>เราคิดอะไร

แม่
คำนี้มีค่ายิ่ง

ในช่วงเวลานั้นอายุของฉันพึ่งได้สิบหกปีกว่า ฉันเป็นลูกสาวชาวนาคนจนๆ มีพี่น้องห้าคน แถมเป็นลูก สุดท้อง อีกด้วย เมื่อปักดำข้าว ในนาแล้วเสร็จ ฉันต้องช่วยแม่ทอผ้าห่ม ผ้าถุง และผ้าขาวม้า เพื่อจะได้ เอาไว้ใช้ ในครัวเรือน

ฉันเรียนแค่ป.๔ พอเรียนจบเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ต่างแต่งงานโยกย้ายไปหางานทำช่วยพ่อแม่ หาเวลาพบปะ พูดคุยแทบไม่มี นานๆ จะได้พบกัน ตามงานบุญ ประเพณี ประจำปีสักครั้งสองครั้ง แต่ที่ฉันได้พบปะพูดคุย จนสนิท คุ้นเคยอยู่ตลอด ก็เห็นจะมีแต่ คุณป้าสอน หมอตำแย ประจำหมู่บ้าน ตอนนั้น อายุแกคง สี่สิบกว่าปี บ้านป้าสอนปลูกสร้างมาหลายปีอยู่ตรงข้ามกับบ้านของฉัน ห่างกัน ไม่ถึงสามสิบเมตร มีเพียง ทางเกวียน สายเก่า ที่ตัดผ่านมากางกั้นเท่านั้น

ฉันชอบแวะไปพูดคุยกับป้าสอนแทบทุกวัน ป้าเป็นคนพูดเก่งฟังแล้วไม่เบื่อ ส่วนมาก จะพูดแต่เรื่องที่มีสาระ สมกับเป็นคน ที่ผ่านโลกมามาก ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องที่ป้าเล่าให้ฟังแล้วฉันยังนึกขำอยู่ตั้งหลายครั้ง เช่นเรื่อง หมาเห่า ป้าเล่าว่า มีหนุ่มคนหนึ่ง ตามสาวไปเที่ยวงานวัด พอดีมีหมา จรจัดตัวหนึ่ง ออกมาเห่า อยู่ริมทาง หนุ่มคนนั้น ก็รีบคว้าก้อนดิน ขว้างใส่หมาตัวนั้น ด้วยความโกรธเคือง ที่มันมาบังอาจ เห่ารบกวน สาวคนรัก ของตน แล้วหลายปีต่อมา หนุ่มคนนั้นได้แต่งงาน กับสาวคนรักสมใจ จนมีลูกน้อย ชายหญิงสองคน เย็นวันหนึ่ง หนุ่มคนนั้น จูงควาย กลับจากทุ่งนา โดยมีภรรยา เดินอุ้มลูกคนเล็ก จูงลูกคนโต เดินนำหน้า ริมทาง มีหมาจรจัดตัวหนึ่ง ออกมาเห่ายกใหญ่ สามีที่กำลัง จูงควายอยู่ มองเห็น จึงตะโกนออกไปว่า "มึงเดินอีท่าไหนกันวะ หมาถึงได้เห่าอย่างนั้น"

เพราะฉันสนิทกับป้าสอน เวลาชาวบ้านมาตามป้าสอนให้ไปช่วยทำคลอด ฉันจึงได้มีโอกาส ตามป้าสอน ไปช่วยเป็นลูกมือ หมอตำแย อยู่หลายครั้ง ฉันจึงได้รับรู้วิธีทำคลอด ทุกขั้นตอน จึงเกิดความรู้สึกว่า ฉันว่า ก็คงพอจะเป็น หมอตำแยได้เหมือนกัน

ฉันอายุสิบแปดปีกว่าๆ หนุ่มในหมู่บ้านวัยเดียวกันก็เริ่มเทียวมาตีสนิทชิดชอบ ฉันไม่รู้ว่า ฉันรักเขาหรือเปล่า แต่หาก ขาดหายไป หลายวัน ก็อดคิดถึงเขาไม่ได้

ฉันวาดวิมานเอาไว้สวยหรู ตอนนี้เขาดีกับเราอย่างไรเมื่อแต่งงานกินอยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็คงจะดีกับเรา ตลอดไป เพราะฉันจะต้อง พัฒนาตัวเอง เป็นแม่บ้านที่ดี ที่แน่ๆ ฉันไม่อยากจะให้ชีวิตของฉัน เหมือนกับ เรื่องหมาเห่า ของป้าสอน ที่ตอนแรก ยังไม่แต่งงาน พอหมาเห่า เจ้าหนุ่มก็โกรธหมา ไม่อยากให้มาเห่าแฟน ครั้นได้สาว ไปเป็นภรรยาแล้ว พอหมาเห่าภรรยาอีกครั้ง กลับโทษภรรยาว่า เดินสะเปะสะปะ ทำให้หมา มันเห่า

พอฉันอายุย่างเข้ายี่สิบปี หนุ่มคนเดิม ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ และทั้งสอง ฝ่ายตกลงนัดหมาย วันแต่งงาน ในอีก สองเดือนถัดไป

