*** กรณีของนายอภิเชษฐ์
กิตติกรเจริญ หรือบิ๊กนักร้องขวัญใจวัยรุ่น วงดีทูบี บอกอะไรให้สังคมรับรู้บ้าง
บอกถึงความลุ่มหลง ชีวิตและหูตาของเด็กๆ ไม่ใช้เพื่อการศึกษา แต่ใช้เพื่อความสนุกสนานมากไป
เมื่อใครทำให้มีความสุข มาร้องเพลงให้ฟัง มาเต้นหรือทำอะไรให้ดูสนุก
มันก็จับขั้วหัวใจ จนสามารถทิ้งการศึกษา ไปเฝ้าดูแลคนที่ให้ความสนุก
พวกเขาห่วงความสนุก กลัวจะไม่ได้รับ ความสนุกจากคนๆ นั้น ที่จะกรอกหู
กรอกตาให้เขาอีก และหูตาของเขาก็ยินดีที่จะได้รับการกรอกแต่สิ่งบันเทิงเริงใจ
สนุกสนานมาก จนกระทั่ง หัวใจไม่รู้จัก ทางสายกลาง รักอะไรก็จะรักแบบหัวปักหัวปำ
ชังอะไรก็จะชังหัวฟัดหัวเหวี่ยง ถ้าพ่อแม่ลองไปขัดคอ ไปว่าอะไร มากๆ
ก็อาจฆ่าตัวตายตามไปเลยก็ได้ สิ่งเหล่านี้บ่งถึงการศึกษาที่ล้มเหลว
เขาอาจเรียนได้เหรียญทอง แต่ล้มเหลวทางด้านศาสนาและศีลธรรม เด็กไม่รู้จักทางสายกลาง
ไม่รู้จักรักชอบให้พอดี พอประมาณ ไปลุ่มหลง เอาแต่ว่าจะยอมตายด้วยซึ่งมันเกินเหตุ
สุดโต่ง เวลานี้บอกได้ว่า เด็กๆ มีภาวะสุดโต่ง รักหลงอย่างสุดโต่ง
เกลียดชัง อย่างสุดโต่ง ทำอะไรชนิดที่เกลียดแล้วจะพาพวกตีกัน เข่นฆ่าอย่างรุนแรงถึงตายกันมากขึ้น
กรณีของบิ๊กดีทูบี เด็กก็ไม่หาสาเหตุที่ทำให้นักร้องที่เขารักเขาชอบมีอันเป็นไป
เพราะน้ำเน่า น้ำครำ ที่เขาตกลงไป แล้วเชื้อราเข้าไปในสมอง ตรงนี้ที่ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
ทรงแนะแฟนคลับ "บิ๊ก" เอาธรรมะข่มใจให้ตระหนักมีเกิด
แก่ เจ็บ ตาย ทรงชี้ว่าเป็นเรื่องหักห้ามใจยาก ที่คนผู้เป็นที่รักจากไปก่อนวัยอันสมควร
ระบุเชื้อราที่พบยากต่อการรักษา ทรงเสนอแก้ปัญหาสิ่งปฏิกูลโดยให้ขุดลอกคลอง
เอาดินไปตากแดด ทำลายเชื้อหมักหมม (มติชนวันที่ ๑๕ ส.ค*** ๔๖)
แต่เด็กไม่ได้คิดเลย และข่าวก็ไม่ทำให้ฉุกคิดเลย ที่จริงการรู้จักเปลี่ยนวิกฤต
เป็นโอกาส มันน่า จะทำกันมากขึ้น ในยุคปัจจุบัน เออถ้าว่านักร้องที่เขาชอบ
เกิดอุบัติเหตุ เพราะว่าน้ำเน่า มีเชื้อรา ที่กลายสายพันธุ์ จนรักษายาก
ถ้างั้นเราน่าจะทำลายต้นเหตุ ไม่ใช่ไปเฝ้าคน แต่ควรไปทำอะไรสักอย่าง
เช่น ช่วยกันทำ น้ำที่เน่าเสีย มีเชื้อรา ให้หมดไปจากคลอง แล้วอุทิศส่วนกุศล
ให้นักร้องที่เขารัก เขาชื่นชอบ ถ้าทำอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องของ สังคมคนฉลาด
