การบริหารชีวิตด้วยการสร้างภาพ
: ดึงนามธรรม สู่ รูปธรรม
หลายๆ คนพานคิดไปถึงรัฐบาลชุดนี้
"เก่งสร้างภาพ" แต่คนที่รักชอบ
เขาก็จะเถียงว่า "สร้างภาพ" ก็ยังดีกว่า
" ไม่ได้รับรายงาน" แค่นี้ก็ทะเลาะกันไม่เลิก!
คนสร้างหนังนี่แหละ
ยอดคนสร้างภาพ แต่คนสร้างทุกวันต้องยกให้คนตาบอด โลกมืดของเขา มีจินตนาการ
มากมาย ตำราฝรั่งเขียนไว้มานานแล้ว เรื่องการหัดคิดให้เป็นภาพจะทำให้เราจำแม่น
หัวไม่ดี จึงเรียนเก่งได้
คนไทยก็เก่ง ฝันเห็นภาพ
แต่ตีความเป็นตัวเลขจึงตกเป็นรองชาติอื่นอยู่ร่ำไป
รัฐบาลสร้างหวย
หวยสร้างคน คนสร้างชาติ?
จะประสบความสำเร็จต้องเป็นภาพ
เพราะภาพเพียงภาพเดียว แทนคำพูดเป็นพันๆหมื่นๆ คำ
บริษัทโฆษณาคิดภาพเก่ง
บริษัทก็มีลูกค้าเยอะ แค่ยกยาชูกำลังไปวางบนหัวนักรบ วางบนวีรกรรม
กล้าหาญ ของพ่อค้า ขายก๋วยเตี๋ยว ขายฝรั่งดอง แค่นี้ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
หรือจะขายสบู่แชมพู
ไปเชิญดารามาถูๆสระๆ ให้ค่าเสียเวลาสักล้านสองล้าน ของเราก็ขายดีตามไปด้วย
พระพุทธองค์สร้างศาสนจักรจนมีพุทธบริษัท
๔ ครบพร้อม ท่านทรงชี้หลักธรรมะด้วยภาพง่ายๆ ที่เข้าใจกัน
- เป็นสมณพราหมณ์มิใช่สายโลหิต
แต่ทำความดีต่างหาก
- ทิศ ๖ มิใช่เอาแต่ไหว้รอบๆ ตัว ทิศเบื้องหน้า - หลัง - ซ้าย - ขวา
- บน - ล่าง หมายถึงผู้ใดบ้าง
- โลกลุกเป็นไฟ ตัวตกอยู่ในความมืด ยังไม่รู้จักหาแสงสว่าง!
- สมณะทั้งหลาย หากไม่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อาหารของชาวบ้านพลันก็จะกลายเป็นก้อนเหล็กแดงร้อน!
พระพุทธเจ้าท่านเห็นภาพ
๔ ภาพ เกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย ท่านก็บรรลุธรรม เป็นอัศจรรย์
วันนี้ หลายๆ คนเป็นนักบริหารมืออาชีพ
บางคน มองประเทศ
เหมือนบริษัท บริษัทต้องมีเม็ดเงิน เยอะๆ เพราะฉะนั้น อะไรที่แอบๆทำ
แถมผิด กฎหมาย ก็น่าจะดึงขึ้นมาจัดการ รัฐบาลก็จะเป็นนักเลงโต แต่ผู้เดียว!
วินมอ-ไซค์, อิทธิพลมืด
ฯลฯ ชำแหละให้สิ้น เมืองไทยนักเลงโตเยอะไป ปกครองยากใช่ไหม เหลือให้น้อย
ที่สุด น่าจะดีกว่า
บางคนมองการบริหารแบบแม่กับลูก
ต้องมีน้ำใจให้กัน จริงใจ อภัย เมตตาเป็นที่ตั้ง และจะตีเมื่อถึงเวลา
หันมาวงการนักปฏิบัติธรรม
ผู้ใฝ่นิพพาน พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบง่ายๆ ตื้นๆ ห้องนี้มีช้างมีม้ามี...
