยๆ จนใกล้ ประตูรั้วสวนผลไม้ ที่ติดเขตป่าสาธารณะ จึงได้คำตอบ

"ก็อย่างพี่ภัคนี้แหละที่ควรยกให้เป็นคนที่มีคุณค่าต่อสังคม เพราะพี่ไม่เล่นการพนัน ไม่สนเรื่อง สุรา ยาเสพติด มีความตั้งใจสอนนักเรียน มีความรักห่วงใย ลูกศิษย์ จนนักเรียนพากัน รักเคารพ นับถือ เหมือนแม่ คนที่สอง" ยุทธนายิ้ม ที่ได้คำตอบ เป็นหลักการ ตามข้อมูลของชาวบ้าน

"พี่อยากจะให้ยุทธได้มองหานักการเมืองหรือผู้นำชุมชน ที่พอจะเป็นบุคคลตัวอย่าง ของสังคม แต่กลับมา ยกย่องพี่เสียเอง อย่าเอาเรื่องของพี่ นำไปพูดที่อื่น เด็ดขาดนะ เราเป็นพี่น้องกัน ยกยอคนกันเอง เดี๋ยวชาวบ้าน จะว่าเป็นพวก ฉลาดน้อย"

ยุทธนานึกเรื่องที่ค้างคาใจมานานขึ้นมาได้ "พี่ครับคนผู้กล้าเอาระเบิด มัดรอบตัวแล้ว กดทำลาย ทั้งตัวเอง และ คนอื่น ตามข่าวหนังสือพิมพ์ เขาจัดอยู่ในกลุ่มคน ประเภทใดครับพี่"

"พี่เคยได้ฟังเขาเล่ากันมาว่า ในยุคสมัยเก่าก่อนมีประเทศหนึ่ง ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่สองคน ไปศึกษา ในประเทศ ที่มีการผลิตไฟฟ้าใช้ได้แล้ว แต่ทั้งสองคนนั้น ก็ไม่อาจสามารถ นำเอกสาร ข้อมูล ในการผลิต ไฟฟ้า กลับไปยังประเทศ ของตนได้ เจ้าหน้าที่นายหนึ่ง จึงพลีชีพฆ่าตัวตาย เพื่อให้เพื่อน นำเอกสาร สำคัญนั้น เข้าซ่อนใส่ไว้ในช่องท้อง แล้วนำเอาศพกลับคืน ประเทศของตน

"การยอมตายคนเดียว เพื่อผลประโยชน์ และความสุขของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ อีกมากหลาย นั้นต่างหาก ที่สมควร ใช้คำว่า เป็นผู้พลีชีพ หรือเรียกอีกอย่างว่า ผู้มีอุดมการณ์ที่แรงกล้า

"แต่การที่มีผู้เอาระเบิดมัดรอบตัว นำไปกดตามเป้าหมายทำลาย จนผู้คนที่บริสุทธิ์อีกมาก ล้มตายไป เป็นข่าวดัง อยู่ในยุคสมัยนี้นั้น จะเรียกว่าพวกพลีชีพ คงไม่ตรง น่าจะใช้คำว่า กลุ่มคนพวกหลง ในความเชื่อ บวกด้วยความแค้นอาฆาต ที่รุนแรง จะตรงกว่า เพราะสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นๆ ผลออกมา ตัวเองตาย ผู้บริสุทธิ์ อีกมากราย ย่อยยับไปด้วย และยังสร้างความกลัว ในภัยร้ายให้แก่ประเทศ ฝ่ายตรงข้าม แล้วคอยจ้อง จะมุ่งกลับมาทำลายล้าง เผ่าพันธุ์ของตนเอง ให้ย่อยยับเดือดร้อน ไม่รู้จบสิ้น"

ยุทธนาเริ่มเข้าใจถึงการมองข้ามความเก่ง ความสามารถเฉพาะตัว อันมีคุณค่า ของคนอื่นๆ ไปเสียหมด พร้อมหลงว่า ตนแสนฉลาดสุดยอด อยู่เพียงคนเดียวนั้น มันเป็นการทำลาย ความสามัคคี ในวงเครือญาติ และ เผ่าพันธุ์ของตนเอง อย่างน่ากลัวจริงๆ

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๕ มิถุนายน ๒๕๔๖)