แต่การไปเฝ้ากันเยอะๆ ไปเกะกะที่โรงพยาบาล ทำให้คนไข้อื่นๆ ลำบาก จะใช้โทรศัพท์
โทรออกก็ไม่ได้ เพราะเด็กๆ ใช้โทรรายงานเพื่อนๆ ตลอดเวลา หรือโทรชวนเพื่อนๆ
ให้มากัน อย่างนี้ ทำให้ โรงพยาบาล ต้องจัดระเบียบวุ่นวายไปหมด ก่อให้เกิดความเสียหาย
ที่จริงโรงพยาบาลน่าจะไหวทัน แม้จะออกมาเขียนป้ายเรื่องกฎอนิจจังอะไรบ้าง
แต่ช้าไปหน่อย เปรี้ยงแรก น่าจะทำทันที หรืออีกทาง ศาสนากระทรวงวัฒนธรรมหรือกระทรวงศึกษาน่าจะบันทึกเทปพระที่พูดดีๆ
ที่ให้ข้อคิด บอกวิธีคิดที่เป็นประโยชน์สาระ นำไปเปิดวิดีโอ ตรงที่เด็กๆ
ไปเฝ้าอยู่กันมากๆ เพื่อให้การศึกษา ไปในตัว แต่นี่ไม่ฉวยโอกาสกันเลย
จริงๆ แล้ว เราก็ไม่ได้มองว่า เด็กไร้สาระหรอก แต่เด็กต้องรับรู้ความเหน็ดเหนื่อย
ความยุ่งยาก ของผู้อื่น ถ้าถามว่าการทำความยุ่งยากนั้นเป็นบาปหรือเป็นบุญ
หากเห็นว่าเป็นบาป เราจะอุทิศอะไร หรือให้อะไร เป็นกำลังใจแก่คนที่คุณรักได้
เพราะคุณกำลังทำบาป ถ้ารู้จักฉลาดก็ไปกำจัด ต้นเหตุที่น้ำสกปรกนั้น
เพราะหากตกลงไปในน้ำสะอาด คงไม่มีปัญหา ถ้าโรงเรียนจะช่วยกันพานักเรียน
ไปทำความสะอาด ขุดลอก คูคลอง และอุทิศส่วนกุศล ให้บิ๊กดีทูบีได้จะดีกว่า
ซึ่งเมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ อาตมาก็อยากจะแนะว่า เราอย่ามัว ไปสนใจ วิชาการอะไรอื่น
ในขณะนี้ ควรแก้เหตุเฉพาะหน้า ก่อน โรงเรียนอาจต้องหยุดการเรียนวิชาอื่นๆ
เช่น ภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี หันมาให้เด็กรู้จักการกำหนดชีวิตตัวเองว่า
ใจเราถูกครอบงำ ด้วยคนๆ นี้ใช่ไหม นอกจากนักร้องคนนี้ บิ๊กดีทูบี อาตมาเคยถามเด็กว่า
ชอบใครอีก เขาบอกชอบเบิร์ด และถ้าเบิร์ด เป็นอย่างนี้ ทำยังไง เขาบอกก็ต้องร้องไห้อย่างนี้
อาตมาถามเขาประโยคหนึ่งว่า ถ้ามีคนดีที่สุดอย่างบิ๊กดีทูบีมาเกิดอีกพันคน
ร้องเพลงเพราะ และหล่ออย่างนี้ จะเอาไหม เขาบอกเอา แล้วถ้าเขาประสบอุบัติเหตุอย่างนี้เดือนละคน
เธอก็จะมี น้ำตานองหน้า อย่างนี้ไม่หยุดเลย เอาไหม เขาบอกไม่เอา ซึ่งเรื่องอย่างนี้ต้องมีคนพูดให้เด็กเข้าใจ
สมัยพุทธกาล ก็มีตัวอย่างเรื่องนางวิสาขา แกมีหลานหลายคนและหลานคนดีที่สุดตาย
แกก็ร้องไห้ ไปหา พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า ถามนางวิสาขาว่า ถ้ามีหลานดีอย่างนี้มาเกิดอีกหมื่นคนเอาไหม
