>เราคิดอะไร

รักสนุก จึงทุกข์ถนัด


มหวัง หนุ่มน้อยบ้านนาอีกคนหนึ่งที่มีวิถีชีวิตแบบสบายๆ ตามค่านิยมสังคม เมื่อแล้วเสร็จจากงาน ทำนาก็จะคบหาเพื่อนฝูงตั้งวงเหล้าร้องรำทำเพลงสนุกสนานอยู่ ไม่ว่างเว้น

เขาตัดไม้ไผ่ลำใหญ่เป็นท่อนยาวแค่ศอกกว่าๆ แล้วผ่าออกเป็นซีกๆ เพื่อเหลาเป็นคัน เบ็ดตกปลา พวกเพื่อนๆ ที่ชอบกินๆ เที่ยวๆ สามสี่คนก็ทยอยมาหาก็เลยช่วยกันเหลาคันเบ็ด ไม่นานก็ได้เบ็ด ปักตามคันนา ถึงร้อยกว่าอัน "วันนี้เราออกเงินซื้อเหล้าขาวกันแล้วออก ไปปักเบ็ดเอาปลา แกล้มเหล้า คงสนุกดี" สมหวัง พูดชักนำ พวกเพื่อนๆ ต่างเห็นดีด้วย สมหวังจึงเดินหิ้วกระป๋องสีเก่า พร้อมจอบ ไปขุดดินตรงที่มีไส้เดือนชุกชุมตามสวนหลัง บ้าน สักพักหนึ่งก็ได้ไส้เดือนร่วมครึ่งกระป๋อง

สมหวังพร้อมเพื่อนๆ มาถึงที่พักเถียงนา มุงด้วยหญ้าคาและมีแคร่ไม้ไผ่อยู่ตัวหนึ่ง วาง กระติกน้ำ ขวดเหล้าขาว และแก้วพลาสติกไว้บนแคร่ แล้วพากันหิ้วกระป๋องใส่ไส้เดือน หอบคันเบ็ด ลงไป กลางทุ่งนา

ต้นข้าวกำลังแตกกอออกใบโค้งเขียวขจี ตามคันนาต้นหญ้าออกดอกสวยงาม แมลงปอ บินโฉบฉิว นกเอี้ยงส่งเสียงแกกๆ บนยอดไม้ มันคงเป็นนกยามคอยส่งสัญญาณให้พรรคพวก ระวังภัยเพราะ ไม่นานพวกนกเอี้ยงต่าง พากันบินหนีไป กบเขียดหลายตัวกระโดดจากคันนาลง ไปมุดอยู่ในน้ำเมื่อ มีเสียงคนเดินมาใกล้

สมหวังจับไส้เดือนออกมาจากกระป๋อง แล้วเอามีดตัดออกเป็นท่อนๆ ยาวเท่ากับตัวเบ็ด แล้วเอาตัวไส้เดือน เสียบเบ็ดร้อยกว่าอันที่ปักเป็นระยะอยู่ตามคันนา ไม่นานเกินรอพวก ปลาช่อนปลาหมอ ปลาดุก ตัวใหญ่ หลายตัว ก็กินเหยื่อและเบ็ด มันดิ้นจนสุดฤทธิ์ให้หลุด จากตะขอเบ็ดที่ร้อยอยู่ที่ริมปากของมัน พวกปลา มันคงรู้สึกเจ็บ และหวาดกลัวเป็นที่สุด ตรงกันข้ามกับ กลุ่มพวกของสมหวัง ที่ต่างสนุกดีใจ พากันยกคันเบ็ด ที่มีปลาติดอยู่ ปลด ปลาจากเบ็ดรวมใส่ถุงไว้ แล้วเอาท่อนไส้เดือน เสียบเบ็ด ปักล่อ เอาปลาตัวใหม่อีกต่อไป

สุมกิ่งไม้แห้งเป็นกองไฟ ปลาที่ได้มา เอาไม้ทุบหัวดิ้นเร่าๆ ไม่นานก็แน่นิ่งแล้วโยนไว้ ตรงที่เป็น ถ่านไฟ ปลาตัวไหน สุกได้ที่ก็เขี่ยออกมากินแกล้มเหล้า สมหวังรินเหล้าขาว ใส่ถ้วยพลาสติกยกขึ้น ดื่ม แล้วรินต่อกัน จนรอบวง พอเหล้าเข้าปากแก้วสองแก้วสามแก้ว หนังบนใบหน้าเริ่มมึนชา การร้อง รำปรบมือ ก็ตาม มาและเรื่องราวสัพเพ เหระไม่ว่าเรื่องใกล้หรือไกลจะเป็นเรื่องร้าย เรื่องดีก็พรั่งพรู ออกมา ตามวิสัย ของคนในวง เหล้า "เมื่อวานนี้พวกเด็กดมกาวได้พากันแอบไปดมกาว อยู่ในศาลา พักผู้โดยสาร ทางเข้า หมู่บ้าน เรา พอดีมีตำรวจหนุ่มสองสามนายจะเข้าไปจับ พวกดมกาวคนหนึ่ง จึงพูดขึ้นว่า "พวกนายท่าน อย่าจับพวกเราเลย พวกท่านก็คงชอบความ เมาเหมือนกัน แต่พวกท่าน มีเงินเดือน ก็ไปกินเหล้า ในห้องอาหารสนุกสนาน พวกผมไม่มีเงินพวกจึงออกเงินกันคนละสิบบาท ซื้อกาวมาดม ก็เมา และ สนุกเหมือนกัน "พวกตำรวจเลยไม่จับเพราะเขาสรรหาคำพูดมาได้ตรงดี แต่ก็ได้ตักเตือน และ คาดโทษ ไว้ว่า อย่าให้เห็นดมกาวอีก เข้าใจความรู้สึกของกลุ่มวัยรุ่นที่ ดมกาวนั้นว่า คนทั่วไป ในสังคม อยากกินสูบ ดื่มเสพเหมือนๆกันทั้งนั้น พอสมหวังพูดจบเพื่อนที่นั่งอยู่ตรง ข้ามก็เอ่ยขึ้น "ที่จริงเวลาพวกเรา ตั้งวง กินเหล้า จะมีแต่เรื่องที่สนุกๆ มาคุยกัน ต่างจากพวกไอ้แหลม ตั้งวงกินเหล้าเมา แล้วมีแต่จะพาน ไปหาเรื่อง ระรานชาวบ้าน ท้าตีท้า ต่อย เป็นนิสัย"

