เป็นไท-เป็นทาส
เมื่อคืนวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ได้ฟังแถลงการณ์ของท่านนายกฯทักษิณ
เรื่องปลดหนี้ IMF แล้ว ท่านว่า เป็นความสำเร็จ ของรัฐบาลนี้ ที่ปลดหนี้ได้ก่อนกำหนด
และต่อไปนี้ประเทศไทยก็จะเป็นไทเต็มตัว เศรษฐกิจ จะฟื้นตัวและมั่นคง
เพราะเครดิต ในประชาคมโลก จะดีขึ้น ท่านเรียกร้อง ให้คนไทยทุกหมู่เหล่า
ชักธงชาติไทย ขึ้นประจำยอดเสาตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทุกวัน เริ่มแต่ ๑ สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ในฐานะที่เป็นคนไทย ก็อดชื่นชมไม่ได้ ขอเชียร์เต็มที่ครับ
*** ชาวเหนือใน กทม.
- ไทยจะเป็นไทเพราะปลอดหนี้ต่างชาติ ใครไม่ชื่นชมก็เพี้ยนหลุดโลกละครับ
ที่ปลดหนี้ได้เร็ว ส่วนหนึ่งก็เพราะเรา เบิกเงินมาใช้ ไม่เต็มวงเงินกู้
และรัฐบาลก่อน ก็ใช้หนี้ไปบ้างแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเราเป็นไทเบ็ดเสร็จนะครับ
ยังมีหนี้สิน อีกหลายกองที่ค้างคาอยู่ และที่น่าวิตก ก็คือ คนไทยยังมีหนี้สินส่วนตัว
ทั้งในระบบนอกระบบอีกหลาย และหนี้สิน บางส่วน ไม่ก่อเกิดผลผลิตให้ชำระหนี้ได้
ทั้งรัฐบาลยังเอื้ออาทร ให้กู้หนี้ ยืมสินได้ง่ายๆ อีกหลายโครงการ
ถึงประเทศชาติ จะปลดหนี้ไอเอ็มเอฟได้ หากคนไทยละเลย ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
หลงระเริง มักใหญ่ ใฝ่รวยลัด มีหรือจะหลุดพ้นบ่วงทาส ไม่ว่าทาสเงินกู้
ทาสอบายมุข ทาสบริโภคนิยมฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย
เบื้องหน้า-เบี้องหลัง
เสธ.แดง แต่งเครื่องแบบทหารบกไปกิจส่วนตัวที่โรงแรมใหญ่กลางเมืองหลวง
และก็มิได้ก่อเหตุอะไร แต่ถูกตำรวจ นับสิบ ล้อมจับเรื่อง พกพาอาวุธปืน
มีเสื้อเกราะกันกระสุน เสธ.แดงขัดขืนไม่ยอมให้จับกุม อ้างเป็นนายพล
แต่งเครื่องแบบ ต้องพกปืน เพื่อป้องกันตัว ตำรวจ ก็ไม่ฟังเสียง ตั้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมด้วย