แต่ก็ตายอย่างนี้ เดือนละคน อาทิตย์ละคน ทั้งชาติเธอจะมีน้ำตาไหล ไม่หยุดเลย
เธอเอาไหม ไม่เอาๆ คือมันต้อง มีคน ยกตัวอย่างอะไร ที่จะตอบว่า ไม่เอาๆๆ
นี่มันมีแต่จะเอา จะเอา เดี๋ยวก็จะมีนักร้องหน้าตาดีๆ ขึ้นมาใหม่ และก็อาจ
ทำให้คนหลงใหลอีก เหตุการณ์อย่างนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก เพราะว่าพวกดารานักร้องเขาต้องมีรถ
เขาต้อง ขับซิ่ง แข่งกับงาน ก็ต้องเจออีก ถามว่าที่นอนยังไม่ฟื้นอยู่ก็มีใช่ไหม
พระพุทธเจ้าสรุปทุกข์ ของความรัก คือ มีรักหนึ่ง ทุกข์หนึ่ง มีรักร้อย
ทุกข์ร้อย
*** บทบาทของพ่อแม่
มันก็แปลก อาตมาไม่คิดว่าเดี๋ยวนี้พ่อแม่ล้ำหน้า เอาใจลูกทุกอย่าง
ลูกให้ขับรถไปให้ก็ไป ลูกให้ทำอะไร ก็ทำยังกับ ขี้ข้าลูก กลัวลูก ตามใจลูกจนเสียคน
ปัญหาจึงเกิดบรรลัยโลก พ่อแม่ยุคนี้เขาจะทำตัวล้ำสมัย เขาแข่งขันกันว่า
ใครจะทันลูก คือเวลานี้อาตมาสังเกตดูนะ ในสังคมพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่เชย
เขาก็จะมีปมด้อย ก็เลยต้องทำตัว ให้ล้ำจนพ่อแม่คนอื่น ตามไม่ทัน รู้สึกว่าจะแสดงออกตรงนี้กันมาก
นี่ไงฉันเป็นพ่อแม่ทันสมัย ฉันวิ่งตามลูกทัน
หรือ
ตามใจลูกทัน ไม่ใช่วิ่งไปแก้ไขลูกได้ทันนะ ซึ่งแสดงถึงอัตตาของพ่อแม่ที่แรง
และก็ไปว่าคนอื่นตามไม่ทันลูก
ดังนั้น ลูกในสังคมสมัยใหม่นี้เป็นสิ่งที่จะบอกลางร้ายในอนาคต เพราะเด็กไม่ได้รับการขัดคอ
ในแนวทาง ของพระพุทธเจ้า ที่สอนว่า ผู้ใหญ่ควรขัดคอเด็กไว้บ้าง อย่าให้มีแต่ความชั่วร้ายเข้าคอตะพึด
เช่น ถ้าเหล้ายาบ้า จะเข้าคอ และพ่อแม่ไม่ขัด มันก็เข้าเต็มที่ อะไรที่มันเข้าหูเข้าตาทำให้ลูกลุ่มหลง
มันต้องคอยขัดไว้บ้าง
เรื่องสอนเด็กอาจไม่ต้องพูดมาก แต่เวลาจะพูดจะสอนต้องให้ชัดเจน ขอย้ำต้องชัดเจนว่า
การพูดครั้งนี้ ได้คิด รอบคอบแล้ว และท้าทาย ลูกได้ว่าจริงหรือไม่จริงให้คอยดู
ถ้าลูกรู้ว่าพ่อแม่พูดจริง คาดเดาอะไร ได้แม่นยำ ลูกจะเชื่อถือว่าพ่อแม่ไม่พูดพร่ำเพื่อ
เปรี้ยงออกมาต้อ งให้เห็นจะจะต้องอย่างนี้ เพราะเด็กเดี๋ยวนี้ เขาไม่ชอบ
จุกจิก บางทีเราจะว่า ก็ต้องตีวงก่อน อย่าไปว่าตรงๆ อย่างที่อาตมาว่า
การศึกษา ล้มเหลว ก็เพื่อไปกระแทก ความรู้สึก ของเด็กที่เขามีการศึกษา
มันล้มเหลวอย่างไร เขาจะได้ฉงนและถามมาเราจะได้ตอบ ก็เพราะเธอ อ่อนด้อย