เมื่อเอาช้างออกไป
ห้องนี้จึงนิพพานจากช้าง
เมื่อเอาม้าออกไป ห้องนี้จึงนิพพานจากม้า
ท่านเปรียบเทียบการตัดกิเลสเหมือนการจะเอาไม้มาสีไฟ
ขั้นที่ ๑. เอาไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำ
ขั้นที่ ๒. เอาไม้มาตากแดดรีดยางให้แห้ง
ขั้นที่ ๓. สีไฟได้เลย โอเคโป๊ะเชะ !
การสื่อสารเป็นภาษาถ้อยคำ
เป็นความเก่งสุดยอดของสัตว์มนุษย์ เก่งกว่านั้น คิดให้เป็นภาพนี่ เก่งกำลังสอง
เก่งกำลังสาม คิดเป็นภาพเปรียบเทียบ
พระเยซูพระองค์เปรียบเทียบความเหนียวของเศรษฐีในการทำทาน
ว่ายากเย็นแสนยาก เหมือนจูงอูฐ ลอดรูเข็ม !
ธรรมะสายสันติอโศกเปรียบกิเลสเหมือนเสือร้ายที่อาศัยอยู่ในจิตใจ
วันดีคืนดี ก็ออกมาคำราม ออกมาตวาด ขบกัดคนข้างเคียง
วันไหนสบาย แปลว่า
"เสือหลับ"
แต่เป้าหมายชีวิตของเขาคือ "ฆ่าเสือให้ได้!"
เพราะฉะนั้นชาวอโศกจึงขยันทำการงาน
ไม่อยู่นิ่ง ทำงานได้ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตนก็คือ อ่านกิเลสค่อยๆ
ฝึกต่อสู้กับกิเลส สักวันก็จะชนะมันได้
ท่านอาจารย์พุทธทาสจึงประกาศว่า
"การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" ยิ่งทำงานยิ่งได้ปฏิบัติธรรม
ยิ่งทำงานก็ยิ่งได้ฝึกเอาชนะกิเลส
สุภาษิตเกาหลี ขานรับเห็นด้วย
"งานหนักคือดอกไม้งามของชีวิต"
บางสำนักใช้ทฤษฎี
จิตเดิมแท้ประภัสสร กิเลสเป็นแค่แขกจรไปๆ มาๆ วุ่นวายจังเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าพยายามทำจิตให้นิ่งๆ ว่างๆสักวันก็จะบรรลุ
สายนี้ก็เลยไม่ขวนขวายในการงาน ทำมากเดี๋ยวจิตฟุ้งซ่าน ใครอย่ามากวน
เหมือนยกของเข้าช่องแช่แข็ง
แช่ให้แข็งถึงเนื้อใน แต่ลืมไปว่า เนื้อในตรงกลางเต็มไปด้วยลาวาร้อนระอุ
ถึงจะนิ่งเย็นสงบสักวันก็จะระเบิด
เข้าใจทฤษฎีลาวาหรือเสือหลับ
เราก็จะไม่สงสัยที่พระท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง สุดท้ายก็ต้องลาสิกขา
เพราะผ้าเหลืองร้อน
นี่แหละ แช่แข็งนานๆ
ก็ระเบิดได้เหมือนกัน
วันนี้นักแก้ปัญหาสารพัด
ไม่ว่า เรื่องของสังคมหรือบริษัทห้างร้าน เมื่อเริ่มถกเถียงกันเพื่อแก้ไขเขาก็เริ่มมองออกมาให้เป็นภาพก่อน
เมื่อได้ภาพแจ่มชัด
ความคิดรวบยอดก็แจ่มชัด (Concept)
แนวทางแก้ไขก็ไม่สับสน
ปัญหาจึงลุล่วงสะดวกง่าย
นี่แหละเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๕๗ สิงหาคม ๒๕๔๖)
|