"มันไม่ใช่นักเลงจริง ต้องอย่างข้านี้สิถึงจะของแท้ไม่พอใจใครข้าจะแอบไปตีหัวมันโดยมัน ไม่รู้ตัว คนทำเลย และหลายรายที่ข้าแอบไปตีหัวตามงานวัด ยังไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าข้าตีหัวมัน"

ในช่วงเดือนห้าต่อเดือนหก หลายหมู่บ้านจะพากันร่วมทำบุญบั้งไฟประจำปี ซึ่งเป็นงานประ เพณีของ ชาวอีสาน ที่สืบทอดกันมา หากหมู่บ้านไหนมีสองวัดชาวบ้านก็จะจัดบุญบั้งไฟกัน ทั้งสองวัด โดยจะจัด งานบุญ คนละช่วง ในต้นเดือนและกลางเดือน ตามประเพณีแล้วทุกหลังคาเรือน จะต้องหาแป้งเหล้า มาหมักทำสา โทไว้รับแขก ส่วนมากชาวบ้านมักจะออกเงินกันสามสิบหลังคาเรือน ซื้อวัวหรือควาย มาตัวหนึ่ง แล้วฆ่าชำแหละ แบ่งปันเอาไปทำอาหาร รับแขกในงานบุญ ทั้งเหล้าและ อาหารชาวบ้าน จะเลี้ยงแขก ชาวบ้านที่ไปมาหาสู่ตลอดงานสอง วัน

คณะกรรมการและชาวบ้านได้ลงมติว่าอีกสิบห้าวัน วัดในหมู่บ้านจะจัดงานบุญมหาชาติประจำ ปีขึ้น พร้อมมีการจุดบั้งไฟ แข่งขันทางไกลชิงเงินรางวัลที่หนึ่ง ๓,๐๐๐ บาท ที่สอง ๒,๐๐๐ บาท และ ที่สาม ๑,๐๐๐ บาท ค่าลงทะเบียนบั้งไฟหนึ่งบั้ง ๕๐ บาท สมหวังซื้อหาแป้งเหล้านำมาหมักใส่โอ่งมังกร ทำเหล้า สาโท กะว่าต้องให้ได้น้ำสาโท ไว้รับรองแขกที่มาร่วมงานบุญอย่างน้อย ๓๐ ลิตร ยาม งานบุญบั้งไฟมาถึง ชาวบ้านที่ชอบจับกลุ่มสะพายกลองร้องรำไปตามถนนแวะเข้าไปชิมสา โทตามบ้านริมทางไปเรื่อยๆ ก็มี พวกที่ชอบ นั่งจับกลุ่ม กินเหล้าอยู่ก็มี ส่วนชาวบ้านที่ไม่สนใจ เฮฮาสนุกก็จะพากันทำขนมจีน ข้าว หลาม ส้มตำ ไก่ย่างนำออกมาขายตามริมถนนหน้าวัด

สมหวังนั่งกินเหล้าอยู่ที่แคร่หน้าบ้านเพื่อน จนเมาได้ที่ ไอ้แหลมขับมอเตอร์ไซค์มาจอดตรงหน้า ตะโกนถาม "แถวนี้มีใครใหญ่หรือเปล่า"ย้ำอยู่หลายครั้ง สมหวังจึงลุกขึ้นออกไป ชกที่หน้าไอ้แหลม อย่างจัง ทีหนึ่ง มันทรุดลงไป กองกับพื้น เพื่อนๆ ของสมหวังรีบเข้าไปห้าม แล้วดึงสมหวัง ไปนั่งกินเหล้า ที่ม้าหินอ่อน ในบ้านอีกหลังหนึ่ง ห่างจาก จุดก่อเหตุห้าสิบเมตร ไม่นานไอ้แหลม ก็ตามเข้าไป ในมือถือขวด เป็นอาวุธ หมายจะมาแก้แค้น สมหวังเตรียมท่อน ไม้ขนาดกำมือยาวศอก กว่าเอาไว้ก่อนแล้ว ประเคนท่อนไม้ เข้าแสกหน้าไอ้แหลมอย่างจัง มันล้มทั้งยืนชัก กระตุกตา เหลือกตายคาที่

สมหวังถูกศาลตัดสินจำคุก ๖ ปี แต่รับสารภาพและไม่เคยต้องโทษมาก่อน ลดเหลือจำคุก ๓ ปี

เพราะสมหวังมีใจหมกหมุ่นอยู่กับความสนุก และรสชาติของสุราเมรัย ปัญญาจึงถูกปิดกั้น ไม่รู้ จักเลือก ทำดี งดเว้นความชั่ว ไม่เข้าใจในบุญในบาป ไม่รู้คุณค่าอันมหาศาลของพระศาสนา จึงต้องระกำ เข้าไปกินข้าวแดงแกงจืดในคุก

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๖ กรกฎาคม ๒๕๔๖)