วิชาศาสนา ถึงไม่รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่รู้กฎของความไม่เที่ยง
ไม่รู้ว่า ชีวิตเรา ต้องมีอิสระ การเอาชีวิต ไปผูกติด กับชีวิตอื่นนั้นเป็นทุกข์ไม่อิสระ
ตรงนี้ต้องรู้จักฉวยวิกฤติเป"นโอกาส สอนเด็กให้รู้จักชีวิต ที่เป็นอิสระ
อย่าไปผูกติดกับอะไรรู้จัก ถ้าเป็นภาษา ศาสนา เรียกว่าหูตาตกสมุทร
คือ มหาสมุทรปีหนึ่งๆ มีคนตกตาย ไม่เท่าไร มันอึดอัดจมน้ำตายกันไม่เท่าไร
แต่นี่มันอึดอัด เพราะตาหูไป ติดตกจมไปในรูปสวยๆ เสียงเพราะๆ ไปตกจมในทางหูทางรูป
ทางเสียงเกินเหตุ หูตาของเด็กตกลงไปในสิ่งต่ำ เวลาสัมผัสนัก ร้องนักแสดง
คนนี้ชอบมาก พอเกิดเป็นอะไรปั๊บ เขาจะอึดอัด มีความรู้สึกเหมือนคนจมน้ำตาย
พระพุทธเจ้า จึงเรียกคน ที่หูตาไม่ดี ระวังไม่ดี ไม่รักษา ไม่คุ้มครอง
ปล่อยให้หูตาไปลุ่มหลง จนกระทั่งตกจมฝังลึก จมดิ่ง เข้าไปในดวงจิต
ว่าเป็นคนตกสมุทร
*** บทบาทของสื่อมวลชน
เวลาเกิดเรื่องอย่างนี้ สื่อมีลักษณะกระตุ้นให้ไปกัน มีภาพออกมาให้คนมีอารมณ์ร่วม
ทำให้เด็กอยากไปร่วม อยากไปแสดงออก เหมือนเพื่อนๆ เขาร้องไห้ เขาห่วงใย
เขาพับนก เราก็ต้องไปบ้าง หยุดเรียนหนังสือมันเลย แทนที่สื่อ จะเขียนให้สติ
ให้คลาย วงการเพลงก็เช่นกัน นักแต่งเพลง ก็แต่งแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ
ไม่เคยแต่ง เพื่อสอนให้รู้จัก ชีวิตจริงเป็นอย่างไร สอนให้รู้ว่าโลกใบนี้มีทั้งได้ทั้งเสีย
มีทั้งแง่บวกและลบ ทั้งสมหวัง และ ผิดหวัง มีทั้งการได้มาและพลัดพรากจากกัน
สมัยก่อนเนื้อหาของเพลงจะมีคติเตือนใจสอนใจเยอะ เดี๋ยวนี้ มีแต่รักๆ
ใคร่ๆ เช่นรักกัน ชั่วฟ้าดินสลาย จะไม่ยอมพรากจากกัน เป็นต้น
*** ห่างไกลแนวทางพุทธ
ก็เชื่อปาฏิหาริย์กัน ต่อไปก็จะไปทำอย่างนั้น นั่งสวดมนต์ภาวนา พับนกกระเรียนพันๆ
ตัว อธิษฐานอุตลุด จะไปนั่งสมาธิ แต่ไม่ใช่สมาธิ แบบดั้งเดิมที่เป็นไปเพื่อเห็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา มันจะเห็นแต่อัตตา ทำสมาธิ เพื่อให้มีตัวตนอยู่ถาวรนิรันดรตลอดกาล
ต่อไปจะ ไม่มีใค ร เชื่อเรื่องกรรม เพราะไม่มีใครสอนให้รู้ว่า ทุกสิ่ง
เกิดแต่เหตุ ทำกรรมอย่างไรย่อมได้รับผลกรรมนั้นตอบแทน พวกเขาจะไม่เชื่อเรื่องทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว แต่เวลานี้ ลำบาก จะหาพระมาสอน พระก็มือไม่ถึง นี่คือปัญหา