ฉันแต่งงานไปอยู่บ้านของสามีแค่หนึ่งเดือน เพราะพี่ชายของสามี เขาก็มีภรรยา มาประจำอยู่ที่ บ้านปู่ย่า มาปีกว่าแล้ว สามีจึงได้พาฉัน ไปปลูกสร้าง ที่พักอยู่ปลายนา เป็นเถียงนาทรงสูง มุงด้วยหญ้าคา มีห้องนอน ระเบียง และห้องครัว

สามีของฉันเป็นคนขยัน ชอบช่วยภรรยาทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่งานไถนา ถอนกล้า ปักดำนา แต่มีข้อเสีย อยู่ตรง หากว่าได้มีโอกาส เข้าไปช่วย งานมงคล หรืองานบุญประเพณี ในหมู่บ้าน สามีของฉัน มักจะชอบ กินเหล้า จนติดลม สนุกทุกครั้ง ได้ทั้งวัน ยันเที่ยงคืน

นึกถึงช่วงที่ยังเป็นโสด เรื่องอาหารการกินปูปลา กบ เขียดพวกพี่ๆ จับมาทำกับข้าว ฉันไม่เคย สนใจเลย แต่พอฉัน ได้มาเป็นแม่บ้าน ครองเรือนแล้ว จึงรู้ว่าการจะหาอาหาร ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาทำกับข้าวนั้น มันไม่ง่าย เลยนะ หลายครั้ง ที่สามีฉัน ออกไปหว่านแห ตามห้วยหนอง คลองบึง หรือออกไปส่องกบเขียด ในเวลากลางคืน ก็พอทำกับข้าว ได้หลายมื้อ แต่หากช่วงไหน สามีติดการงาน ทำไร่ไถนา ก็ตกเป็นหน้าที่ ของฉัน ปูนา กุ้งฝอย ตามกอหญ้า ริมห้วย ปลาซิว ปลาช่อน ตั๊กแตน ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ หลายชนิด ฉันก็จะใช้ เสียมขุด ใช้สวิงตัก ใช้สะดุ้งจ่อมเอา ทุกรูปแบบ เพื่อได้ให้อิ่มท้อง ในแต่ละมื้อ

ฉันตั้งท้องได้เก้าเดือนกว่า สมัยก่อน เรื่องจะไปฝากท้องกับหมอ ตามอนามัยใกล้บ้านนั้น ยังไม่นิยมทำกัน

สามีฉันไปช่วยแต่งงานในหมู่บ้าน ตั้งแต่ตอนเช้าจนสาย ยังไม่เห็นกลับ ฉันเริ่มเจ็บท้อง และรู้ดีว่า คงอีก ไม่ทันข้ามวัน ลูกฉันก็ต้องคลอด ออกมาแน่ ฉันก่อไฟ ต้มน้ำร้อนค้างไว้

ใกล้ค่ำ ฉันมองไปที่คันนา ทางเข้าหมู่บ้านบ่อยๆ ยังไม่เห็นวี่แววว่า สามีฉันจะกลับมา เขาคงติดอยู่ ในวงเหล้า แล้วใคร จะไปตามป้าสอน มาทำคลอดให้เล่า จะทำอย่างไรดี ฉันเริ่มสับสน

ความเจ็บปวดท้อง ก็เริ่มทวีความถี่ขึ้นๆ ฉันปูผ้าถุงลงบนพื้นฟาก เอาชายผ้าขาวม้า มัดไว้ที่ต้นเสา ฉันนั่ง คู้เข่า ดึงผ้าขาวม้า เอาไว้แน่น ความเจ็บปวดทวีขึ้น น้ำตาไหลพราก รู้สึกน้อยใจ ในบุญวาสนา ชะตาชีวิต หากสามีรู้ เขาคงจะไปตามหมอตำแย มาทำคลอด และไปตามแม่ มาคอยเฝ้า คงชื่นใจไม่น้อย

เด็กน้อยค่อยๆ เคลื่อนออกมา พร้อมเสียงร้องจ้า โชคดีที่รกกับสายสะดือ พ่วงออกมาด้วย เพราะมีหลายราย ที่รกมันตกค้าง อยู่ข้างใน แค่ฉันเห็นว่า ลูกของฉัน มีอาการครบ สามสิบสองเท่านั้น ก็ดีใจ จนแทบ จะลืมเรื่องราว ที่กำลังผจญอยู่ ในเวลานั้น

ฉันต้องเป็นหมอตำแยให้ตัวเอง เอาผ้าขาวม้ามามัด แล้วตัดสายสะดือเด็ก เอาน้ำอุ่นมาล้าง ทำความสะอาด ตามวิธีที่ได้ศึกษา กับป้าสอนมา ในทุกขั้นตอน

พอฉันได้เป็นแม่ จึงเริ่มจับความรู้สึกได้ว่า ความรักของแม่ ที่มีต่อลูกนั้น มากมายมหาศาล เกินที่จะหยิบยก เอาสิ่งใด มาเทียบได้ แม่ยอมทุกข์ แม่ยอมเหนื่อย แม่ยอมอดหิวได้เสมอ ขอเพียงให้ลูกได้อิ่ม มีความสุข แม่ก็พอใจ

พอวันแม่เวียนมาถึง ฉันยิ่งคิดถึงแม่ แต่แม่ได้จากฉันลาลับไปหลายปีแล้ว "แม่จ๋า คุณงามความดี ที่แม่ได้นำพา ปฏิบัตินั้น ลูกจะขอยึดมั่น ตามแนวทาง ของแม่ตลอดไป"

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๗ สิงหาคม ๒๕๔๖)