เสธ.แดง กับลูกน้อง ๒-๓ คน แต่ตำรวจ ยกไปเป็นสิบๆ ยังกับไปจับ โจรผู้ร้ายสำคัญ
ไม่ให้เกียรติกันเลย แว่วข่าวจาก น.ส.พ. ว่าเรื่องนี้ มีเบื้องหลังที่เสธ.แดง
แสดงตัวเป็นปรปักษ์กับ ผบ.ตร.สันต์
*** แม่บ้านทหารบก กทม.
- เบื้องหลังมันอยู่ข้างหลัง มองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่ามีหรือไม่มี ช่างมันเหอะนะ
มาดูเบื้องหน้าที่เห็นๆ ดีกว่าว่า เสธ.แดง ทำผิดกฎหมาย หรือไม่ ที่พกพาอาวุธปืน
ไปในสถานที่นั้น ตำรวจที่จับเสธ.แดงน่ะเขาไปปฏิบัติหน้าที่หรือไปเที่ยวเตร่
แล้วหาเรื่อง กลั่นแกล้งจับ จริงอยู่ เสธ.แดง ไม่ใช่ผู้ร้ายสำคัญ แต่ก็เป็นคนสำคัญไม่เบาเชียวนะ
เคยยอมใครง่ายๆ หรือ ขนาดไปกันหลายคน ยังไม่ยอมจำนนโดยดี ต้องใช้กำลัง
ยื้อยุดกัน ที่ว่าไม่ให้เกียรติกันก็ผิดไปละแม่คุณ จับนายพลตรี ทหารคนเดียว
ใช้นายพลตำรวจ ตั้งสองคนเชียวนะ อันที่จริง ถ้าเสธ.แดง รู้ผิดรู้ถูก
ลดละอัตตา เคารพการปฏิบัติหน้าที่ ของฝ่ายอื่นบ้างก็ไม่ต้องถูกหิ้วปีกให้เสียรูป
ไปถึงที่ทำการ แล้วก็ค่อยติดต่อ ให้ฝ่ายทหาร มารับตัวไป จะแลดูดี ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ตามปกติตำรวจไม่อยากตอแยกับทหารหรอก มีแต่จะเปลืองตัว ผู้ที่ใคร่ได้รับเกียรติ
จากผู้อื่น ก็ต้องรู้จัก ให้เกียรติ ผู้อื่นด้วย ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยกัน
มีเกียรติภูมิไม่ต่างกันหรอก หน้าไหนล่ะ เคยยกพวก ไปลุยไทยโพสต์ แบบนั้น
ให้เกียรติเขาหรือเปล่า
โรคระบาด
ดิฉันเป็นครูเก่าและแก่มากแล้วด้วย อยู่บ้านตามลำพัง ดูรายการโทรทัศน์
ฟังรายการวิทยุ และอ่านหนังสือพิมพ์ ติดตามข่าว ทุกวัน รู้สึกว่า ภาษาไทยสมัยนี้
ออกจะวิปริตผิดเพี้ยนเอามากๆ ทีเดียว ร้อยเรียงถ้อยคำฟุ่มเฟือย โดยไม่คำนึงถึง
หลักภาษา ใช้คำให้กับแทนให้แก่กันเกร่อ ใช้คำประมาณ ผิดความหมาย ใช้คำมีการ
-ดำเนินการ - ทำการ ใช้คำในเรื่องของ จนรุงรัง แทบทุกประโยค และอะไรๆ
อีกเยอะแยะ ฟังแล้ว อ่านแล้วเวียนหัว น่าเป็นห่วงว่า ภาษาไทยจะพิกลพิการจนเกินเยียวยา
*** ครูเก่าและแก่ เมืองเก่าอยุธยา
- เห็นทีจะต้องโทษครูบาอาจารย์รุ่นใหม่ส่วนหนึ่งด้วยละครับ
ที่เป็นตัวการก่อเชื้อโรคระบาดตัวนี้ เห็นได้จาก ตำรับตำรา ที่พิมพ์ออกมา
เป็นภาษาไทย ที่รุงรังด้วยลีลา สำนวนแปลจากภาษาอังกฤษ หนังสือราชการยุคนี้
ภาษาก็ไม่กระชับ สละสลวย ถูกต้องตามหลักภาษา เหมือนแต่ก่อน ค่านิยมการพูดไทยคำฝรั่งคำ
พูดไทยออกสำเนียงฝรั่งก็ระบาด แถมยังพวกดารา นักร้อง นักจ้อ นักจัดรายการ
โทรทัศน์วิทยุ หรือ คนดังคนเด่น ในสังคมเรา อีกต่างหาก ที่บ้าง ก็สร้างเอกลักษณ์
ด้วยภาษาที่ไม่ค่อยเป็นประสา ท่าน "น.ม.ส." ได้เสนอข้อคิด
การใช้คำ ทำการอย่างไม่ถูกต้องไว้ ดังนี้
"สงสารคำทำการมานานแล้ว
คงไม่แคล้วคลาดไปในหนังสือ
มันถูกใช้ทุกอย่างไม่วางมือ
แต่ละมื้อลำบากยากเต็มที
ตำรวจเห็นโจรหาญทำการจับ
โจรมันกลับเผ่นทะยานทำการหนี
ทำการป่วยเป็นลมล้มพอดี
ทำการซี้จีนหมายว่าตายเอย"
ไฟล้างโลก
