กำไรตามวิธีคิดของทุนนิยม
คือ "การเอาเปรียบ" แท้ๆ
ไม่น่าเชื่อว่า
"เด็กในประเทศร่ำรวยที่สุดในโลก รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เม็กซิโกและโปรตุเกสจะถูกรังแกทำร้ายในครอบครัวมากที่สุด
แต่ละปีประเทศที่พัฒนาแล้ว ๒๓ ประเทศ มีเด็กมากกว่า ๓,๐๐๐ คน ที่อายุต่ำกว่า
๑๕ ปี ต้องเสียชีวิตเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย" รายงานจากกองทุนเด็ก
องค์การสหประชาชาติ (มติชน ๒๑ ก.ย. ๔๖) ที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่านั้น
ขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยกำลังไปโลด แต่กลับปรากฏข่าวแม่จูงลูกสาวเร่ขายตัวตามท้องสนามหลวง
และไม่นาน น.ส.พ. มติชน ยังเสนอข่าวเล็กๆ ที่แทบจะเป็นปกติของสังคมไปแล้ว
"รวบเจ๊หมีค้าประเวณีเด็ก"
ด.ญ.เอ๋สารภาพว่า
นางรัศมีชวนมาขายบริการทางเพศ ครั้งแรกได้รับเงิน ๘๐๐ บาท หักค่านายหน้า
๓๐๐ บาท หลังจากนั้นได้ติดต่อลูกค้ามาให้ตลอด มีทั้งชายหนุ่มและชายสูงอายุ
"เพื่อนชวนว่า ถ้าอยากได้เงินให้มาหาเจ๊หมี เลยตัดสินใจทำ เพราะอยากได้เสื้อผ้า
โทรศัพท์มือถือ ส่วนไปนอนกับใครบ้างจำไม่ได้แล้ว บางคืนถูกติดต่อให้ลูกค้าถึง
๕ คน ทางบ้านไม่เคยทราบเรื่อง"
น่าเศร้าใจสักเพียงใดที่เด็กอายุเพียง
๑๒ ปี กล้าขายตัว เพียงแค่อยากได้เสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือ
เพราะสื่อที่โหมโฆษณา อันเป็นขบวนการแสวงหากำไรในระบบทุนนิยมนั้นเอง
มีการสำรวจกลุ่มพฤติกรรมของเยาวชนปัจจุบันพบว่า
กิจวัตรของเด็กๆ อยู่ที่การเดินห้าง ดูหนัง และกินอาหารฟาสต์ฟู้ด ส่วนการเข้าวัดตักบาตรทำบุญนั้น
แทบจะไม่ได้ย่างกรายไปเลย หากเยาวชนพากันเป็นเช่นนี้ อนาคตของชาติก็ย่อมอยู่ใกล้ๆ
กลียุคดีๆ นี่เอง
ในกาละกลียุคนั้น
พระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้ว่า เด็กอายุเพียง ๕ ปีก็มีผัวได้แล้ว (ยังโชคดีที่ปัจจุบันเริ่มมีผัวตอนอายุ
๑๖ ปี) อาหารหลากรสทั้งหลายที่มีเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อยและเกลือ
จะอันตรธานหายไป คงเหลือแต่เพียงหญ้ากับแก้เป็นอาหารอย่างดี จักไม่มีการเลี้ยงดูบิดามารดา
( ส่งไปบ้านคนชราอย่างทุกวันนี้) เขาจักไม่มีจิตคิดเคารพยำเกรงว่า
นี่แม่ นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า สัตวโลกทั้งหลายจะถึงความสมสู่ปะปนกันหมด
เปรียบเหมือนแพะ ไก่ สุกร สุนัขบ้าน ฉะนั้น
และสัตว์เหล่านั้นต่างจะเกิดความอาฆาต
พยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน เหมือนพรานเนื้อที่ปรารถนาจะฆ่าเนื้อฉะนั้น
และจะมีสัตถันตรกัปสิ้น ๗ วันที่มนุษย์เหล่านั้นจักสำคัญกันและกันว่าเป็นเนื้อ
ศัสตราทั้งหลายอันคมจักปรากฏมีในมือพวกเขา และพวกเขาจะฆ่ากันเองโดยสำคัญว่านี้เนื้อ
(เลียนแบบเด็กช่างกลของเราเปี๊ยบเลย)
พระพุทธเจ้าได้พูดถึงมนุษย์แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น
อายุยืนเป็นหมื่นๆ ปี ข้าวสาลีสุกงอกออกมาเอง โดยไม่ต้องขุดไม่ต้องไถ
อยากกินเช้า-กินเย็นก็ไปเก็บมากินได้ไม่ขาดตอน แต่ต่อมามนุษย์เกิดขี้โลภคิดเอาเปรียบคนอื่นขึ้นมา
จึงได้คิดเก็บข้าวสาลีเอามาสะสมไว้เพื่อกินให้ได้หลายๆ วัน เมื่อมีคนหนึ่งมาทำ
คนอื่นๆ กลัวจะเสียเปรียบก็พากันทำตามอย่าง สุดท้ายข้าวสาลีที่เคยงอกออกมาเองก็หายไป
เหมือนพืชพันธุ์ธัญญาหารหลายๆ อย่าง ที่สูญหายไปในทุกวันนี้
ความขี้โลภทำให้มนุษย์เกิดความคิดเอาเปรียบ
เริ่มสะสม กอบโกย กักตุน พยายามแสวงหากำไรสูงสุด มนุษย์ในระบบทุนนิยมจึงหาทางคิดเอาเปรียบทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ไม่ว่าแผ่นดิน ท้องฟ้า ป่าไม้ แม่น้ำ ฯลฯ แม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันเอง
จนมีผลให้ดินป่วย ฟ้าป่วน แม่น้ำแห้ง ป่าไม้หาย มนุษย์พากันล้มตาย
เพราะการถูกเอาเปรียบจากชาติที่โหดร้ายกว่า
หากถามเด็กๆ ว่าการเอาเปรียบกับการเสียสละอันไหนดีกว่ากัน
เด็กที่พอรู้ความจะตอบได้ถูกว่าการเสียสละนั้นแหละดีกว่า
แต่การกระทำของมนุษย์ที่มีปัญญาชาญฉลาดกลับตั้งหน้าตั้งตาเอาเปรียบทุกลมหายใจเข้าออก
โลกยุคโลกาภิวัตน์จึงคืบคลานไปสู่ยุคโลกาพินาศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
(เราคิดอะไร
ฉบับที่ ๑๕๙ ตุลาคม ๒๕๔๖) |