มือไม่ถึงอย่างเดียวยังไม่พอ แถมยังมีพระไม่พออีกด้วย ตัวอย่างที่
วัดอาตมา รับเด็กมาเข้าค่ายไม่หวาดไม่ไหว มาจองกันเต็มหมด เพราะสถานที่เราไม่พอ
ห้องน้ำ ห้องส้วม ก็ไม่พอบางทีก็ต้องไล่กลับ เด็กมาวัดก็ต้องไล่กลับมันเป็นเรื่องไม่น่าทำเลย
แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเด็กมา มากเกินไป
*** ปฏิรูปพระสงฆ์ให้มีบทบาทต่อสังคม
สนับสนุนให้พระที่มีความสามารถในการเทศน์การสอนเก่งๆ ขึ้นมา ฝึกพระขึ้นมา
ถ้าพระทำอย่างนี้ได้ อย่าให้พระ ไปเสียเวลาสวดศพ หรือไปฉันสวดผีสวดศพ
ให้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว เหมือนที่วัดสวนแก้ว กักไว้เลย แต่วัดอื่น
จะไม่เอาด้วย มีแต่ศาลาสวดศพเต็มไปหมด ก็ช่างเขา
คนไทยใช้พระไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้ใช้พระมาสอนคน ส่วนใหญ่ใช้พระไปเจิมรถ ใช้พระอาบน้ำมนต์ และไม่เคย
ส่งเสริมพระปฏิบัติดี ว่าท่านมีปัญญาสอนลูกสอนหลานเรา ให้เป็นคนดี
ควรเลี้ยงพระแบบนี้เอาไว้ แต่ทุกวันนี้ เราเลี้ยงพระ เพราะฝันว่าผีพ่อผีแม่มากวน
หมอดูทายทัก หรือเพราะตัวเงินตัวทองขึ้นบ้าน พระไม่มี ความภูมิใจเลย
นั่งฉันไปก็พะอืดพะอม ถามโยมว่าทำบุญเรื่องอะไร แหม..ตัวเงินตัวทองขึ้นบ้าน
พระก็อาศัย เจ้าตัวนี้ กินมื้อหนึ่ง ถ้ามันไม่ขึ้นบ้านก็อด นี่แหละมันคือความแย่
แต่ดูวัดไทยที่ประเทศอังกฤษ ฝรั่งที่เป็น ชาวพุทธ เวลาไปวัดเขาถามเรื่องสมาธิ
หรือซักถามข้อธรรมะต่างๆ ส่วนของเราเอาแต่เรื่องบุญ ไม่เอาปัญญา ประเทศ
อังกฤษเขาใช้พระ ไปสอนนักโทษในคุก สอนไปสอนมา ๒๖ ปี พระราชินีอังกฤษศรัทธา
ให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ที่เชิดชูบูชาภิกษุ แก่พระฝรั่ง ที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา
และเป็นพระสงฆ์ รูปแรกของโลก แถมเป็นพระราชินี ที่นับถือศาสนาคริสต์ด้วย
*** วิจารณ์ระบบการศึกษา
การศึกษามุ่งสอนให้เก่งด้านวิชาการและวิชาชีพ จนอ่อนด้อยด้านวิชาชีวิต
ไม่รู้จะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร ให้มีวิถีชีวิต ที่ดีงดงาม บางทีเรียนจบแพทย์ก็ไปฆ่าคู่ชีวิตตาย
อยู่กับคู่ชีวิต อย่างไม่มีความสุข จนกระทั่ง ทนไม่ไหว ก่อเรื่องร้าย
รุนแรงขึ้น
*** ภาพวันนี้เป็นอย่างที่เห็น
อนาคตของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