"ไฟไหม้ร้อยครั้งยังเหลือแผ่นดิน การพนันกิ๋นเหลือค่าเตี่ยวก้อม"
เป็นคำพังเพยโบราณ (มะเก่า) ของชาวเหนือ การพนัน เป็นธุรกรรม ที่ไร้ผลผลิต
ในสังคม มีแต่จะชักจูงประชาชนให้ขี้เกียจ และขี้โลภ เป็นอบายมุขชัดๆ
เต็มๆ การส่งเสริม ธุรกรรมการพนัน เป็นการแก้ปัญหา ด้วยวิธี "การุณยฆาต"
เป็นการเห็นแก่ได้ เอาตัวรอดของรัฐบาล ด้วยการ "ฆาตกรรม"
ประชาชนให้ตายทั้งเป็น สังคมพ่อ "ฆ่า" ลูกเริ่มอุบัติแล้ว
ด้วยการนำ หวยใต้ดิน ขึ้นบนดินได้อย่างเสรี...นี่หรือคือ "คิดใหม่
ทำใหม่" อย่าหวังเป็นดีกับหวย อย่าหวังรวยกับพ่อเมีย บ่มีทาง
มีแต่ฉิบหายๆ
*** แก้วมูล เภตรา เชียงราย
- "โจรปล้นยังเหลือบ้าน ไฟเผาผลาญเหลือ-แผ่นดิน ติดพนันวอดวายสิ้น
เหลือแต่กายไร้ค่าคน" ถ้อยจากปลายปากกา ของ "น้ำค้าง"
ส่วนท่าน ดร.เขียน ธีระวิทย์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันเอเซียศึกษา จุฬาฯ
ว่าไว้ในบทความเรื่อง นัยทางสากล ของขบวนการ ๑๔ ตุลาคม ดังนี้ "๓.๖
สังคมการพนัน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ถูกม็อบเผาไป เมื่อเกิดเหตุการณ์
๑๔ ตุลา เข้าใจว่ามีคน ๑๔ ตุลา ไม่น้อยที่ต้องการ ให้การพนัน ถูกกำจัดออกไป
จากประเทศไทย สามสิบปีต่อมา ไม่เฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น ที่เฟื่องฟูกว่าเดิม
ตลาดหุ้น ก็ถูกทำให้กลายเป็น บ่อนการพนัน ที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ
รัฐบาลทักษิณ มีรัฐมนตรีหลายคน ที่เคยร่วมขบวนการ ๑๔ ตุลา แต่ปล่อยให้ทำหวยเถื่อน
เป็นหวยถูก ขืนใจ บุรุษไปรษณีย์ มาขายหวยรัฐบาลด้วย ทำสำนักงานไปรษณีย์
ให้เป็นสาขาของเจ้ามือบ่อน เจตนารมณ์ ๑๔ ตุลา คงต้องการ ให้การพัฒนาเศรษฐกิจ
ตั้งอยู่บนครรลองของหลักจริยธรรม ศาสนธรรม และ สอดคล้องกับ ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
หญ้าปากคอก
อัดอั้นใจนักเมื่อเห็นส่วนใหญ่ในวงการสงฆ์ไทยยังติดยึดอยู่กับพิธีกรรมที่ไม่ทำให้ชาวพุทธเกิดปัญญา
นับวันศาสนา จะสิ้นบทบาท ชี้นำคนทำดี อย่างเข้าใจ บาปบุญคุณโทษ ทำดีอย่างเสียสละ
แม้สงฆ์จะชี้แจงว่า สงฆ์หมู่มาก ย่อมมี ผู้ประพฤตินอกรีต นอกรอย ปะปนอยู่บ้าง
แต่ส่วนใหญ่ ก็ยังดีอยู่ ก็จริงครับ แต่ที่ว่ายังดีอยู่นั้นก็เพียงรักษารูปแบบ
ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาไปวันๆ เท่านั้นเอง ไร้แก่นสาร ไม่ได้ศึกษาปฏิบัติลดละ
เพื่อความหลุดพ้น เพื่อนำพา คนอื่น ให้ถึงธรรม คนไม่เข้าวัดก็หาว่าคนห่างศาสนา
แต่หาได้หันกลับมาดูวัด ไม่ว่าคนเข้าวัด แล้วมีอะไร ให้เขาเห็น คุณค่า
และศรัทธาบ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ในวัดส่วนมากแทนที่จะมักน้อยสันโดษ
ก็ไม่ต่างจากบ้าน สังคมทุกสัดส่วน จึงวุ่นวาย มีปัญหายุ่งเหยิง จนแก้ไม่ได้
เพราะผู้ที่จะเป็นแสงเทียนส่องทาง ก็มีแต่แท่งเทียน ไม่มีไส้เทียนจุดไฟ
ให้แสงสว่าง เหมือนกับที่มีแต่ คนห่มผ้าเหลือง แต่ไม่ค่อยมีพระสงฆ์
ผู้รู้ดีปฏิบัติดี
*** คนเคยบวช ท่าพระจันทร์
- คนเคยบวชเคยอยู่วงในรู้เห็นความเป็นไปเปิดใจมาก็รองรับสิ่งที่คนนอกกำแพงวัดรู้ๆ