อาตมาคิดว่าการศึกษาควรมีวิชาศาสนาควบคู่ไปกับวิชาการพอสมควร ไม่ต้องมากเกินไป
อย่างน้อยเด็กควรรู้ว่า ศีลธรรม จริยธรรม พื้นฐานคืออะไร ทุกวันนี้มีแต่ยังไม่ชัดเจน
เวลาเด็กมาเข้าค่ายที่นี่ พอถามว่า ศีลธรรมดีอย่างไร ความดี มีคุณค่าอย่างไร
รู้ได้อย่างไรว่า ความดีจะช่วยสังคม ถามอย่างนี้ก็แสดงว่า เด็กไม่รู้อะไรเลย
เราก็ถามว่า คุกกับวัด หนูเอาอะไร สร้างคุกเยอะๆ กับวัดเยอะๆ หนูเอาอะไร
และพาหนูเข้าคุกกับเข้าวัดหนูเลือกอะไร ทุกวันนี้ ในคุกล้น เพราะอะไร
เพราะคนไม่มีศีลธรรมใช่ไหม เรื่องอย่างนี้ต้องมีคนชี้ให้เห็น และอธิบายให้เขาเข้าใจชัดเจน
อาตมาคิดว่า ท่านนายกฯคนนี้เป็นคนฉลาด ถ้าเข้ามาบริหารเรื่องการศึกษาเสียเอง
น่าจะช่วยแก้ไขปัญหา การศึกษาได้
*** มีอะไรฝากถึงท่านนายกฯ
บ้าง
อยากให้นายกฯสานฝันเรื่องการศึกษาให้สำเร็จ การทำเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องการป้องกันความมั่นคงต่างๆ
เรื่องไหน ที่ใครเหมาะสมทำได้ ท่านควรยกให้เขาทำให้หมด แล้วท่านมาทำเรื่องการศึกษา
เพราะการศึกษา เป็นการสร้างชาติ อนาคตของชาติเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่ที่
การศึกษา ในวันนี้ เด็กในอนาคตเป็นอย่างไร อยู่ที่ การศึกษา เพราะฉะนั้น
ถ้าท่านนายกฯทักษิณสร้างการศึกษาคือการสร้างชาติ อาตมา มีความเห็นว่า
เรื่องการศึกษา เหมาะกับท่าน เพราะท่านมีอัจฉริยะในการเป็นครูบาอาจารย์คนได้
พูดอะไรน่าฟัง อาตมาเห็นตอน ท่านนายกฯ พูดออกรายการปาฐกถาสด พูดได้ดีมาก
เป็นลักษณะคนมีการศึกษาแท้จริง เป็นคนที่ค้นคว้าสนใจ อยากอ่าน ชอบอ่าน
มีข้อมูลอะไรดีๆ เยอะ เป็นคนฉลาด รู้ปัญหา และมีประสบการณ์ ในการแก้ปัญหาสูง
จากธุรกิจต่างๆ ที่ท่านเคยทำมาก่อนภูมิหลัง ก็เคยสัมพันธ์ กับการเมือง
เคยติดตามผู้หลักผู้หลักผู้ใหญ่ จึงรู้ทั้ง การยึด และการยืดหยุ่น
รู้ถึงความพอดีที่ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป ถึงจังหวะอ่อนก็อ่อนให้เขา
ถึงจังหวะแข็ง ก็เปรี้ยงเลย ทำโน่นทำนี่ได้ทันที ว่าไปแล้วช่วงนี้
นายกฯทักษิณมีจังหวะดีที่สุด เพราะมีผลงาน ที่ช่วยรักษา ตำแหน่ง อยู่แล้ว
ไม่ต้องห่วงฐานเสียง จึงสามารถทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้มาก
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๕๘ กันยายน ๒๕๔๖)