เห็นๆ ว่าเป็นจริง แต่อย่างไร ก็ตาม เชื่อว่าท่านเหล่านั้นส่วนมากก็ตั้งใจบวชมาเอาดี
ขาดแต่อุปัชฌาย์อาจารย์ที่รู้ธรรมถูกตรง จะเป็นเยี่ยงอย่าง นำพาไปเอาดีถูกทางถูกธรรม
สังคมผู้สืบศาสนาจึงอ่อนแอ โอนเอน ไปตามกระแสโลกีย์ อ่อนพลัง จนไม่อาจเป็นหลัก
ให้ชาวบ้าน ยึดเป็นที่พึ่งอันเกษมได้ เป็นหน้าที่ของชาวบ้าน ที่มีดวงตาเห็นธรรม
จะต้องช่วยกัน ประคับประคอง คณะสงฆ์ โดยทำหน้าที่อุบาสกอุบาสิกาให้เพียบพร้อมด้วยศีลด้วยธรรม
เลือกบำรุง แต่พระสงฆ์ที่ประพฤติ อยู่ในธรรมวินัย ก็จะสะกิดใจ ท่านที่ยังฉุยฉาย
อยู่ปากขุมนรก ให้ฉุกคิดเกิดหิริโอตตัปปะบ้าง
ส่วย
มีภาพและข่าวในหน้า น.ส.พ. เสมอๆ และรู้สึกหงุดหงิดทุกที ที่เห็นข้าราชการทหารตำรวจ
และพลเรือน แต่งเครื่องแบบ ชักแถวถือ กระเช้าดอกไม้ ของที่ระลึก ไปอวยพรวันเกิดนาย
วันเวลาราชการ แทนที่จะใส่ใจทำงาน เพื่อแผ่นดิน และประชาชน กลับไปทำแบบนี้
อยากรู้นัก ทำเพื่อใคร เพื่ออะไร
*** ประชาชน ไร้อภิสิทธิ์
- ในวงการสงฆ์ก็ยังไม่พ้นเรื่องทำนองนี้ วันเกิดพระหรือยามได้รับสมณศักดิ์พัดยศตำแหน่งแต่งตั้ง
ก็ยังให้พระ ด้วยกันเอง และชาวบ้าน จัดเฉลิมฉลอง จึงไม่น่าข้องใจวงการผู้ครองเรือนที่ยังเปียกชุ่มด้วยโลกธรรม
อย่าถามว่า ทำเพื่อใคร เพื่ออะไร ก็เพื่อตัวเอง... เพื่อนาย จะได้เอ็นดูน่ะซี
คนสอพลอนี่นะ อยู่ที่ไหนก็รุ่งเรือง ตัวเองรุ่งเรือง แต่สังคมป่น ถ้ารู้สอพลอประชาชนคนเดินดิน
แบบนี้บ้าง บ้านเมือง จะร่มเย็นเป็นสุข เสมอหน้าทันตาเห็น ไม่ต้องรอ
เทวดาหน้าไหนหรอก
ใจที่หิวโหย
ค่าครองชีพสูงขึ้น ประชาชนมีหนี้มากขึ้นเพราะมีช่องทางเป็นหนี้เอื้ออาทรได้สะดวกขึ้น
ใช่จ่ายกันเพลิน แต่รายได้ มิได้เพิ่มไปด้วย แม้ว่าอัตรา การเติบโต
ทางเศรษฐกิจ ในภาพรวมระดับชาติจะดูดี แต่มันเป็นค่าเฉลี่ย ความเป็นจริง
มันดีแต่ตัวเลข ส่วนตัวเงิน ไปกองอยู่ที่ชนชั้นผู้มีอำนาจ และนายทุน
ประชาชนทั่วไปจนหนักกว่าเดิม ทั้งที่มีเงินทอง ใช้สอยคล่องมือ แต่เป็นเงินจากกองหนี้
หนี้มากกว่าเดิม ในสถานการณ์ อย่างนี้ ส.ส. ยังมีหน้า ขอขึ้นเงินเดือน
อ้างว่า ต้องจ่าย ภาษีสังคม ให้ชาวบ้านสูงเดือนละเป็นแสน ผมฟังแล้วเศร้าใจเหลือเกิน
*** ครู ระดับ ๗ ใกล้เกษียณ
- ถ้าจำไม่ผิดพลาด เดี๋ยวนี้ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินเดือน ๖๓,๐๐๐ บาท
เงินประจำตำแหน่ง ๔๑,๕๐๐ บาท รวมแล้ว เดือนหนึ่ง ได้รับ ๑๐๔,๕๐๐ บาท
น้อยอยู่เมื่อไร ข้าราชการกว่าจะไต่เต้าขึ้นมารับเงินเดือน ระดับนี้ได้
จะมีสักกี่คน ส่วนใหญ่ฝ่าฟันมาตลอดชีวิตราชการ ยังได้ไม่ถึงครึ่งนี้
เขาอยู่ในสังคมนี้ได้ เพราะอยู่ด้วยผลงาน มิใช่เอาเงินฟาดหัว ชาวบ้าน
หวังคะแนนนิยม อย่างนักการเมืองหน้าเงิน ถ้านักการเมือง หิวโหยจัด
จนหน้ามืดตามัว สมองมึน ปัญญาอ่อน คิดเห็นแต่เงิน แบบนี้ ก็เป็นอันหวังได้ว่า
อีกกี่ปีๆ คนจนก็ไม่มีวันหมด มีแต่จะจนยิ่งกว่าเดิม
- บรรณาธิการ -
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๕๘ กันยายน ๒๕๔๖) |